บทที่ 878 มู่หรง ชิงเหอ

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 878 มู่หรง ชิงเหอ

บทที่ 878 มู่หรง ชิงเหอ

เฉียวเสวี่ยอิงหัวเราะ “แม้ฉู่ฮวนเจาไม่ค่อยได้มาเมืองหลวงสักเท่าไร แต่ทุกครั้งที่นางมา ตระกูลฉินก็ปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดีเช่นกัน”

ซูอันรู้สึกว่าตัวเองกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนไปถามเรื่องส่วนตัวของเฉียวเสวี่ยอิงต่อ

เขาถามนางเกี่ยวกับสิ่งที่นางทำหลังจากมาถึงเมืองหลวง ส่วนทางด้านเฉียวเสวี่ยอิงก็ถามประสบการณ์ที่เขาพบเจอตอนระหว่างทางมาเมืองหลวง ทั้งสองคนต่างประหลาดใจกับประสบการณ์ของอีกฝ่าย

หลังจากนั้นไม่นานเฉียวเสวี่ยอิงก็ลุกขึ้น “ไปกันเถอะ”

“เราจะไปที่ไหน?” ซูอันถาม

เฉียวเสวี่ยอิงกลอกตา “ไปเยี่ยมชูเหยียนในคฤหาสน์ตระกูลฉิน ข้ารู้สึกได้ว่าเจ้าเป็นกังวล”

ซูอันยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “มันชัดเจนมากขนาดนั้นเลยเหรอ…? เฮ้อ…นางพยายามจะช่วยข้า แต่นางกลับถูกตระกูลฉินกักบริเวณ ข้ากังวลว่านางจะทำอะไรโง่ ๆ”

“เราควรบอกให้นางรู้ว่าเจ้าปลอดภัยดี” เฉียวเสวี่ยอิงจับมือเขาไว้ “เจ้าไม่คุ้นเคยกับเมืองหลวง ดังนั้นเจ้าคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคฤหาสน์ตระกูลฉินอยู่ที่ไหน ข้าจะพาเจ้าไปเอง”

ทั้งสองมุ่งหน้าไปที่ทางออก เฉียวเสวี่ยอิงนึกถึงบางสิ่งได้และหันกลับมา ซูอันมองนางด้วยความงุนงงเมื่อเห็นนางเดินกลับไปเก็บเมล็ดแตงโมที่เหลือบนโต๊ะใส่ไว้ในกระเป๋าของนาง

“เจ้านี่ชอบเคี้ยวเมล็ดแตงโมจริง ๆ…” ซูอันหยิกแก้มของนางเบา ๆ

เฉียวเสวี่ยอิงหน้าแดง “เดี๋ยวนี้ข้ายุ่งมากจนไม่มีเวลาว่างพอที่จะเคี้ยวพวกมันเหมือนตอนที่ข้าอยู่ในตระกูลฉู่”

ซูอันหัวเราะและลูบหัวนาง “คราวหน้าข้าจะซื้อเพิ่มให้”

“ไม่! ถ้าซื้อเยอะไปแล้วข้ากินไม่ทันมันอาจจะชื้นก่อน ซึ่งหลังจากนั้นมันจะไม่อร่อยอีก!”

“ตอนนี้ข้าใช้ธาตุไฟได้แล้ว ข้าสามารถช่วยเจ้าอุ่นมันให้แห้ง”

“เฮ้อ…ข้าเป็นผู้บ่มเพาะธาตุไม้ ดังนั้นข้าจึงเกลียดอะไรที่เกี่ยวกับไฟมาโดยตลอด แบบนี้ต่อไปไม่ใช่ว่าข้าต้องถูกเจ้าข่มเหงไปตลอดชีวิตที่เหลือของข้างั้นเหรอ?”

“อันที่จริงเจ้าสามารถใช้น้ำของเจ้าดับไฟของข้าได้ แต่เจ้าต้องใส่ความพยายามมากขึ้นอีกหน่อย”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ข้ามีน้ำ…” เฉียวเสวี่ยอิงงุนงง แต่เมื่อนางเห็นรอยยิ้มแปลก ๆ ของเขา นางก็นึกขึ้นได้ว่าซูอันหมายถึงอะไร นางเริ่มทุบเขาทันที “เจ้ามันคนบ้า! เจ้ามันคนลามกที่สุด!”

“ฮ่า ๆๆ…”

ทั้งสองแลกเปลี่ยนเรื่องตลกขณะเดินไปด้วยกัน และจากนั้นไม่นานพวกเขาหยุดลงที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่แห่งหนึ่ง

“ที่นี่คือตระกูลฉิน” เฉียวเสวี่ยอิงชี้นิ้ว

ซูอันตกตะลึง เขาคิดว่าคฤหาสน์ตระกูลฉู่นั้นใหญ่โตมากที่สุด แต่เมื่อเทียบกับคฤหาสน์ตระกูลฉินแล้วมันเทียบกันไม่ได้เลย ที่นี่ใหญ่โตราวกับพระราชวังหลวงขนาดเล็ก!

“รวยเป็นบ้า!” เขาอุทานขึ้น

เฉียวเสวี่ยอิงเข้าใจความรู้สึกของเขา “ตระกูลฉินเป็นตระกูลทหารที่สำคัญที่สุด ดังนั้นมันจึงแข็งแกร่งกว่าตระกูลฉู่มาก อย่างไรก็ตาม นี่ยังไม่มีอะไรเทียบได้กับตระกุลอวี้ที่ฟุ่มเฟือยราวกับเป็นราชนิกุล”

ซูอันจำได้ว่าฉู่ชูเหยียนเคยกล่าวเอาไว้ ตระกูลอวี้ไม่ได้เป็นเพียงผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักเท่านั้น แต่พวกเขายังดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับหินพลังชี่ซึ่งทำให้พวกเขาร่ำรวยมหาศาลที่สุด

อวี้เหยียนลั่วปรากฏตัวขึ้นในใจของเขา ความงามระดับล่มเมืองของนางเคยกวนใจเขาอย่างยิ่ง แต่มันก็นานมากแล้ว และเขาไม่ได้ติดใจเหมือนเมื่อก่อน

ฮึ่ม! อวี้เหยียนลั่ว อย่าให้ข้าเจอเจ้าอีกรอบก็แล้วกัน ไม่งั้นข้าสัญญาว่าเจ้าจะต้องชดใช้ที่มาหลอกข้า!

เฉียวเสวี่ยอิงเอ่ยขึ้น “อาซู ข้าจะไม่เข้าไปข้างในกับเจ้า ข้ามีธุระอีกหลายอย่างที่ต้องจัดการ และด้วยสถานะของตัวข้า การพบปะกับพวกเขาคงจะไม่ดีแน่ ๆ”

“ได้ ไปจัดการเรื่องที่จำเป็นของเจ้าเถอะ” ซูอันจำได้ว่านางเคยเป็นสายลับในตระกูลฉู่ แม้ฉู่ชูเหยียนจะให้อภัยนางในตอนท้าย แต่ฉู่ชูเหยียนก็ไม่ได้มีอิทธิพลมากนักในตระกูลฉิน

ถ้าตระกูลฉินจับนางได้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน

เฉียวเสวี่ยอิงรู้สึกเศร้าเล็กน้อยที่ต้องแยกจาก แต่ทันใดนั้นอารมณ์ของนางก็ดีขึ้นทันทีเมื่อได้เขาพูดว่า “ว่าแต่หลังจากนี้ไป เจ้าจะมาหาข้าที่เรือนของข้า หรือจะให้ข้าไปหาเจ้าดี?”

แก้มของเฉียวเสวี่ยอิงเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที “ข้าไม่รู้ว่าข้าจะเสร็จธุระเมื่อไร…มันจะสะดวกกว่าถ้าข้าไปหาเจ้า”

ซูอันโอบแขนรอบเอวและจูบนางเบา ๆ “งั้นข้าจะรอ”

แต่แล้วเมื่อเฉียวเสวี่ยอิงจำได้ว่าร่างกายของนางแทบจะหักเหมือนกิ่งไม้เมื่อคืนก่อนได้อย่างไร? ใบหน้าของนางก็แดงขึ้นอีกครั้ง

นางต้องการปฏิเสธเขา แต่อีกใจหนึ่งของนางก็รู้สึกอยากจะทำต่อไปเช่นกัน

เมื่อเฉียวเสวี่ยอิงจากไป ซูอันก็จัดแต่งเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินไปที่ประตูทางเข้าคฤหาสน์ตระกูลฉิน

ในตอนแรกเขาคิดที่จะแอบเข้าไปข้างใน แต่เขากลับเปลี่ยนใจ เขาไม่ใช่อาชญากรอีกต่อไป ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องแอบ ๆ ซ่อน ๆ

เขามาถึงที่ทางเข้าและแจ้งคนเฝ้าประตูถึงเหตุผลที่มาเยี่ยม ทุกคนตกใจและบอกให้เขารออยู่ข้างนอกก่อนจะรีบเข้าไปแจ้งนายท่าน

ซูอันมีสีหน้าแปลก ๆ เขาคิดว่าจะต้องเจอกับยามที่จองหองและพยายามจะหยุดเขาเหมือนในนิยายที่เคยอ่าน เขาไม่คิดว่าทุกอย่างจะราบรื่นแบบนี้

ทันทีที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้น เสียงผู้หญิงก็ดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของเขา “อ้อ เจ้าคือซูอัน”

น้ำเสียงค่อนข้างไพเราะ แต่แฝงไปด้วยความเย็นชา

ซูอันหันกลับมาและเห็นผู้หญิงร่างสูงผอมเพรียวยืนมองเขาอยู่ไม่ไกล

หญิงสาวคนนี้งดงามอย่างเห็นได้ชัด รูปร่างอันสมส่วนของนางดึงดูดสายตาอย่างยิ่ง นางไม่ได้สวมชุดกระโปรงเหมือนหญิงสาวคนอื่นแต่เป็นชุดเสื้อผ้ารัดรูป เขาสามารถบอกได้จากการมองรูปร่างเพียงอย่างเดียวว่าไม่มีไขมันที่ไม่พึงประสงค์ในร่างกายของนาง

แม้แต่หน้าอกของนางก็สวยและมีขนาดใหญ่เข้ารูป

สีผิวของนางนั้นแตกต่างจากหญิงสาวตระกูลสูงศักดิ์อื่น ๆ ที่ไม่ค่อยถูกแดดเลีย ผิวของนางเป็นสีแทนเนียนสะอาดราวกับถูกอาบย้อมเป็นอย่างดีจากแสงแดดในปริมาณที่พอเหมาะ ดูไม่หยาบกระด้าง ตรงกันข้าม มันดูเหมือนหยกสีน้ำผึ้งที่เรียบเนียน

เมื่อรวมกับขาที่เรียวยาวของนาง นางจึงเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของสาวงามที่แข็งแรงและดูดุร้าย แม้ว่าจะไม่รู้จักนาง แต่เขาก็บอกได้ว่านางเป็นผู้หญิงที่รักในการใช้ชีวิตและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง

ใบหน้าของหญิงสาวมืดลงทันทีเมื่อเห็นท่าทางของเขา “เจ้ากำลังมองอะไร?”

ท่านยั่วยุมู่หรงชิงเหอสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 244!

มู่หรงชิงเหอ?

ซูอันพยายามนึกทบทวน เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

เมื่อเห็นท่าทางโกรธเคืองของนาง ซูอันยิ้มและพูดว่า “เจ้าเป็นคนที่เรียกข้า แน่นอนว่าข้าต้องดูให้ดี ๆ ว่าเจ้าเป็นเพื่อนของข้าหรือไม่?”

หญิงสาวสูดหายใจเข้า “เจ้าเรียกใครว่าเพื่อน?”

“อย่าเพิ่งรีบตัดสินข้าสิ” ซูอันกล่าว “เมื่อคืนที่ผ่านมาข้าฝันว่าข้ามีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งซึ่งหน้าตาเหมือนเจ้ามาก ๆ เลย เพื่อนในฝันของข้าคนนั้นได้บอกชื่อของนางให้แก่ข้าด้วยว่านางชื่อ มู่หรงชิงเหอ เจ้าชื่อมู่หรงชิงเหอเหมือนกันด้วยใช่ไหม?”

มู่หรงชิงเหอตกใจจนถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว นางมั่นใจว่านางไม่เคยพบชายคนนี้มาก่อน เหตุผลเดียวที่นางรู้ชื่อของเขาเพราะเขาเพิ่งประกาศตัวตนที่ประตูคฤหาสน์

ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงรู้ชื่อของนาง? เป็นไปได้หรือที่เขาและนางเคยเจอกันในความฝัน…?

ใบหน้าของหญิงสาวแดงก่ำ “ข้าจะเคยพบกับคนเช่นเจ้าในความฝันได้อย่างไร? นับประสาอะไรกับการเปิดเผยชื่อของข้าให้เจ้าฟัง? หลายคนในเมืองหลวงรู้จักชื่อของข้า เจ้าคงเคยแอบติดตามข้ามาก่อนแน่ ๆ เลย!”

ซูอันอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ สาวสวยทุกคนมั่นใจในตัวเองแบบนี้จริงหรือ?

“ในเมื่อเจ้าดูมั่นใจว่าเราไม่เคยพบกันในความฝัน ทำไมเจ้าถึงจำข้าได้?” ซูอันสังเกตว่ายังไม่มีใครจากตระกูลฉินมารับเขา การได้เล่นกับหญิงสาวฆ่าเวลาจึงดูไม่ได้แย่ขนาดนั้น

“ก็เจ้าเพิ่งบอก…” มู่หรงชิงเหอโต้ตอบทันที “ข้าเกือบไขว้เขวแล้ว! คนแซ่ซู เจ้าต้องโดนสักทีจะได้เลิกพูดจากวนประสาท!”

จากนั้นนางจึงพุ่งเข้าใส่เขา นางคือผู้บ่มเพาะเช่นกัน ดังนั้นนางจึงสามารถปิดระยะห่างได้ในพริบตา นางถีบไปที่หน้าอกของซูอันตรง ๆ!