บทที่ 819 ข้าวชั้นดีโดยแท้

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 819 ข้าวชั้นดีโดยแท้

บทที่ 819 ข้าวชั้นดีโดยแท้

เสี่ยวเถียนเดินไปข้างหน้าต่าง ก่อนจะเจอกับผ้าห่มลายดอกไม้ที่นุ่มนิ่ม

ผ้าปูที่นอนก็เป็นลายดอกไม้เช่นกัน

เธอเคยเห็นมาแล้ว เพราะใช้ลายนี้กับที่มหาวิทยาลัยเหมือนกัน

จากนั้นก็ถอดผ้าปูและปลอกผ้านวมออกแล้วพับอย่างระมัดระวัง ก่อนจะวางไว้ข้าง ๆ จากนั้นก็หยิบของตัวเองออกมาใส่แทน

กระเป๋าเธอว่างพอ จึงไม่รังเกียจที่จะเอามาเพิ่ม ส่วนใหญ่ใส่ไว้ในช่องเก็บของ มันเลยไม่กินพื้นที่และลำบากอะไรด้วย

หลังจัดเตียงเสร็จก็หยิบหนังสืออกมาวางบนโต๊ะ

เธอเดินไปหยิบกระติกน้ำร้อน จากนั้นก็เดินไปบ้านเสิ่นจื่อเจินแล้วเคาะประตูถามว่าอยากได้น้ำร้อนด้วยหรือเปล่า

ลุงเขยยิ้มแล้วหยิบให้หลานสาว

“เดินไปบ้านหลังนั้นได้เลย ภรรยาอันหรงหัวคงต้มน้ำร้อนไว้แล้วละ”

ตอนนั้นเองที่สามีของคนในบทสนทนารีบร้อนวิ่งมาหาพร้อมบอกว่าน้ำร้อนกำลังเดือด ให้พวกเขาเอาไปอาบก่อน

ซานกงเดินออกมาเจอน้องตักน้ำร้อนพอดี ตนจึงช่วยตักน้ำเย็นให้

ใช้เวลาไม่นาน ทั้งถังน้ำเย็นและกระติกน้ำร้อนก็เต็มไปด้วยน้ำ

เสี่ยวเถียนล้างตัวอย่างระมัดระวัง

ไม่ได้อาบน้ำมาตั้งหลายวันเธอรู้สึกสกปรกมาก

สภาพที่นี่ดูไม่ค่อยดีเท่าไร ไม่รู้จะอาบน้ำได้หรือเปล่า

เด็กสาวเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมซัก จากนั้นก็ได้ยินเสียงลุงเขยเรียกทุกคนกินข้าว

ในใจนึกถึงเรื่องข้าวที่ลุงเขยเล่าให้ฟัง เสี่ยวเถียนก็สนใจอาหารในวันนี้มาก

เธอไม่คุ้นเคยกับที่นี่ ซานกงจึงมายืนรอที่หน้าบ้าน

เสิ่นจื่อเจินออกมาพร้อมกัน

เราทั้งสามอาบน้ำเสร็จแล้ว พร้อมด้วยเสื้อผ้าตัวใหม่

“เสี่ยวเถียน วันนี้ลุงเขยจะเลี้ยงข้าวที่อร่อยที่สุดให้ได้กิน!” ชายวัยกลางคนยิ้ม

“หนูชักอยากลองแล้วค่ะ”

ทั้งสามเดินไปที่ห้องครัวด้วยกัน ห้องครัวที่นี่จะอยู่ข้างใน ส่วนห้องทานอาหารอยู่ข้างนอกเป็นห้องที่เชื่อมกัน

โต๊ะในครัวเป็นไม้ทรงสี่เหลี่ยมเคลือบเงาเรียบ ๆ พอเช็ดทำความสะอาดแล้วดูสบายตามาก

ข้าวทั้งสามถ้วยวางรอไว้อยู่แล้ว

เสี่ยวเถียนจ้องมัน

ตัวข้าวเม็ดสวย สีใส เห็นเป็นตัวชัด กลิ่นหอมเฉพาะแตะจมูกแม้ยังไม่เดินเข้าไปใกล้

เสี่ยวเถียนได้ของดี ๆ จากระบบมาไม่น้อย รวมถึงข้าวด้วย

แต่รู้สึกว่าข้าวที่นี่จะดีกว่าในร้านค้าระบบเสียอีก

เธอนึกมาตลอดว่าส่วนผสมที่ดีที่สุดจะหาได้จากในนั้น แต่ตอนนี้รู้แล้วว่ามันไม่ใช่ทุกอย่าง

“เสี่ยวเถียน แค่เห็นก็ดูดีแล้วใช่ไหมล่ะ หลังจากได้กินหลานจะรู้เองว่าทำไมเราถึงตั้งฐานวิจัยไว้ที่นี่!”

เสิ่นจื่อเจินไม่รู้ว่าหลานสาวคิดอะไร นึกว่าโดนเขาดึงดูดก็เลยเอ่ยเชิญชวน

เสี่ยวเถียนไม่เกรงใจ เธอรอให้ผู้ใหญ่ทั้งสองนั่งก่อนแล้วค่อยหย่อนตัวข้างซานกง

“ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณจะมาถึงวันนี้กัน เลยไม่มีวัตถุดิบดี ๆ เลยค่ะ อาหารวันนี้จึงมีแค่สองอย่าง ไว้พรุ่งนี้จะเตรียมให้เพิ่มนะคะ”

ภรรยาอันหรงฮวาเป็นผู้หญิงผิวคล้ำ ท่าทางดูเป็นคนเก็บตัว พูดจาเรียบ ๆ

สีหน้ามีความรู้สึกผิดคงเพราะละอายใจที่ไม่ได้เตรียมของอร่อยไว้ให้

“เป็นเพราะพวกเราไม่ได้แจ้งล่วงหน้าต่างหากล่ะครับ แถมข้าวแบบนี้ กับข้าวก็เป็นหมันแล้ว”

เสิ่นจื่อเจินยิ้มกว้าง เขาไม่ใช่คนจริงจังเรื่องอาหารการกินขนาดนั้น แต่เพราะได้กินของอร่อยจากฝีมือคนบ้านซู เลยพอเชี่ยวชาญของอร่อยอยู่บ้าง

ถึงเราจะกินกันมาตลอดการเดินทาง เป็นมันเป็นอาหารที่เย็นชืด แล้วตอนนี้มีอาหารร้อน ๆ ตรงหน้า เสี่ยวเถียนกับซานกงไม่เกี่ยงกินเนื้ออยู่แล้ว

เด็กสาวถือถ้วยขึ้นใช้ตะเกียบคีบข้าวขึ้นมาดูใกล้ ๆ เธอเห็นเลยว่าเป็นข้าวที่ดีมาก ๆ ขนาดเท่า ๆ กัน และขาวเนียนไร้สิ่งใดเปรียบ

ข้าวชั้นดีโดยแท้!

เธอคีบเข้าปาก อย่าว่าแต่กลิ่นหอมเลย แต่ละเม็ดนุ่ม ความแข็งพอเหมาะ เนื้อสัมผัสดีเยี่ยม

เวลาเคี้ยวเหมือนมันเด้งรอบ ๆ ฟันเธอเลย

รู้สึกข้าวที่เคยกินมาตลอดสูญเปล่าไปในทันที

นี่แหละคือข้าวที่แท้จริง!

เธอกินแต่ข้าวจนลืมตักกับด้วยซ้ำ

อีกสองคนที่เหลือก็ง่วนอยู่กับการกินข้าวเหมือนกัน มีบ้างที่คีบอาหารขึ้นมาเป็นครั้งคราว

ปกติเสี่ยวเถียนไม่ค่อยกินเยอะ แต่วันนี้เธอปาดไปสองถ้วย ไม่วางมือกระทั่งอิ่มแปล้

“พี่สาม ถ้าร้านเราใช้ข้าวแบบนี้ได้คงมีลูกค้าเยอะเลยเนอะ” เสี่ยวเถียนตื้นตันใจมาก

“ตอนนี้ยังไม่ได้น่ะสิ ถึงจะอร่อยแต่ผลผลิตต่ำมาก แต่ละปีที่ได้ก็แค่พอให้ตัวเองกินเท่านั้น

เสิ่นจื่อเจินก็อิ่มเหมือนกัน เขาวางถ้วยตะเกียบด้วยความพึงพอใจ และตอบเสี่ยวเถียน

บางส่วนเขาส่งไปที่เมืองหลวงแล้ว แต่ว่ามันเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ไม่พอให้จัดในงานเลี้ยงคนระดับสูงหรอก แถมไม่สามารถเผยแพร่สู่ตลาดได้ด้วย

ตอนแรกเขาคิดจะซื้อบางส่วนแล้วเอากลับ แต่คนในพื้นที่บอกว่าที่นี่มันมีกฎหมายเรื่องข้าวอยู่ และไม่สามารถขาดตลาดได้ด้วย

ถึงจะเสียใจแต่กฎก็คือกฎ เลยไม่มีทางเลือกนอกจากจำยอม

เขาตัดสินใจแล้วว่าจะเพิ่มการผลิตข้าวชนิดนี้ให้ได้ หากทำได้และคุณภาพไม่ลดลง ก็ไม่ยากที่มันจะส่งไปถึงคนธรรมดาได้ในอนาคต

เพราะงั้นเสี่ยวเถียนจึงไม่สามารถนำมันไปขายในร้านอาหารได้นั่นเอง

เสี่ยวเถียนนึกเสียดาย แต่ตอนนี้ทำได้แค่ยอมแพ้

ทีแรกตั้งใจจะพักผ่อน แต่เธอต้องซักเสื้อผ้าก่อน

สะใภ้อันหรงหัวบอกจะช่วย แต่เสี่ยวเถียนรีบปฏิเสธและบอกว่าทำเองได้

ตั้งแต่เด็ก ๆ บ้านซูโตขึ้นพอก็ซักเสื้อผ้าตัวเองกันทั้งนั้น แม้แต่เสี่ยวเถียนที่คนในบ้านรักที่สุดยังไม่มีนิสัยให้คนอื่นซักให้

สองพี่น้องพากันไปซักผ้าที่แม่น้ำ

ฐานวิจัยอยู่ไม่ไกลจากมันนัก พวกเราใช้เวลาห้านาทีก็เดินไปถึง

ก่อนหน้านี้ที่มาซานกงก็มาซักเสื้อผ้าที่นี่

สองสามีภรรยาอันเห็นทั้งคู่เดินจากไปก็ถอดถอนใจ เด็กทั้งสองเก่งมาก มีเหตุผล และฉลาด หากลูกบ้านเราได้เขาสักครึ่งหนึ่งคงจะดีไม่น้อย

เสิ่นจื่อเจินนอนพักอยู่ในห้อง เขาอายุมากขึ้นแล้ว ร่างกายไม่แข็งแรงเท่าคนหนุ่มสาว

ก่อนนึกถึงสิ่งที่หลานสาวพูดบนรถไฟ ด้วยวัยของเขาแม้จะอายุไม่ได้มากนัก แต่ถ้าต้องเจอสภาพแบบนี้ไปนาน ๆ สักวันจะทนไม่ไหวเอา เหมือนว่าต้องใส่ใจในการบำรุงร่างกายเสียแล้ว

ไว้ว่าง ๆ ค่อยปรึกษาเสี่ยวเถียนแล้วกัน