บทที่ 714 ความเศร้าใหญ่หลวง (4)
ในขณะนั้นหัววัวและหน้าม้าถอนหายใจด้วยความโล่งอกและกอดกระป๋องเครื่องปรุงข้างๆ เอาไว้แน่น
ดังนั้นอีกครึ่งชั่วยามต่อมา
หลี่ฉางโซ่วได้บีบบังคับให้จ้าวแห่งแดนยมโลกทั้งสิบตำหนักบอกความจริงเกี่ยวกับปัญหาทุกข์ยากในแดนยมโลก และราชินีโฮ่วถู่
เขาเสนอว่าเขากับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จะออกโรงเองและดูว่าจะสามารถช่วยราชินีโฮ่วถู่กำจัด “โรคเรื้อรัง” ดังกล่าวของนางได้หรือไม่
ในด้านเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงแล้ว จ้าวแห่งแดนยมโลกทั้งสิบตำหนักย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเทพวารีแห่งศาลสวรรค์อย่างแน่นอน
จ้าวแห่งแดนยมโลกทั้งสิบไม่เพียงบอกความลับทุกอย่างของแดนยมโลกให้หลี่ฉางโซ่วเท่านั้น แต่พวกเขายังขอบคุณหลี่ฉางโซ่วราวกับว่าพวกเขาได้มอบความไว้วางใจ ฝากชีวิตของพวกเขาไว้กับหลี่ฉางโซ่วแล้ว
หลี่ฉางโซ่วได้แนะนำให้พวกเขาไปที่นรกขุมที่สิบแปดเพื่อค้นหา “ร่างจำแลงแห่งความเศร้า” ก่อน และจ้าวแห่งแดนยมโลกก็ไม่กล้าปฏิเสธ
จากนั้นราชาฉินกวงและราชาฉู่เจียงก็นำหลี่ฉางโซ่วและปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ไปสู่นรกขุมที่สิบแปดด้วยตัวเอง
พวกเขามุ่งตรงไปที่ด้านล่างต่ำที่สุดของนรกสิบแปดขุมโดยไม่จำเป็นต้องมองภาพเหตุการณ์ที่น่าสลดใจซ้ำๆ ไปตลอดทาง
จ้าวแห่งแดนยมโลกทั้งสองได้ยกเลิกกฎห้ามทั้งสี่สิบเก้าข้อและก้าวเข้าสู่แดนมายาที่มีพลังแห่งสวรรค์อุดมสมบูรณ์แข็งแกร่งอย่างยิ่ง จากนั้นพวกเขาก็มาถึงทะเลสาบที่หลี่ฉางโซ่วเคยเห็น
“ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เทพวารี… พวกท่านจะรู้หลังจากได้เห็นมัน”
ราชาฉินกวงถอนหายใจและมีสีหน้าท่าทีซับซ้อน เขายกมือขึ้นและสร้างตราประทับ จากนั้น ร่างทั้งสี่ก็บินไปข้างหน้าและเข้าไปในหมอกสีขาว
หลังจากเดินทางไปเป็นระยะทางที่ไม่รู้ว่าไกลมากเพียงใดแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็เห็นสตรีผู้นั้นขดตัวอยู่ในทะเลสาบอีกครั้ง
ราชาฉินกวงและราชาฉู่เจียงต่างก็รายงานพร้อมกัน
“ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เทพวารี…”
“เฮ้อ…”
สตรีสาวที่นอนอยู่บนผิวน้ำถอนหายใจยาว แล้วอักขระเต๋าหนาแน่นก็ไหลออกมาจนทำให้หัวใจ เต๋าของหลี่ฉางโซ่วเกือบจะเสียสมดุล
สตรีผู้นั้นยังคงนิ่งไม่ไหวติง เสียงแผ่วเบาของนางเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
“เหตุใดเจ้าถึงอยากพบข้า? เหตุใดเจ้าถึงอยากพบข้า? มันล้วนไร้ประโยชน์ทั้งหมด จะอยู่หรือไม่ ข้าก็ไม่มีความหมายใดๆ ในการดำรงอยู่
ฮ่าฮ่า พี่น้องของข้าตายไปหมดแล้ว ไฉนข้าถึงยังอยู่…”
จ้าวแห่งแดนยมโลกทั้งสองมองลงมาด้วยน้ำตาคลอเบ้าในทันที พวกเขาล้วนจมอยู่ในความเศร้าโศกจนถอนตัวไม่ขึ้น
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่และหลี่ฉางโซ่วร่อนลงหยุดอยู่ห่างจากสตรีผู้นั้นไปสิบจั้ง แล้วพวกเขาทั้งสองคนต่างก็โค้งคำนับให้นางพร้อมๆ กัน
จากนั้นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็กล่าวเสียงดังว่า “องค์ราชินี ไม่รู้ว่าท่านพูดคุยกับพวกเราสักหน่อยได้หรือไม่?”
สตรีผู้นั้นยังนอนนิ่งเงียบไม่ไหวติง และเสียงแผ่วเบาของนางก็อ่อนเบาลงเล็กน้อย
“มันไร้ประโยชน์ ไม่จำเป็น กลับไปเสียเถิด จงกินตามที่ใจเจ้าต้องการและจงดื่มตามที่ใจเจ้าปรารถนาก่อนที่โลกจะถูกทำลาย”
เมื่อนางกล่าวถ้อยคำเหล่านั้นออกไป อักขระเต๋าลึกลับที่อยู่รอบกายนางก็แผ่พุ่งออกมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดจนปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ต้องเริ่มต่อต้านพวกมันก่อน
ในขณะนั้นหลี่ฉางโซ่วที่อยู่ข้างๆ เขาก็เอ่ยถามว่า “องค์ราชินี ท่านมีอะไรให้พวกเราช่วยหรือไม่?”
สตรีสาวผู้นั้นกระซิบว่า “ช่วยอะไรข้า? ช่วยปล่อยข้าไปจากที่นี่?
ข้างนอกเป็นเพียงกรงที่ใหญ่กว่า โลกคือความฝัน ข้าสบายดีที่นี่ เพียงแค่ข้าจะค่อยๆ เหี่ยวเฉาลงและค่อยๆ หายไปช้าๆ…”
หลี่ฉางโซ่วและปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่มองหน้ากันและพยักหน้าไปพร้อมๆ กัน
พวกเขาก้าวออกไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียงด้วยความเข้าใจกันและกันเป็นอย่างดี
ในขณะนั้นสตรีสาวผู้ที่นอนอยู่บนพื้น ไม่แม้แต่จะหันมามองพวกเขาด้วยซ้ำ นางยังคงร้องไห้เงียบๆ ผิวสวยของนางยิ่งดูบอบบางมากขึ้นไปอีก และชุดกระโปรงผ้าโปร่งสีดำก็ดูเหมือนจะเป็นสัญลักษณ์ของลางร้ายบางอย่าง
หลี่ฉางโซ่วใส่เจดีย์เสวียนหวงกลับเข้าไปในปราณวิญญาณของเขาและนั่งขัดสมาธิต่อหน้าสตรีสาวผู้นั้น เขาเผยรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนและเริ่มรุกถามทันที
“ไม่นะ ท่านขอให้ข้าช่วยท่านหรือไม่?”
สตรีสาวผู้นั้นลืมตาขึ้น ดวงตาสีฟ้าอ่อนคู่นั้นของนางเต็มไปด้วยความเศร้าอย่างสุดซึ้ง และมันก็จู่โจมหัวใจของหลี่ฉางโซ่วอย่างบ้าคลั่ง
ในขณะนั้นหลี่ฉางโซ่วรีบนึกถึงสิ่งที่มีความสุขอย่างรวดเร็ว…
“มันไร้ประโยชน์” สตรีสาวพึมพำ
“ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยข้าได้ ข้าได้แต่จมลงอยู่ตรงนี้ หัวใจของข้ามันตายไปแล้ว
เจ้าเป็นผู้ใดกัน…ช่างเถิด ไม่ว่าเจ้าเป็นผู้ใดก็ตาม เหตุใดเจ้าถึงคิดว่าเรายังมีชีวิตอยู่”
“เพราะว่า…”
“เหนื่อยหรือไม่? ท่านเศร้ามาก”
สตรีสาวผู้นั้นกล่าวเงียบๆ นางค่อยๆ ยกมือข้างหนึ่งขึ้นพร้อมกับสร้อยเงิน และดึงมุมเสื้อคลุมของหลี่ฉางโซ่ว
“เหล่าวิญญาณอยู่เพื่อจะต้องทนทุกข์ทรมานในโลกนี้ ดังนั้นพวกมันต่างก็หวังเฝ้ารอการปลดปล่อยเมื่อมาถึงจุดสิ้นสุดของการเดินทาง แล้วประสบการณ์และความรู้สึกของเจ้าเกี่ยวข้องกับผู้อื่นอย่างไร?
โลกในสายตาของวิญญาณนั้นเป็นเพียงแนวคิดที่จิตใจของข้าสร้างจินตนาการขึ้นมา เหตุใดถึงต้องมีโลกเช่นนี้ดำรงอยู่ด้วย?”
“นี่…”
“เฮ้อ” สตรีสาวผู้นั้นถอนหายใจเบาๆ
“หากเจ้ายังตอบคำถามเยี่ยงนี้ไม่ได้ แล้วเจ้าจะช่วยข้าได้อย่างไร?
เจ้าไม่ได้เพียงหลอกข้าใช่หรือไม่? ในโลกที่แสนเศร้านี้ น้ำตาของข้าจะไหลออกมาในที่สุด…”
“ท่านลุกขึ้นนั่งและพวกเรานั่งคุยกันสักหน่อยได้หรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วพยายามจะเริ่ม ทว่า…
“มันสำคัญหรือไม่?
ข้าจะเปลี่ยนใจหรือไม่หากข้าลุกขึ้นนั่ง?
เจ้ายังไม่เข้าใจ พ่อหนุ่ม โลกนี้ล้วนเป็นของปลอมและไร้ประโยชน์ และท้ายที่สุดแล้ว ทุกสรรพสิ่งก็ล้วนเป็นเพียงความว่างเปล่า
ผู้ใดจะสามารถช่วยใครได้บ้าง?
มันล้วนเป็นเพียงเรื่องน่าขบขัน หากเจ้าไม่มีอะไรแล้ว ก็ออกไปเถิด ให้ข้านอนอยู่ที่นี่เงียบๆ ได้หรือไม่?
ข้าได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้วที่จะไม่ให้ความเจ็บปวดของข้าส่งผลกระทบต่อผู้อื่น
แล้วเจ้ายังต้องการให้ข้าทำอะไรอีก? ความเศร้านั้นใหญ่หลวงยิ่ง
ความจริงแล้ว น้ำในทะเลสาบนี้คือ น้ำตาของข้า”
หลี่ฉางโซ่วลุกขึ้นยืน ร่างของเขาสั่นเทาเล็กน้อย ก่อนจะรีบถอยห่างจากสตรีสาวผู้นั้น
ข้ารักษานางไม่ได้ ข้าช่วยนางไม่ได้ ขอลาไปก่อน!