เล่ม 1 ตอนที่ 207-1 โทสะของนายท่านจี

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

ตอนที่ 207-1 โทสะของนายท่านจี

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

ชุนจือเคาะประตูห้อง เอ่ยเรียกเสียงเบา “นายท่าน ถึงเวลาทานอาหารแล้วเจ้าค่ะ ท่านยังไม่ได้ทานอาหารกลางวันเลย อาการเย็นอย่างไรก็รับประทานบ้างเถิด ห้องครัวทำปลาหลูที่ท่านชอบทานที่สุดมาด้วย”

โครก!

ท้องของเฉียวเวยส่งเสียงร้องอย่างไม่รู้เวลา นอนอยู่ในตู้นานป่านนี้ นางเองก็หิวมากเหมือนกัน

โชคดีที่เสียงของชุนจือดังมากพอกลบเสียงท้องร้องโครกครากของนาง

เฉียวเวยเปิดถุงเงินใบน้อยของวั่งซู ขนมซิ่งเหริน ขนมอู่เหริน ขนมเกาลัด ลูกอมนมไส้ถั่ว…

เฉียวเวยเลิกคิ้ว หยิบลูกอมนมไส้ถั่วชิ้นหนึ่งมาใส่ปาก หวานจริง!

“นายท่าน นายท่าน ท่านหลับอยู่หรือเจ้าคะ” ชุนจือไม่รอจีซั่งชิงตอบ ก็รวบรวมความกล้าถามต่ออีกหลายคำ “อากาศเย็นแล้ว บ่าวนำผ้าห่มมาเพิ่มให้ท่านดีหรือไม่เจ้าคะ”

เจ้าบอกตรงๆ เลยดีกว่าว่าบ่าวจะอุ่นเตียงให้ท่าน

เฉียวเวยหาวหวอด สาวใช้สองคนข้างกายแม่เลี้ยงสาว ชิวผิงหน้าตาธรรมดา นิสัยซื่อๆ ขี้กลัว จงรักภักดีต่อแม่เลี้ยงสาวยิ่งนัก ไม่มีใจคิดเป็นอื่นเด็ดขาด ส่วนคนที่ชื่อชุนจือผู้นี้จิตใจไม่บริสุทธิ์เช่นนั้น นางมีใบหน้างามยั่วยวนใจผู้คน แม้แต่งตัวไม่โอ้อวด แต่มีเล่ห์เหลี่ยมเพทุบายอยู่ในทุกการกระทำ แล้วยังรู้จักอ่อนหวานใส่ใจ หากนางเป็นบุรุษ นานวันเข้าก็น่าจะหนีไม่พ้นกระโดดลงไปในบ่วงความอ่อนหวานของแม่สาวน้อยคนนี้เป็นแน่

แต่พ่อสามีของนางกลับเป็นเหมือนท่อนไม้ ไม่เข้าใจความรักของสาวเจ้า ผิดต่อเจตนาดีของแม่เลี้ยงแล้วจริงๆ

ชุนจือเคาะประตูอีกหลายหน “นายท่าน ข้านำผ้าห่มมามอบให้ท่าน ข้าเข้าไปนะเจ้าคะ”

จีซั่งชิงไม่ตอบ เฉียวเวยมองเงาแผ่นหลังของเขา รู้สึกถึงไอเย็นยะเยือกบนร่างเขาอยู่เลือนราง และทุกสิ่งนี้ ชุนจือย่อมมิทราบ

ชุนจือเปิดประตูห้องเข้ามา

ภายในห้องมีตะเกียงน้ำมันดวงน้อยเพียงดวงเดียวทอแสงสลัวๆ จีซั่งชิงนั่งอยู่ใต้แสงตะเกียงน้ำมัน สีหน้าดูเคร่งขรึม

นี่ก็คือบุรุษที่ก้าวเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว กาลเวลาทิ้งร่องรอยไว้บนใบหน้าของเขา แต่ยังมิทำให้ผู้คนสัมผัสได้ถึงความแก่ชรา ตรงกันข้ามกลับเพิ่มความรู้สึกเป็นผู้ใหญ่ขึ้นหลายส่วน

ชุนจือเพียงมอง ดวงหน้าก็แดงระเรื่อ

นางยกผ้าห่มไปปูบนเตียงด้านหลังฉากกันลม แล้วก้าวออกมาอย่างแช่มช้า ท่วงท่างดงามอ่อนหวานนั่น เฉียวเวยดูแล้วมีกลิ่นอายคล้ายแม่เลี้ยงสาวอยู่หลายส่วน

ดูท่าสาวน้อยคนนี้ยังไม่นับว่าโง่เขลาเกินไปนัก นางทราบว่าจีซั่งชิงชื่นชอบท่าทางเช่นนี้ เพียงแต่ว่ารูปโฉมของนางถือว่าอยู่ระดับค่อนข้างดีเท่านั้น เมื่อเทียบกับแม่เลี้ยงแล้ว ด้อยกว่าไม่ใช่แค่เล็กน้อยนิดหน่อย

นางไม่เลียนแบบก็แล้วไปเถิด แต่พอเลียนแบบขึ้นมาก็กลายเป็นตงซี[1]ขมวดคิ้วเลียนแบบไซซี

“นายท่าน ท่านกำลังอ่านสิ่งใดหรือเจ้าคะ” นางก้าวเข้าไปหาอย่างอ่อนหวาน

ทว่าเมื่อห่างจากจีซั่งชิงอีกเพียงสองสามก้าว กลับถูกจีซั่งชิงตวาดใส่อย่างเย็นชา “เจ้าออกไป เรียกเจ้านายของเจ้ามา”

ชุนจือตกใจ จากนั้นจึงก้มหน้าอย่างผิดหวัง “เจ้าค่ะ นายท่าน”

นัยน์ตาของเฉียวเวยทอประกายสว่างวาบ ละครสนุกกำลังจะเปิดฉากแล้ว!

สวินหลันท่าทางเหมือนจะมิทราบว่าจีซั่งชิงเรียกตนเองมาด้วยสาเหตุใด นางเดินเข้ามาอย่างผ่อนคลาย ใบหน้าประดับสีหน้าอ่อนหวาน “ซั่งชิง ท่านเรียกข้าหรือ”

เพียงได้ยินเสียงก็ทำให้หัวใจของเฉียวเวยรู้สึกคันยุบยิบ นางเป็นสตรีที่แม้แต่ตัวเฉียวเวยเองยังนึกอยากจะจับกด ไม่แปลกที่พ่อสามีจะลุ่มหลงสตรีนางนี้ปานนี้ แต่ในเมื่อลุ่มหลงปานนั้น พอเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น สุดท้ายแล้วพ่อสามีจะเชื่อหรือไม่เชื่อกันเล่า

จีซั่งชิงมองนางด้วยสายตาเรียบเฉย แววตาเย็นยะเยือกในดวงตาทำให้แววตาของสวินหลันชะงักไปเล็กน้อย “ซั่งชิง ท่านเป็นอะไร”

จีซั่งชิงเลื่อนจดหมายบนโต๊ะไปข้างมือนาง

บนหน้าซองจดหมายเขียนว่าถึงสวินซื่อ

ลายมืออันคุ้นเคยนั่น มิทราบว่าจะทำให้สวินซื่อนึกถึงซุนสวินได้หรือไม่ ตู้หนังสืออยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับแม่เลี้ยงพอดี เฉียวเวยมองสำรวจสีหน้าของแม่เลี้ยงผ่านช่องว่างของบานประตู สวินหลันหยิบจดหมายขึ้นมาอย่างนิ่งสงบ แล้วดึงจดหมายออกมาอ่านช้าๆ จนจบ ตั้งแต่ต้นจนจบสีหน้าไม่เปลี่ยนไปสักเท่าใด

เฉียวเวยนับถือจนแทบหมอบราบคาบแก้ว นางลอยนวลอยู่ในตระกูลจีมาได้นานปานนี้ แล้วยังเอาชนะใจทำให้ทุกคนเชื่อถือได้ นางย่อมไม่มีทางไร้ความสามารถ

“เจ้ามีสิ่งใดต้องการพูดหรือไม่” จีซั่งชิงถามอย่างเคร่งขรึม

สวินหลันพับจดหมายเสร็จก็สอดกลับเข้าไปในซองจดหมาย ตอบเสียงเบาว่า “ท่านเรียกข้ามาสอบสวนเพราะจดหมายฉบับเดียวอย่างนั้นหรือ”

จีซั่งชิงถามเสียงเข้ม “เหตุใดไม่เคยบอกว่าเจ้ากับซุนสวินเคยคบหากัน ตอนข้าไปเยี่ยมเจ้า…เจ้าไม่เคยพูดสักคำ!”

พ่อสามีเคยไปเยี่ยมแม่เลี้ยงที่กูซูด้วยหรือ ฟังจากน้ำเสียงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันของพ่อสามี ดูเหมือนว่าที่กูซู ทั้งสองคนจะเคยมีอะไรกันมาก่อน เรื่องที่ผิดขบธรรมเนียมมากคงทำไม่ได้ แต่ชะม้อยชม้ายชายตาให้กันคงมีบ้างแน่

หากเป็นเช่นนี้จริง แม่เลี้ยงสาวก็รนหาที่ตายอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว

เหยียบเรือสองแคม บุรุษคนใดจะรับได้เล่า

ขนตาของสวินหลันกระพือไหว กำจดหมายแน่นแล้วตอบว่า “ข้ากับเขาไม่เคยลอบคบหากัน”

“บนจดหมายเขียนไว้ชัดเจน เขาลอบไปหาเจ้าทุกคืน!”

สวินหลันโต้ “เขามาก่อนกวนข้าทุกคืน แล้วเป็นความผิดของข้าด้วยหรือ”

“เจ้าบอกได้นี่!” จีซั่งชิงกำหมัดแน่น

ดวงตาของสวินหลันฉายแววกล้ำกลืนออกมาจางๆ “บอกผู้ใดเล่า บอกท่าน บอกตระกูลจี หรือว่าบอกท่านอากับอาสะใภ้ของข้า ยามนั้นท่านมิใช่ว่าไม่ต้องการข้าหรือ ข้าบอกแล้วมีประโยชน์อันใด ท่านอากับอาสะใภ้ของข้าคิดแต่จะเอาสินสอดของตระกูลซุนมาให้ได้เร็วๆ พวกเขาไม่สนใจหรอกว่าคุณชายซุนมาก่อกวนข้าทุกวันหรือไม่ พวกท่านให้ข้าพูด ข้าหญิงสาวบอบบางนางหนึ่ง จะกล้าพูดได้เช่นไร”

จีซั่งชิงสะอึกแล้วบื้อใบ้ไร้วาจา

เฉียวเวยจิ๊ปากพลางส่ายหัว แม่เลี้ยงสาวสมควรได้รางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมสักรางวัล ความกล้ำกลืนที่พอเหมาะพอดีนี่ ทำให้แม้แต่นางมองแล้วยังเกือบจะปวดใจ

พ่อสามี อดทนไว้นะ!

จีซั่งชิงจึงเอ่ยว่า “ถึงอย่างนั้นเจ้าก็ไม่ควรปิดบังข้า!”

สวินหลันตอบ “ข้าเคยคิดจะบอกท่าน แต่คนตายไปแล้ว ข้าไยต้องพูดถึงความผิดของเขาอีก”

“พูดถึงความผิดของเขาอย่างนั้นสินะ”

เสียงกระแหนะกระแหนของจีหว่านดังมาจากตรงระเบียงทางเดิน เฉียวเวยเหลือบมองก็เห็นจีหว่านเยื้องย่างอย่างสง่างามข้ามธรณีประตูเข้ามา นางเชิดศีรษะอันสูงศักดิ์ ช่างเหมือนนกยูงผู้หยิ่งทะนงตัวหนึ่งอย่างยิ่ง นางกวาดสายตามองสวินหลันอย่างเรียบเฉย แล้วแย่งจดหมายจากมือสวินหลันมาเปิดออกอ่าน พลางพูดเย้ยหยัน “แม่นางจากตระกูลบัณฑิตคงจะไม่ได้อ่านตัวหนังสือไม่กี่บรรทัดไม่ออกหรอกกระมัง บนนี้เขียนไว้ชัดเจน ‘ล่องนาวาชมจันทร์ มือกอบกุม ทิวทัศน์แห่งขุนเขาและทะเลสาบมิอาจงามสู้เจ้า มิรู้ยามใดจึงจะได้ท่องเที่ยวด้วยกันอีกครา’ ไปล่องเรือพลอดรักกันมาแล้ว ยังจะบอกว่าคุณชายซุนเข้ามาเกาะแกะเพราะรักข้างเดียวอีกอย่างนั้นหรือ เขาบุกเข้ามาหาเจ้าที่บ้าน เจ้าไร้กำลังขัดขวาง แล้วเหตุใดจึงยังออกไปกับเขาอีก เจ้าถูกเขามัดออกไปหรืออย่างไร”

ในที่สุดสีหน้าอันสมบูรณ์แบบของสวินหลันก็ชะงักไปพริบตาหนึ่ง แต่นางก็ยังตอบกลับมาอย่างเยือกเย็น “ข้าไม่เคยออกไปกับเขา คนตระกูลสวินล้วนรู้ดี สองปีที่ข้ากลับจวนไม่เคยเหยียบออกจากประตูจวนแม้แต่ครึ่งก้าว”

“เช่นนั้นหรือ” จีหว่านมองไปนอกประตู “คุณชายคัง มีคนปากแข็งไม่ยอมพูดความจริง ไม่สู้เจ้ามาบอกสักหน่อยว่าคุณชายซุนกับแม่เลี้ยงของข้าเคยออกไปข้างนอกด้วยกันหรือไม่”

คังหมิ่นเดินเข้ามา เขาประสานมือคารวะจีซั่งชิงที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธานเป็นสิ่งแรก เขาเป็นคนฝึกวรยุทธ์ แวบแรกก็ทราบแล้วว่าในตู้หนังสือมีคนซ่อนอยู่คนหนึ่ง แต่ลมหายใจของอีกฝ่ายคุ้นๆ เขาจึงไม่บุ่มบ่ามทำอันใด หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองสวินหลันที่อยู่ด้านข้าง

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นโฉมหน้าที่แท้จขริงของสวินหลัน เขามักจะได้ยินคุณชายซุนชื่นชมว่าคู่หมั้นของเขางดงามล่มเมืองมากเพียงไร เขาไม่เชื่อมาตลอด แต่วันนี้ได้พบจึงเข้าใจว่าเหตุใดซุนสวินจึงลุ่มหลงมัวเมาเพราะนาง

จีหว่านก็งามแต่ฉูดฉาดเกินไป ส่วนความงามของเฉียวเวยก็แฝงความแข็งแกร่งคล้ายกับจะเหยียดมองใต้หล้า บุรุษชมชอบสตรีผู้อ่อนหวานดั่งสายน้ำ ปฏิบัติต่อตนเสมือนหนึ่งเป็นจักรพรรดิเช่นนี้มากกว่า

คังหมิ่นสติหลุดลอยไปพริบตาหนึ่ง แต่ไม่นานเขาก็เรียกสติกลับมาได้ บอกกับจีซั่งชิงว่า “ข้าคือสหายของคุณชายซุน ข้าเป็นพยานได้ว่าเนื้อหาในจดหมายล้วนเป็นความจริง คุณชายซุนเคยเหมาเรือในแม่น้ำหยางลำหนึ่งเพื่อลอบพบกับคุณหนูสวินในตอนนั้น ครั้งนั้นเป็นครั้งเดียวที่พวกเขาสองคนออกมาด้วยกัน พวกเราล้วนอยากชมโฉมหน้าที่แท้จริงของคุณหนูสวิน จึงลอบเช่าเรือน้อยลำหนึ่งติดตามทั้งสองคนอยู่ด้านหลังอย่างลับๆ ทั้งสองคนล่องเรือกันจนถึงเที่ยงคืน คุณชายซุนก็พาคุณหนูสวินกลับไปส่งที่จวนตระกูลสวิน ปีนข้ามกำแพงเข้าไป ดังนั้นคนตระกูลสวินจึงไม่รู้

หลังจากเที่ยงคืน คุณชายซุนตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเรียกพวกเราออกไปล่องเรือ ร่ำสุราฟังดนตรีกันตลอดทั้งคืน นั่นเป็นหนสุดท้ายที่คุณชายซุนพบหน้าคุณหนูสวิน แล้วก็เป็นหนสุดท้ายที่พวกเราพบคุณชายซุนด้วย หลังจากคืนนั้น คุณชายซุนก็กลับไปสงบใจรอคอยงานแต่งอยู่ในตระกูลซุน”

จีหว่านขมวดคิ้วอย่างฉงน ทันใดนั้นสมองก็เกิดปฏิภาณไหวพริบ “เจ้าบอกไม่ใช่หรือว่าคุณชายซุนกับสหายของเจ้าติดโรคฝีดาษมาอย่างแปลกพิกล จะติดมาจากบนเรือในคืนนั้นหรือไม่”

คังหมิ่นอึ้งไปชั่วครู่ “พอท่านพูดเช่นนี้ ข้าก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้จริงๆ!”

นั่นเป็นตอนหลังจากคุณชายซุนไปส่งสวินหลับกลับตระกูลสวิน ในที่สุดจะได้ครองคู่กับคนงามคุณชายซุนดีใจจนอยากลงไปนอนกลิ้งกับพื้น จึงเรียกพวกเขามาล่องเรือ เพื่อจะได้คุยโม้โอ้อวดให้ฟัง พวกเขาดื่มสุรามากเข้าก็รู้สึกว่าในตัวเรืออึดอัดจึงไปรับลมที่หัวเรือ

ตอนนั้นมีคนเรืออยู่คนหนึ่ง ทั้งตัวปกปิดมิดชิด แม้พวกเขารู้สึกว่าหน้าร้อนแต่งตัวเช่นนี้ประหลาดอย่างยิ่ง แต่คร้านจะถามไถ่ให้มากความ ต่อมาพวกเขาก็นอนหลับบนดาดฟ้าเรือ เขายังจำได้ว่าคนเรือแบกพวเขาเข้ามาในตัวเรือทีละคนๆ

[1]ตงซี หญิงหน้าตาอัปลักษณ์ที่คิดว่าขมวดคิ้วเลียนแบบไซซีผู้เป็นยอดหญิงงามแล้วจะงามเหมือนนาง