บทที่ 881 ฉินเจิ้ง

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 881 ฉินเจิ้ง

บทที่ 881 ฉินเจิ้ง

มู่หรงชิงเหอสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของซูอัน นางจ้องกลับด้วยสายตาที่แสดงความรังเกียจ แต่เมื่อนางคิดว่าอนาคตพวกเขาจะต้องได้พบกันบ่อยมากขึ้นแน่ ๆ ในฐานะสมาชิกในครอบครัว นางก็กลืนความโกรธนี้ลงคอไป

ฮึ่ม! ข้าจะไม่ลดตัวลงมาเถียงกับเจ้าพราะพี่ฉู่!

ฉู่โหยวเจาโบกมือให้ซูอัน “พี่เขย…อะแฮ่ม…ท่านตาเชิญเจ้าเข้าไปข้างใน”

ซูอันพยักหน้า เขาค่อนข้างอยากรู้ว่าตาของชูเหยียนซึ่งเป็นบุคคลในตำนานที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในกองทัพเป็นอย่างไร

ขณะที่พวกเขาเข้าไปข้างในฉู่โหยวเจาถามมู่หรงชิงเหอ “ชิงเหอ ทำไมวันนี้ถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?”

มู่หรงชิงเหอเหลือบมองซูอัน “ทั้งหมดเป็นเพราะเขา! เมื่อเช้านี้องค์จักรพรรดิไม่พอใจที่มีการลอบสังหารเกิดขึ้นในเมืองหลวง ตาของข้าเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยในเมืองหลวงจึงต้องรับผิดชอบ เขาถูกย้ายไปดำรงตำแหน่งหัวหน้าผู้ดูแลกิจการทั่วไปซึ่งไม่มีอำนาจที่แท้จริง ฮึ่ม!”

“มันเป็นความผิดของข้าได้อย่างไรล่ะ?” ซูอันโต้กลับ “เห็นได้ชัดว่าข้าเป็นเหยื่อ ตาของเจ้าไม่สามารถรักษาความปลอดภัยในเมืองหลวงได้ นั่นคือเหตุผลที่ข้าถูกโจมตีทันทีที่ข้าเข้ามาในเมือง ข้าเกือบตายไปแล้วรู้ไหม?”

มู่หรงชิงเหอหน้ามุ่ย “ท่านตาของข้าไม่ใช่คนเดียวที่รับหน้าที่ดูแลความสงบในเมืองหลวงสักหน่อย แต่เขากลับถูกลงโทษอยู่คนเดียว นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลเลย…ไม่สิ เรื่องทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะเจ้า! ถ้าเจ้าไม่โผล่มาเรื่องทุกอย่างก็คงไม่เกิด!”

ซูอันรู้ว่าจักรพรรดิเพียงแค่หาข้ออ้างที่จะสับเปลี่ยนเสนาบดีคนสำคัญที่ภักดีต่อฝ่ายราชันลมปราณอย่างแน่นอน แต่เขาไม่สามารถพูดออกมาดัง ๆ ได้

ฉู่โหยวเจาพยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์นี้อย่างรวดเร็ว “พวกเจ้าทั้งคู่เป็นเพียงเหยื่อเหมือนกัน! นักฆ่าคือคนที่เราควรตำหนิสำหรับเรื่องทั้งหมดนี้”

เมื่อวานนี้นางเกือบถูกฆ่าเช่นกัน และนางได้รับการช่วยเหลือจากพี่เขยคนนี้ หืม? ทำไมเมื่อคืนข้าถึงฝันถึงเรื่องน่าอายบางอย่าง…เหมือนจะเป็นพี่เขยขี่ม้า?

พวกเขาเดินเข้ามายังห้องโถงหลักอย่างรวดเร็ว ด้านในมีชายชรารูปร่างสูงแข็งแรงกำลังจ้องมองมาที่ทั้งสามคน รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “ชิงเหอน้อย เจ้าคงมาเล่นกับโยวเจาอีกแล้ว”

ใบหน้าของซูอันมืดลง ชายชราคนนี้จงใจเพิกเฉยต่อเขาอย่างชัดเจน

มู่หรงชิงเหอหน้าแดงเล็กน้อย “ไม่ใช่อย่างนั้น” นางอธิบายอย่างรวดเร็ว “ท่านตาของข้าต้องการจัดงานเลี้ยงคืนนี้ เขาต้องการเชิญท่านผู้บัญชาการและท่านแม่ทัพใหญ่รักษามาตุภูมิมาพูดคุยกัน ข้าจึงอาสามาเชิญท่านด้วยตนเอง”

ฉินเจิ้งเป็นผู้บัญชาการทัพด่านหน้า ในขณะที่ฉินเสอเป็นแม่ทัพใหญ่รักษามาตุภูมิ พวกเขาทั้งสองมีอำนาจอันยิ่งใหญ่

ทั้งสองอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของบรรดาขุนนาง ฉู่จงเทียนในฐานะอ๋องจันทร์กระจ่างอยู่ในอันดับที่ต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม ตระกูลฉู่มีพื้นที่ศักดินาและกองทัพเป็นของตัวเอง ดังนั้นพลังที่แท้จริงของพวกเขาจึงยิ่งใหญ่กว่าของอ๋องธรรมดามาก เกือบจะเทียบเท่ากับขุนนางแห่งอาณาจักร

ซูอันย่นจมูกด้วยความรังเกียจเมื่อได้ยินมู่หรงชิงเหอตอบอย่างอ่อนหวาน เจ้าพยายามหลอกใคร? ขณะที่กำลังพูดอยู่เจ้าก็แอบดูฉู่โหยวเจาไปด้วย! ทุกคนสามารถบอกได้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของเจ้าคืออะไร?!

ว่าแต่ผู้นำตระกูลฉินรู้เกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของฉู่โหยวเจาหรือไม่? ถ้าเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่แค่แม่นางตระกูลมู่หลงเท่านั้นที่ความรักจะไม่สมหวัง…

ฉินเจิ้งพยักหน้า “ตกลง ข้าจะเข้าร่วมงานเลี้ยงพร้อมกับพี่ชายของข้าในคืนนี้”

แน่นอนว่าเขารู้เหตุผลเบื้องหลังคำเชิญของตระกูลมู่หลง เขาเหลือบมองที่ซูอันโดยไม่รู้ตัว จากนั้นความโกรธก็พลุ่งพล่านอยู่ภายในใจ

การต่อสู้ระหว่างราชันลมปราณและรัชทายาทกำลังดำเนินไปด้วยดี แต่ตัวแปรโง่ ๆ นี้ก็ปรากฏตัวขึ้น ฝ่ายของราชันลมปราณประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ และแม้แต่บิดาของมู่หรงชิงเหอก็ถูกปลดออกจากตำแหน่ง!

ท่านยั่วยุฉินเจิ้งสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 724!

ซูอันรู้สึกปวดหัวเมื่อเห็นคะแนนความโกรธแค้น เขาเข้าใจอย่างคร่าว ๆ แล้วว่าเป็นเพราะเหตุใด แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของเขาจริง ๆ ข้าเองเป็นเหยื่อด้วยเช่นกัน!

ดูเหมือนว่าการมาครั้งนี้จะไม่ค่อยราบรื่นนัก

ฉู่โหยวเจารีบพูด “ท่านตา พี่เขยมีเรื่องจะปรึกษากับท่าน”

“พี่เขย?” ฉินเจิ้งขมวดคิ้ว “เจ้ามีพี่เขยเมื่อตั้งแต่เมื่อไร?”

ฉู่โหยวเจายังไม่รู้สถานการณ์ นางแนะนำซูอันอย่างรวดเร็ว “นี่คือซูอัน สามีของพี่ใหญ่…”

ฉินเจิ้งตัดบทก่อนที่นางจะพูดจบ “ตระกูลฉู่ได้เขียนจดหมายหย่าแล้วทำให้การแต่งงานของพวกเขาเป็นโมฆะ เขาจะยังเกี่ยวข้องกับพี่ใหญ่ของเจ้าได้อย่างไร?”

ฉู่โหยวเจาพูดไม่ออก เพราะนี่เป็นเรื่องจริง

ซูอันขมวดคิ้ว แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไร ฉินเจิ้งก็พูดอีกครั้ง “นายน้อยซูข้าได้ยินมาว่าเจ้ามอบวิชาวัฏจักรหงส์อมตะแก่จักรพรรดิและได้รับตำแหน่งบุรุษหงส์เป็นการตอบแทน?”

แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะสุภาพ แต่ก็ยังห่างเหิน

เนื่องจากนี่คือตาของฉู่ชูเหยียน ซูอันจึงตอบอย่างสุภาพว่า “แน่นอน ข้าได้ถวายเคล็ดวิชาแด่ฝ่าบาทก่อนหน้านี้”

ฉินเจิ้งจ้องมองเขา “ในโลกนี้มีวิธีที่จะได้รับความเป็นอมตะจริง ๆ หรือ?”

“มันจะเป็นเช่นนั้นถ้าท่านเชื่อ และมันจะไม่เป็นเช่นนั้นถ้าท่านไม่เชื่อ” ซูอันตอบอย่างไม่ใส่ใจ

ฉินเจิ้งเยาะเย้ย “หากมีหนทางที่จะได้ความเป็นอมตะจริง ๆ พระองค์จะทรงปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ทำไม?”

“ท่านผู้บัญชาการทัพด่านหน้ากำลังบอกว่าฝ่าบาทเป็นคนใจแคบและโหดร้ายใช่หรือไม่?” ซูอันหรี่ตาพลางถามกลับ

ฉินเจิ้งสะอึก เขาคิดไม่ถึงว่าตนเองจะพ่ายแพ้ต่ออารมณ์และพูดออกไปโดยไม่ทันได้คิด “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น องค์จักรพรรดิคือโอรสสวรรค์เป็นผู้ปกครองใต้หล้า คนธรรมดาคนไหนจะกล้าตัดสินพระองค์ได้ ไม่ว่าองค์จักรพรรดิจะตัดสินใจเช่นไร มันย่อมเป็นเพราะพระองค์ทรงคิดอย่างถี่ถ้วนดีแล้วทั้งนั้น”

ซูอันตอบกลับ “จักรพรรดิทรงได้อ่านเคล็ดวิชาและเชื่อว่าแม้วิชาวัฏจักรหงส์อมตะจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บ่มเพาะแต่ก็ไม่สามารถให้ความเป็นอมตะได้ นั่นคือเหตุผลที่พระองค์ปล่อยข้ามา”

ทั้งเขาและจักรพรรดิต่างก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ท้ายที่สุด มันจะอันตรายเกินไปถ้าเที่ยวบอกใครต่อใครถึงความลับแท้จริงของความเป็นอมตะ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงจะต้องยุ่งอยู่แต่กับการจัดการกับเหล่าแมลงวันน่ารำคาญที่บินวนรอบตัวจนไม่สามารถจดจ่อกับธุระของตัวเองได้

ฉินเจิ้งพยักหน้า “นั่นก็สมเหตุสมผล” ถ้ามันสามารถให้ความเป็นอมตะได้จริง จักรพรรดิคงไม่ปล่อยซูอันมา นอกจากนี้พระองค์ยังให้ซูอันอยู่ในตำแหน่งขุนนางที่ต่ำที่สุดเท่านั้น ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าวิชาวัฏจักรหงส์อมตะที่เขาถวายให้นั้นไม่ใช่วิชาที่วิเศษดั่งคำร่ำลือ

จักรพรรดิยังเคยตรัสด้วยว่าทุกคนที่พูดถึงความเป็นอมตะโดยไม่ประสงค์ดีจะต้องถูกประหารชีวิต

อย่างไรก็ตาม เขาสงสัยว่าจักรพรรดิจงใจพยายามหลอกลวงคนอื่นหรือไม่? เขาต้องปรึกษาเรื่องนี้กับตระกูลมู่หรงและคนอื่น ๆ

ซูอันสังเกตเห็นท่าทางของฉินเจิ้งและต้องยอมรับว่าแผนของจักรพรรดินั้นยอดเยี่ยม การเล่าเรื่องไปแบบนี้ทำให้คนเหล่านี้ถูกบังคับให้คิดไปในทางที่พระองค์ต้องการ

ซูอันกระแอมและอธิบายเหตุผลที่เขามา “ข้ามาที่นี่เพื่อพาชูเหยียนกลับเรือน”

เมื่อเขาได้แสดงคำขออย่างจริงใจ ถึงเวลาของตระกูลฉินที่จะตอบ

“กลับเรือน?” ใบหน้าของฉินเจิ้งมืดลง “ไม่มีอะไรระหว่างเจ้ากับชูเหยียนอีกแล้ว เจ้าหมายถึงอะไรที่ว่าจะ ‘พานางกลับเรือน’? อีกอย่างที่นี่คือบ้านของนาง!”

เสียงของซูอันเย็นลง “ถ้าข้าจำไม่ผิดพวกท่านได้ตัดขาดความสัมพันธ์แบบพ่อลูกกับแม่ของชูเหยียนแล้ว พูดตรง ๆ ท่านสองคนไม่เกี่ยวกัน นี่จะถือว่าเป็นบ้านของนางได้อย่างไร?”

“เจ้า!” ฉินเจิ้งตะคอกด้วยความโกรธ เขาเป็นคนที่มีสถานะสูงและมีอำนาจอันยิ่งใหญ่ จะเคยมีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้บ้าง?

ท่านยั่วยุฉินเจิ้งสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!

ซูอันยังคงไร้ความรู้สึก เขาได้ผ่านพ้นด่านจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่มาแล้ว ไม่ว่าฉินเจิ้งจะน่าเกรงขามเพียงใด ย่อมไม่สามารถเปรียบเทียบกับจักรพรรดิได้!