บทที่ 883 ภาพลักษณ์แตกสลาย

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 883 ภาพลักษณ์แตกสลาย

บทที่ 883 ภาพลักษณ์แตกสลาย

“รับทราบบุตรีสวรรค์! เราจะตอบโต้ทุกคนที่กล้าล่วงเกินสำนักศักดิ์สิทธิ์ของเราอย่างสาสม! เลือดต้องล้างด้วยเลือด!” ลูกน้องของนางรีบจากไปเพื่อเตรียมการโจมตีอย่างตื่นเต้น

หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากชิวฮัวเล่ย นางเอนร่างที่เย้ายวนอยู่บนโซฟานุ่ม แต่ไม่มีสมาชิกสำนักคนใดกล้าที่จะลอบมองอย่างหยาบคาย เพราะฐานะบุตรีสวรรค์ของสำนักนั้นไม่อาจถูกหยามเกียรติได้ ยิ่งกว่านั้นแม้นางจะงดงามแต่นางทั้งร้ายกาจและเด็ดขาด!

ชิวฮัวเล่ยหาวอย่างเกียจคร้าน “ใครคือขุนนางคนใหม่ที่เข้าไปอาศัยอยู่ในเรือนตระกูลติ้ง?” นางถามอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ใช่ทุกวันที่เราจะได้เห็นพวกทูตยุทธ์เสื้อแพรกวาดล้างเคหะสถานเพื่อให้เป็นที่อยู่ของขุนนางคนใหม่”

หนึ่งในคนของนางตอบกลับ “รายงานต่อบุตรีสวรรค์ เป็นขุนนางใหม่ที่เพิ่งได้รับพระราชทานสมญานาม ‘บุรุษหงส์’ เขาคือผู้ที่ถวายบางสิ่งที่ล้ำค่าให้แก่จักรพรรดิจนได้รับความโปรดปรานอย่างใหญ่หลวง หากจำไม่ผิดเขามีชื่อจริงว่าซูอันหรืออะไรทำนองนั้น”

ลูกน้องของนางคนนี้ประจำการอยู่แต่ในเมืองหลวงไม่ได้มีส่วนร่วมในการโจมตีซูอันระหว่างเดินทาง ดังนั้นเขาจึงไม่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างนางและซูอัน

ชิวฮัวเล่ยอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นนั่ง “บอกให้ยกเลิกการโจมตีทันที!” นางสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของนางแทบไม่เชื่อหูตัวเอง

หนึ่งในนั้นพูดขึ้นทันที “เหตุใดท่านจึงยกเลิกการโจมตี?” เขาถาม “เราจะไม่ตอบโต้ผู้ที่ล่วงเกินเรางั้นหรือบุตรีสวรรค์? แต่ถ้าหากเราไม่ลงมือทำอะไรบ้างสำนักศักดิ์สิทธิ์ของเราจะกลายเป็นตัวตลกของคนทั้งโลก โปรดบุตรีสวรรค์พิจารณาให้ถี่ถ้วนด้วย!”

“เพราะ…เพราะ…” ชิวฮัวเล่ยเริ่มปวดหัวอย่างมาก นางจะไปคาดเดาล่วงหน้าได้อย่างไรว่า จู่ ๆ ซูอันจะโผล่มามีส่วนร่วมกับเรือนที่ถูกทูตยุทธ์เสื้อแพรกวาดล้าง?

ไม่มีทางที่นางจะอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างพวกนางได้ ความคิดของนางโลดแล่นโชคดีที่นางคิดหาวิธีแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว “เพราะ…ข้าจะลงมือด้วยตัวเอง!”

“บุตรีสวรรค์ท่านไม่จำเป็นต้องออกหน้าในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ แค่พวกเราก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการกับไอ้ขุนนางใหม่นั่นได้อย่างหมดจด เราจะสับไอ้เจ้าขุนนางใหม่นั่นเป็นชิ้น ๆ ทำให้มันเสียใจที่เกิดมาในโลกใบนี้!”

สมาชิกคนอื่น ๆ ต่างแสดงความจงรักภักดีด้วยการขันอาสาอย่างรวดเร็ว พวกเขาจะละทิ้งโอกาสดี ๆ ที่จะพิสูจน์ตนต่อหน้าบุตรีสวรรค์ได้อย่างไร?

“ข้าดีใจที่ทุกคนกล้าหาญและภักดี…” ชิวฮัวเล่ยยิ้มแย้มแต่แอบสาปแช่งพวกเขาอยู่ในใจ นางไม่อยากจะชื่นชมพวกเขาแม้แต่น้อยในตอนนี้

สมาชิกทุกคนของฝ่ายเมืองหลวงต่างเบิกบานใจในช่วงเวลานี้ พวกเขาจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มหาศาลจากการได้รับความโปรดปรานจากบุตรีสวรรค์ในครั้งนี้อย่างแน่นอน

หลังจากพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ชิวฮัวเล่ยกล่าวว่า “เจ้าสำนักจะมาถึงเมืองหลวงในไม่ช้า ข้าเกรงว่านี่อาจเป็นกับดักหนึ่งของทูตยุทธ์เสื้อแพรก็เป็นได้มันจะดีกว่าถ้าข้าไปด้วยตัวเอง”

“บุตรีสวรรค์ชาญฉลาดและมองการณ์ไกลยิ่งนัก!” สมาชิกพากันยกย่องนาง “แต่อย่างน้อย ๆ ให้เราจัดผู้อารักขาให้กับท่านจะได้หรือไม่เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง”

“ไม่!” ชิวฮัวเล่ยตะโกนอย่างลืมตัว ทว่าเมื่อนางเห็นสีหน้าโง่งมของลูกน้องตัวเองนางกระแอมเบา ๆ และพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์ตามปกติของนางว่า “ข้าจะไปคนเดียว ผู้คนจำนวนมากขึ้นมีแต่ทำให้เกิดความวุ่นวายมากขึ้นเท่านั้น”

ครั้งสุดท้ายที่นางแยกกับซูอัน นางไม่คิดว่าเขาจะรอดพ้นจากโทสะของจักรพรรดิมาได้ ดังนั้นนางจึงต้องการได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจากปากเขาด้วยตัวเองว่าเขารอดมาได้อย่างไร?

ขณะนี้ซูอันกำลังจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เขากำลังทำกับสาวงามที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาเท่านั้นโดยไม่รู้เลยว่ามีสาวงามอีกคนหนึ่งกำลังคิดถึงเขาอยู่

ในตอนแรก ฉู่ชูเหยียนอนุญาตให้เขากอดนางอย่างอ่อนหวาน แต่ต่อมาทุกอย่างมันก็เริ่มพัฒนาไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นลูบคลำ และถัดมาเขาเริ่มก้าวไปสู่ขั้นต่อไป นางจะยอมรับได้อย่างไร? “หยุดเลย! ยังมีคนรออยู่ข้างนอก!”

“ไม่เป็นไรหรอกถ้าข้าเสร็จเร็ว” ยิ่งนางดูร้อนรนเช่นนี้ ความคิดอยากรังแกก็ผุดขึ้นในหัวของซูอัน

ฉู่ชูเหยียนกัดริมฝีปาก “เมื่อไรกันที่เจ้าเคยเสร็จเร็ว…?” นางจำได้ไม่ลืมว่าชายผู้นี้สามารถรังแกนางได้ทั้งคืนไม่มีหยุดหย่อน แค่นึกถึงร่างกายของนางก็อ่อนแรง

ซูอันกระโจนเข้าหานางทันที

ฉู่ชูเหยียนครวญครางและกอดชายตรงหน้าไว้แน่น นางเป็นหญิงสาวที่สง่างามของตระกูลชนชั้นสูงมาโดยตลอด

ทว่านับตั้งแต่ที่นางได้พบกับชายคนนี้ นางก็พัฒนานิสัยแย่ ๆ มากมาย นางเรียนรู้ที่จะโกหก แล้วก็มีเรื่องที่กำลังทำอยู่นี้…ราวกับว่านางเริ่มกลายเป็นคนไร้ยางอาย

การอบรมที่นางเคยได้รับมาสอนนางว่าสิ่งที่พวกนางกำลังทำค่อนข้างจะไม่งาม แต่เมื่อการร่วมรักกำลังจะเกิดขึ้น นางมักจะรู้สึกตื่นเต้นและกลายเป็นคนอ่อนไหวกว่าปกติมาก

หลายนาทีผ่านไป พวกนางได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังใกล้เข้ามา “พี่ใหญ่ พี่เขย เสร็จยัง…? ห้ะ?”

ทั้งสองคนรู้สึกประหม่าอย่างมากอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเสียงนี้ทั้งสองก็ยิ่งตกใจ

ฉู่ชูเหยียนร้องครางออกมาและร่างกายของนางก็สั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้

ซูอันสูดหายใจเข้าลึก ๆ

ใครกันแน่ที่บ่มเพาะวิชาเทพยุทธ์กลืนสวรรค์? แรงดูดของนางทรงพลังมากเหลือเกิน! แรงดูดรัดขนาดนี้ทำให้เขาปลดปล่อยทุกอย่างจนหมดรังเพลิง!

ฉู่โหยวเจายืนอยู่หน้าประตู สีหน้าของนางโง่งม

นางตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ สำหรับนางแล้ว พี่ใหญ่ของนางเปรียบเสมือนเทพธิดาน้ำแข็งผู้สูงส่งมาโดยตลอด ทั้งเยือกเย็นและเลิศล้ำ

เมื่อใดก็ตามที่ฉู่ชูเหยียนเข้ามาในเมืองหลวง เพียงแค่เห็นร่างที่สง่างามของนางก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้นายน้อยคนไหน ๆ คลั่งไคล้ พวกเขาทั้งหมดไล่ตามนางอย่างไม่ลดละ แต่ฉู่ชูเหยียนไม่เคยสนใจพวกเขาเลย

ผู้ชายเหล่านั้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้วิธีการเข้าหา ‘น้องชาย’ คนนี้แทนเพื่อถามเกี่ยวกับงานอดิเรกและความสนใจบางอย่างของพี่สาว

ฉู่โหยวเจาเกิดความเวทนา หากผู้ชายเหล่านั้นรู้ว่าเทพธิดาน้ำแข็งของพวกเขากำลังถูกคลุกเคล้าภายใต้ร่างกายของชายอื่นราวกับว่านางจะให้กำเนิดลูกของเขาตราบเท่าที่เขาเรียกร้อง และจะตายเพื่อเขาถ้าเขาร้องขอ…นางสงสัยว่าผู้ชายเหล่านั้นจะตัดสินใจแขวนคอตัวเองสักกี่คน?!

ภาพลักษณ์ของท่านแตกสลายหมดแล้วนะพี่ใหญ่!

ฉู่ชูเหยียนรู้สึกอับอายมาก นางปรารถนาอย่างยิ่งที่จะมีซอกหลืบให้ตัวเองหลบซ่อน

แต่ซูอันนั้นไร้ยางอายอย่างยิ่ง เขาช่วยนางจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยขณะที่ลุกขึ้น “เรากำลังยุ่งอยู่กับการแลกเปลี่ยนความคิดกัน ไม่รู้ว่าเวลาจะผ่านไปเร็วอย่างนี้! ฮ่า ๆ…”