บทที่ 818 เสี่ยวเหมาคือใคร

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 818 เสี่ยวเหมาคือใคร

บทที่ 818 เสี่ยวเหมาคือใคร

ตอนนั้นซานกงยังหัวเราะกับคำพูดเสี่ยวเหมยอยู่เลย เพิ่งจะอายุเท่านี้ก็คิดเรื่องเกษียณแล้ว

“หลานชอบก็ดีแล้ว ลุงยังกลัวอยู่เลยว่าจะปรับตัวไม่ได้ เพราะที่นี่มันเป็นชนบทเลยน่ะ” เสิ่นจื่อเจินยิ้มอ่อนโยน

ถึงเสี่ยวเถียนจะเป็นเด็กชนบท แต่เธออยู่เมืองหลวงมาหลายปีจนปรับตัวกับที่นั่นได้นานแล้ว

คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่คนส่วนใหญ่จะรู้สึกว่า การปรับตัวเขากับชีวิตที่ยากลำบากมันยากหลังจากอยู่สบายมาก่อน

“อากาศที่นี่ทำให้หนูรู้สึกสดชื่นมากค่ะ!”

ไม่รู้เพราะอยู่บนรถไฟนานไปหรือเปล่า ถึงรู้สึกว่าอากาศที่นี่มันสดชื่นเป็นพิเศษ บริสุทธิ์ไร้มลพิษ แถมยังมีกลิ่นหอมของดอกข้าวอีกด้วย

แล้วก็มีกลิ่นหอมจาง ๆ ที่ไม่รู้คืออะไรด้วย

แต่ความรู้สึกของสถานที่แห่งนี้ได้มอบคำสองคำให้เสี่ยวเถียนได้ว่า แสนสบาย!

เด็กสาวรู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้ค่อนข้างคุ้มค่านัก ดีเหมือนกันที่ได้มาอยู่ที่นี่สักพักหนึ่ง

ตอนนี้เริ่มนึกแล้วว่าวันหยุดควรกลับมาอีกดีไหม

หรือจะหาซื้อบ้านที่นี่เลยดี?

มันเหมาะแก่การมาพักผ่อนฟื้นฟูร่างกายและจิตใจมาก ๆ ถ้าปู่ย่าเกษียณเมื่อไรเราให้แกมาอยู่ที่นี่ได้ด้วย

แต่มันก็แค่ความคิดชั่วครู่เท่านั้น พวกเขาคงไม่อยากมาหรอก

สำหรับคนแก่ ไม่ว่าบ้านเกิดจะทุรกันดานแค่ไหนก็ไม่มีอะไรเทียบเท่าได้

ถ้าพวกเขาไม่อยู่เมืองหลวง ก็คงกลับหมู่บ้านหนานหลิ่ง

อย่างที่ปู่บอก สูงสุดคืนสู่สามัญ!

ตอนนี้พวกเขายินดีอยู่ที่อื่น ว่ากันตรง ๆ ก็เพื่ออนาคตลูกหลาน เพราะงั้นเธอจึงเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่เลยว่าปู่ย่าอยากกลับบ้านเกิดไปใช้ชีวิตในพื้นที่เล็ก ๆ แห่งนั้น

ช่างเถอะ คิดตอนนี้มันยังเร็วเกินไป แถมดูเหมือนเราจะซื้อขายบ้านเป็นการส่วนตัวไม่ได้ด้วย

เดินคิดเพลิน ๆ ก็มาถึงฐานวิจัย ถึงจะชื่อฐานวิจัย แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นสนามกว้างแห่งหนึ่ง

ข้างหลังมีนาข้าวด้วย

เสี่ยวเถียนรู้ทันทีว่ามันคือสนามทดลองของเรา

เพราะมันได้รับการดูแลอย่างดี

เมื่อมองผ่านประตูรั้วเหล็กเข้าไป ในสนามจะมีอาคารหลักเล็กหลังหนึ่ง ข้าง ๆ กันนั้นมีบ้านพักประมาณเจ็ดแปดหลัง

เสี่ยวเถียนคิดว่าตัวอาคารน่าจะเป็นพื้นที่ทดลอง

ส่วนบ้านพักข้าง ๆ คงเอาไว้ใช้ให้เราพักผ่อน

“เสี่ยวเถียน เรามาถึงแล้วละ” เสิ่นจื่อเจินเคาะประตู

มีคนอยู่ด้วยหรือ?

เสี่ยวเถียนคิด

แต่ก็คิดขึ้นได้ว่าต้องมีคนอยู่แล้ว พวกลุงเขยมาปีนึงไม่กี่ครั้งสนามทดลองจึงต้องการคนดูแล

ในไม่ช้าก็มีชายคนหนึ่งเดินออกจากหัวมุมของบ้านพักออกมา และกำลังตรงมาทางนี้

ตอนเขาเห็นพวกเราก็รีบวิ่งมาทันทีชายคนนี้เป็นชายวัยกลางคนอายุราว ๆ 40 ปี

เขาดูเป็นคนซื่อสัตย์มาก ตอนเห็นเสิ่นจื่อเจินก็ยิ้มทันที รู้เลยว่ามีความสุข

“อาจารย์เสิ่นมาแล้วหรือครับ? เร็วกว่าที่บอกไว้ตั้งสามวันเลย!”

ภาษาจีนกลางสำเนียงท้องถิ่นดูฟังยากแต่ได้ยินชัดเจนดี

เขาให้ความเคารพต่อลุงเขยมาก แค่วิธีการพูดก็สัมผัสได้แล้ว

จากนั้นชายวัยกลางคนพลันเหลือบไปเห็นกระเป๋าเดินทางตรงเท้าเสิ่นจื่อเจิน จึงกุลีกุจอเข้ามาช่วยยก

“แล้วช่วงนี้ทุกอย่างเป็นยังไงบ้างครับ?”

เสิ่นจื่อเจินไม่เกรงใจยกหน้าที่ให้เขาจัดการ

มันไม่ได้หนักแต่เขาเหนื่อยมาก

ซานกงมีกระเป๋าเดินทางเต็มมือไปหมด รู้สึกเขินอายที่ให้หลานมาช่วยด้วย

ส่วนเสี่ยวเถียน เขาไม่มีทางให้เด็กผู้หญิงช่วยถือหรอกนะ

“เสี่ยวเถียน ลุงขอแนะนำให้ได้รู้จักนะ คนนี้คืออันหรงหัว เรียกลุงอันก็ได้ ตอนพวกเราไม่อยู่ครอบครัวเขาคอยดูแลทุ่งนาให้น่ะ” เสิ่นจื่อเจินหยุดไปครู่ ก่อนว่าต่อ “เสี่ยวเหมาไม่อยู่หรือ?”

เสี่ยวเหมา?

ทำไมตั้งชื่อสุ่มสี่สุ่มห้าขนาดนี้?

ขณะที่กำลังสงสัยก็ได้ยินลุงอันเอ่ย

“สหายเหมาออกไปข้างนอกครับ เห็นว่าจะกลับมาตอนเย็น” อันหรงหัวตอบทันที แต่เสี่ยวเถียนรู้สึกว่าเขาดูมีอะไรอยากพูดอีก

เสิ่นจื่อเจินเหนื่อยและอยากพักผ่อนมาก จึงไม่ทันสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงนั่น

“เสี่ยวเถียน นี่คือบ้านพักของลุงเอง ห้องทางซ้ายเป็นของพี่สาม ทางขวาของพี่เสี่ยวเหมย หลานอยู่ห้องพี่เขาได้นะ!”

เสี่ยวเถียนตอบรับ “ได้ค่ะ”

“วันนี้มีแดดพอดีครับเลยได้ตากผ้านวม พยากรณ์อากาศบอกว่าอีกสองวันข้างหน้าจะมีเมฆมาก แดดออกแค่วันนี้เท่านั้น” อันหรงหัวรู้สึกขัดเขิน

ทีแรกเสี่ยวเถียนคิดว่าอากาศที่นี่น่าจะชื้น ยังกลัวนอนไม่หลับเพราะแดดไม่ส่อง แต่ใครจะรู้เล่าว่าลุงอันกลับเป็นกังวลแทนแล้ว

“ขอบคุณมากครับ รบกวนพวกคุณคอยช่วยดูแลเยอะเลย ไม่งั้นพวกเราก็คงไม่ได้สะดวกสบายแบบนี้หรอก” เสิ่นจื่อเจินยิ้มขอบคุณ “ผมเอาของขวัญจากเมืองหลวงมาให้ลูก ๆ คุณทั้งสองคนด้วยครับ ไว้เก็บของเสร็จจะให้พวกเขามาเอานะครับ”

เห็นได้ชัดเลยว่าลุงเขยสนิทกับครอบครัวอันหรงหัวมาก ดูท่าคงชอบพวกเขาไม่น้อย

“เกรงใจจังเลยครับ พวกเราแค่ทำในสิ่งที่ควรทำ แถมพวกคุณก็ให้เงินด้วย”

“เดินทางมาหลายวันเริ่มหิวแล้วสิ รบกวนให้ภรรยาคุณช่วยทำอาหารให้พวกเราหน่อยนะครับ” เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายปฏิเสธจึงพูดถึงอาหารทันที

อันหรงหัวตบหัว “ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลยครับ ระหว่างทางน่าจะไม่ได้กินของอร่อย เดี๋ยวให้แม่เขาทำมาให้นะครับ”

จากนั้นก็วางสัมภาระไว้ที่บ้านเสิ่นจื่อเจินแล้ววิ่งไปยังบ้านหัวมุม

ลุงเขยส่ายหัว ยกยิ้มอย่างช่วยไม่ได้

“เสี่ยวเถียน ซานกง ไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนเถอะ กินข้าวเสร็จต้องรีบเข้านอน พรุ่งนี้งานยุ่งแต่เช้าเลย”

สองพี่น้องรีบตอบรับ

เสี่ยวเถียนผลักประตูเข้าไป ก่อนจะเห็นโดยรอบอย่างชัดเจน

บ้านหลังนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก ประมาณ 16-17 ตารางเมตร เป็นบ้านเดี่ยวเรียบง่าย

ข้างหน้าต่างมีโต๊ะและเก้าอี้ไม้สองตัว

ตัวโต๊ะสะอาดมาก บนนั้นวางขวดหมึกและกระดาษที่ขีดเขียนด้วยลายมือ ไม่ยักจะเห็นหนังสือ เสี่ยวเหมยน่าจะเอาติดตัวไปด้วย

เพราะในยุคนี้หนังสือเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด

มีเตียงเดี่ยวตั้งอยู่มุมห้องและตู้ไม้ขนาดใหญ่อยู่ข้าง ๆ

ถัดจากนั้นคือชั้นวางอ่างล้างหน้าที่วางตัวอ่างสีขาวลายดอกโบตั๋นสีแดงสด

ตามด้วยกระติกน้ำร้อน และถังน้ำใส่ขันน้ำเต้า

ถึงบ้านจะมีขนาดเล็กแต่มีอุปกรณ์ครบครัน เสี่ยวเถียนชอบมาก