บทที่ 823 ด้วยความเคารพ

บทที่ 823 ด้วยความเคารพ

คนในหมู่บ้านมีความศรัทธาต่อเสิ่นจื่อเจินมาก เพราะชายหนุ่มเป็นคนที่ได้รับการศึกษาจากเมืองหลวง ถึงจะเชื่อในตัวเขา แต่เราก็ยังไม่เชื่อใจในตัวเสี่ยวเถียนอยู่ดี

“วันนี้เด็กผู้หญิงคนนี้กับเด็กผู้ชายแซ่ซูก็ช่วยเสี่ยวลิ่วจื่อที่แม่น้ำน่ะ”

จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้น และเธอเป็นคนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด คนในหมู่บ้านรู้ว่าถ้ามีคนตกน้ำแล้วหมดสติ ส่วนใหญ่แล้วจะช่วยชีวิตเอาไว้ไม่ได้ และวันนี้เสี่ยวลิ่วจื่อก็ตกน้ำจนหมดสติ แต่ได้รับการช่วยเหลือเอาไว้

ทุกคนได้ยินเรื่องราวนั้นแต่ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง จึงคิดว่าตอนนั้นคงไม่ได้หมดสติหรอก แค่พวกผู้หญิงตื่นตระหนกจนมองผิดไปเอง แล้วจู่ ๆ คนคนนี้ก็บอกว่าเสี่ยวเถียนเป็นคนช่วยเอาไว้ แถมยังเน้นย้ำจนคนอื่น ๆ รู้สึกมั่นใจขึ้นมา

แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม คนที่กังวลเรื่องเสี่ยวเถียนเป็นหมอค่อย ๆ มีความหวัง และคนที่ตื่นเต้นที่สุดในกลุ่มคือหญิงชรา แม่ของอันหรงเสวีย และแม่สามีของหลี่กุ้ยฮวาด้วย

แกมีลูกชายกับลูกสาวแค่สองคน หลังจากสามีเสียไปตั้งแต่ยังหนุ่มก็ต้องเลี้ยงลูกด้วยความยากลำบาก แต่ใครจะรู้เล่าว่าชีวิตแต่งงานลูก ๆ ไม่ราบรื่นเลย

ลูกสาวออกเรือนตอนอายุ 26 และอีก 5 ปีต่อมาก็ให้กำเนิดลูกชายชื่อเสี่ยวลิ่วจื่อ

ส่วนลูกชายแต่งงานไว พออายุได้ 24 ก็แต่งแล้ว ปีต่อมาสะใภ้ก็ตั้งท้อง แต่ไม่คิดเลยว่าพอถึงวันคลอด จะจากไปทั้งแม่และลูก

สองปีต่อมาแกหาภรรยาให้ลูกชายได้ จากนั้นไม่นานสะใภ้ก็ล้มป่วยและเสียชีวิตลง ตั้งแต่นั้นมาลูกชายของเขา อันหรงเสวียมีชื่อเสียงในฐานะผู้ลิขิตชะตาภรรยา

หลังจากนั้นเป็นคนต้นมา หญิงชราใช้เวลาไปกับการหาภรรยาให้ลูกชาย กระทั่งเขาอายุ 34 ปีก็ได้แต่งงานอีกครั้ง

เพราะงั้นเธอจึงกังวลสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับลูกสะใภ้มาก ๆ

โชคดีที่ลูกสะใภ้คนนี้ให้กำเนิดลูกอย่างปลอดภัย และใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมาตลอดสี่ปี แกคิดว่าจะกำจัดชื่อเสียงนั่นของลูกชายได้แล้ว แต่จู่ ๆ อุบัติเหตุนี้กลับทำให้สะใภ้และหลานชายตกอยู่ในอันตราย

หญิงชราเดินเข้ามาหาเสี่ยวเถียนด้วยความสั่นเทา จากนั้นก็ก้มลงพูดด้วยว่า “หมอตัวน้อยรีบมาดูเถอะ สะใภ้กับหลานชายยัง…”

ยังช่วยกลับมาได้ไหม ประโยคนั้นแกไม่กล้าเอ่ยออกมา ถ้าช่วยไม่ได้ ชีวิตลูกชายและลูกสาวหลังจากนี้คงไปไม่รอดแล้วล่ะ

เธอประสบเรื่องราวในชีวิตมามาก ไม่อยากเห็นเหตุการณ์เหล่านี้อีกแล้ว

เสี่ยวเถียนรีบตอบ “คุณย่าไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจะดูแลพวกเขาอย่างดีเลยค่ะ”

แกอดเชื่อในคำพูดอันแน่วแน่ไม่ได้ หลังจากนั้นก็กลับมาเป็นกังวลอีกครั้ง ทั้งสองตัวร้อนขนาดนี้ ถึงจะได้รับความช่วยเหลือแต่ไม่รู้ปลอดภัยหรือเปล่า

เมื่อหลายปีก่อน มีชายคนหนึ่งที่อยู่หมู่บ้านข้าง ๆ ไข้ขึ้นตลอดทั้งคืน เขาถูกส่งตัวเข้าเมืองในตอนเช้าแต่สุดท้ายก็กลายเป็นคนเสียสติ

“หมอตัวน้อย ดูแลพวกเขาดี ๆ นะ ถ้าหายดี ยายเฒ่าคนนี้จะสวดมนต์ให้ตลอดชีวิตเลย”

ว่าจบแกก็ยกมือปิดปาก จากนั้นจึงมองไปรอบ ๆ โชคดีที่ไม่มีใครมีปฏิกิริยาใด ๆ จึงได้แต่โล่งใจ

เสี่ยวเถียนเข้าใจดี ก่อนยิ้มบาง ๆ ให้แก เราอยู่ในยุคที่คนไม่พูดเรื่องผีสางพระเจ้า แม้สังคมจะเปิดกว้างมากขึ้นแต่พวกเขายังกลัวโดนจับอยู่ดี

เด็กสาวไม่ปล่อยให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ ตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว มันต้องใช้เวลาในการปรุงยาพอสมควรเลย เธอสาวเท้าไปที่เตียงที่คนป่วยนอนอยู่ ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำทำให้รับรู้ได้ว่าพวกเขาทรมานแค่ไหน

จากนั้นก็จับชีพจรอย่างระมัดระวัง เพื่อตรวจให้แน่ใจว่าอาการของพวกเขาไม่ได้อยู่ในขั้นร้ายแรง เพราะตนเองไม่ได้เอายามา จากนั้นเสี่ยวเถียนก็ผุดลุกขึ้น

“ตอนมาหนูหยิบยามาด้วยค่ะ เดี๋ยวจะจ่ายยาให้นะคะ”

เสี่ยวเถียนหยิบยาออกมาจากกระเป๋าอย่างว่องไว และมันทำให้ทุกคนประหลาดใจมากที่เห็นกระเป๋าเธอเต็มไปด้วยยา หรือเธอจะเป็นหมอจริง ๆ ถ้าไม่ใช่ คนเราจะพกของพวกนี้ไปไหนมาไหนทำไมล่ะ?

“อันนี้คือยาลดไข้ค่ะ ใช้น้ำสามถ้วยต่อยาถ้วยหนึ่ง จากนั้นก็แบ่งยาที่ได้ออกเป็นสามส่วนค่ะ ให้ผู้ใหญ่กินสองส่วน และเด็กหนึ่งส่วน อีกหนึ่งชั่วโมงไข้จะลดเองค่ะ”

เสี่ยวเถียนไม่ได้สนใจว่าใครคิดยังไง และรีบเอ่ยวิธีใช้ยาทันที

อันหรงเสวียหยิบถุงยามาด้วยความขลาดเขลา และไม่รู้ว่าต้องทำยังไง เพียงแค่มองก็รู้แล้วว่ากำลังตื่นตระหนก

สุดท้ายอันหรงหัวก็หยิบมันมาเองแล้วเตรียมยาให้

เสี่ยวเถียนขบคิด ถึงยาที่เธอจ่ายให้จะได้ผล แต่การต้มยาต้องใช้เวลามาก เลยหยิบยาลดไข้ออกมาให้คนป่วยกินก่อน

“หมอตัวน้อย ลูกสะใภ้กับหลานชายเป็นยังไงบ้าง?” แม่เฒ่าอันเฝ้ามองก่อนจะเอ่ยถาม

“อีกสักพักก็ไม่เป็นไรแล้วค่ะคุณย่า ไม่ต้องห่วงไปนะคะ นั่งลงพักก่อนนะ” เสี่ยวเถียนยิ้มปลอบ

อายุอานามแกไม่น้อยแล้ว ร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรง หากเป็นอะไรไปอีกคนนึงจะแย่เอา

คนข้าง ๆ รีบชวนแกนั่งพักทันที

เสี่ยวเถียนมองความสามัคคีและมิตรภาพของพวกเขา จึงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนเธออยู่ชุมชนหงซิน ถึงจะมีข้อพิพาทกันเป็นครั้งคราว แต่ส่วนใหญ่ทุกคนสามัคคีกันมาก

ไม่ว่าบ้านไหนเจอปัญหา ทุกคนพร้อมให้ความช่วยเหลือเสมอ ตั้งแต่ย้ายไปอยู่เมืองหลวง การได้เห็นอะไรแบบนี้เป็นเรื่องที่หายากมาก

ตอนนี้ทุกคนยังอาศัยอยู่ในลานบ้าน หากเทียบกับอีกสิบปีหลังจากนี้ ตอนนี้ก็ดีกว่าเล็กน้อย

เสิ่นจื่อเจินกำลังคุยกับคนในหมู่บ้าน ไม่รู้คุยเรื่องอะไรแต่ดูมีชีวิตชีวากันมาก ดูก็รู้ว่าอาเขยชอบสภาพแวดล้อมอันอิสระและเข้ากันได้ดีแบบนี้

“หมอตัวน้อย นั่งลงเถอะจ้ะ อย่ายืนอยู่เลย”

ผู้หญิงบางคนเอาเก้าอี้มาให้เสี่ยวเถียน บางคนก็เอาถ้วยน้ำมาให้ดื่ม พวกเขาถือว่าเสี่ยวเถียนเป็นหมอจริง ๆ

ในพื้นที่ชนบท คนเป็นหมอจะได้รับความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก ถึงขั้นเรียกว่าคุณหมอด้วยซ้ำ เสี่ยวเถียนเป็นเด็ก ถึงจะไม่ได้เรียกว่าคุณ แต่ก็ยังปฏิบัติในสิ่งที่สมควรได้รับ เก้าอี้ตัวนั้นวางลงตรงข้ามแม่เฒ่าอัน คงเพราะอยากให้หมอและเจ้าของบ้านได้สนทนาสักหน่อย

“คุณย่า สุขภาพหลานชายคุณย่าไม่ค่อยดีเท่าไรเลยค่ะ!” เสี่ยวเถียนกล่าว

เธอวินิจฉัยได้จากตอนจับชีพจรเมื่อครู่

เด็กชายคนนี้สภาพร่างกายย่ำแย่มาก ถ้าไม่ดูแลดี ๆ เขาคงมีอายุสั้น