บทที่ 720 วิกฤติแห่งสวรรค์ (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 720 วิกฤติแห่งสวรรค์ (2)

นางมารร้ายน้อยพยักหน้าและรอเงียบๆ อยู่ข้างๆ ชั่วเวลานั้น นางใช้นิ้วเล็กๆ ของนางเกาคางด้วยความเบื่อหน่าย ราวกับว่านางกำลังศึกษาดูว่าจะทรมานของเล่นใหม่ๆ ทั้งสองชิ้นนั้นอย่างไร

จากนั้นร่างจำแลงแห่ง “ความปรารถนา” ก็โน้มตัวไปข้างหน้าและเป่าเบาๆ ไปที่หลี่ฉางโซ่ว ทันใดนั้นชั้นของอักขระเต๋าก็กระจายออกไปดุจคลื่น และซัดสาดเข้าใส่หลี่ฉางโซ่วซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็มีความคิดมากมายผุดขึ้นมาในใจ แล้วเสียงสตรีที่ทรงเสน่ห์และเย้ายวนใจซึ่งมีอักขระเต๋าบางอย่าง และฟังดูเหมือนเสียงปีศาจสาว ก็ยังคงกระซิบอยู่ข้างหูของเขา

ชั่วขณะหนึ่ง หลี่ชางโซวคิดไปเรื่อยๆ ว่าเสียงผู้หญิงที่มีเสน่ห์และเร้าใจนั้นมีสัมผัสแห่งเต๋าบางอย่าง ราวกับเสียงวิเศษ กระซิบที่หูของเขา

“เจ้าอยากทรงพลังอำนาจหรือไม่? เจ้าเป็นเพียงเทพผู้ชอบธรรมขั้นสามแห่งศาลสวรรค์

หากเจ้าพยักหน้าเบาๆ เจ้าก็จะใช้แผ่นจานสังสารวัฏหกวิถีได้ แล้วสิ่งมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนก็จะลี้ภัย เปลี่ยนมาหาเจ้า และเจ้าก็จะกลายเป็นจักรพรรดิแห่งสวรรค์ของทั้งสามอาณาจักร…”

จักรพรรดิแห่งสวรรค์?

จักรพรรดิแห่งสวรรค์มีอันใดดีเล่า?

ตอนนี้เขาเป็นเสนาบดีธรรมดาแห่งศาลสวรรค์ หากสำนักบำเพ็ญเต๋า และศาลสวรรค์มีอิทธิพลร่วมกัน เขาก็จะไม่ได้เลวร้ายไปกว่าจักรพรรดิแห่งสวรรค์มากนัก

เขาถูกเต๋าสวรรค์จับตาเฝ้ามองดูอยู่ทุกวัน โดยพื้นฐานแล้ว เขาไม่มีอิสระส่วนตัวใดๆ เลย เขายังต้องกลายเป็นร่างจำแลงและเดินเตร็ดเตร่ท่องไปรอบๆ

เขาหมดสิทธิ์ที่จะเลือกอย่างสิ้นเชิงแล้ว หากเขาอยากสร้างปัญหาให้ตัวเองในครั้งต่อไป เขาก็จะถูกพระแม่หวังหมู่[1]เฝ้าจับตามองดูอย่างหนัก

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็พึมพำว่า “เปลี่ยนมัน”

เปลี่ยน!

ทันใดนั้นสตรีบนบัลลังก์ก็หรี่ตาและหัวเราะเบาๆ สตรีสาวผู้ “ชั่วร้าย” ตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนที่นางจะหัวเราะลั่นออกมา

“น่าสนใจ”

เสื้อคลุมกว้างของร่างจำแลงแห่ง “ความปรารถนา” ปลิวสะบัดเล็กน้อย แล้วลำแสงสีม่วงก็พุ่งออกมา และชี้ตรงไปที่ร่างของหลี่ฉางโซ่ว

ในขณะนั้นเจดีย์เสวียนหวงก็บินออกไปด้วยตัวมันเอง และลอยอยู่เหนือศีรษะของหลี่ฉางโซ่ว

ทว่าลำแสงดังกล่าวก็ไม่สนใจการปิดกั้นกีดขวางของเจดีย์เสวียนหวงและสาดแสงส่องตรงไปยังปราณวิญญาณของหลี่ฉางโซ่ว

“เจ้าอยากได้บุญมากจริงๆ ใช่หรือไม่?”

บุญ?

หลี่ฉางโซ่วพึมพำว่า “ความจริงแล้ว บุญก็เพียงแค่มีไว้ช่วยชีวิตของข้าเท่านั้น”

“แล้วเจ้าต้องการที่จะอยู่ยงคงกระพันในสามอาณาจักรหรือไม่?”

“การอยู่ยงคงกระพันที่แท้จริงก็คือ การที่ผู้อื่นไม่รู้จักนามของข้า เต๋าของข้า หรือการดำรงอยู่ของข้าในขณะที่ข้ายืนอยู่เหนือสิ่งมีชีวิตทั้งมวล

ในท้ายที่สุดแล้ว การอยู่ยงคงกระพันในขอบเขตเต๋าและระดับการฝึกบำเพ็ญก็เป็นเพียงดอกไม้ในกระจกและพระจันทน์ในน้ำ[2]เท่านั้น

ยิ่งทรงพลังแข็งแกร่งมากเท่าใด ก็จะยิ่งถูกสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้ๆ มองว่าเป็นภัยคุกคามมากขึ้นเท่านั้น

สหายเต๋า…”

หลี่ฉางโซ่วลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาฉายรอยแห่งความสิ้นหวังเล็กน้อยในขณะที่เขาจ้องมองไปที่ร่างจำแลงแห่ง “ความปรารถนา” ที่อยู่บนบัลลังก์

“ท่านผิดแล้ว”

“จริงหรือ?”

ร่างจำแลงแห่ง “ความปรารถนา” หรี่ตาและหัวเราะเบาๆ ในเวลานี้ ใบหน้าของนางซึ่งคล้ายกับความเศร้าน้อยและนางมารร้ายน้อยเจ็ดถึงแปดส่วน ก็ยังคงดูมีเสน่ห์

ทันใดนั้นร่างของนางก็ระเบิดออกกะทันหันโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า และเสี้ยวลำแสงหลากสีก็พุ่งเข้าหาหลี่ฉางโซ่วและหายเข้าไปในอกของเขาทันที

หลี่ฉางโซ่วหลับตาของเขาลงทันที ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่คิดจะหลบหนีในตอนนี้ แต่เขาตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วว่า เขาไม่อาจหลีกหนีการโจมตีของร่างจำแลงแห่ง “ความปรารถนา” นี้ได้

มันไม่ใช่พลังเวทหรือวิชาเวท

แสงและเงาที่เขาเห็นนั้นไร้ความหมายใดๆ ธารแสงเหล่านั้นดุจดั่งความว่างเปล่าในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งกำลังส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขาโดยตรง

ภายนอกหอ จ้าวแห่งแดนยมโลกทั้งสองคนกำลังวิ่งไปรอบๆ ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ “แปลกประหลาด” ในขณะที่หมัดและเท้าของพวกเขากระแทกพื้นทำให้พื้นดินเกิดรอยแตกแยก

พวกเขาก่อพายุทรายขึ้นเต็มท้องฟ้า ราวกับว่า พวกเขาจะย้อนกลับไปในสมัยโบราณและกำลังต่อสู้กับราชาปีศาจ

ภายในหอ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่สวมผ้าปิดตาและนอนหลับสนิทอยู่บนแผนภาพไท่จี๋

ห่างไปไม่ไกลจากเขา หลี่ฉางโซ่วนั่งขัดสมาธิและหลับตาลงอีกครั้ง

ในบางครั้ง เขาจะขมวดคิ้วและแค่นเสียงออกมาเบาๆ ราวกับว่าเขากำลังประสบกับการทดสอบทางจิตใจ

ร่างจำแลงแห่ง “ความปรารถนา” ยังคงโจมตีปราณวิญญาณของเขาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด และสอดแนมเข้าไปในหัวใจของเขาด้วยหมายจะขุดคุ้ยค้นหาสิ่งที่เขาปรารถนามากที่สุดออกมา

หลี่ฉางโซ่วพยายามจะต่อต้านการขยายตัวแห่งความคิดของเขาอย่างสุดกำลัง เขาเตือนตัวเองว่าเขาเป็นคนถ่อมตัวและต่ำต้อย และหากเขาไม่ระวัง เขาคงจะต้องตายอย่างแน่นอน

ความปรารถนาในอารมณ์ทั้งเจ็ดนั้น ไม่ได้หมายถึงตัณหาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันก็เข้าใจได้ว่าเป็นความปรารถนาเช่นกัน

หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มควันสีม่วงก็พุ่งล้นออกมาจากร่างของหลี่ฉางโซ่ว และกลายเป็นสตรีสาวเรือนร่างเพรียวบาง นางคือ ร่างจำแลงแห่ง “ความปรารถนา”

นางมีสีหน้าท่าทางไม่น่าดูและไม่สงบเหมือนเดิมอีกต่อไป นางมองไปที่หลี่ฉางโซ่ว และถอยกลับไปครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว

ในขณะนั้นนางมารร้ายน้อยก็กระโดดข้ามมาและเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่า “เผ่าพันธุ์มนุษย์นี้ไม่มีความปรารถนาเลยจริงๆ หรือ?”

“ไม่ เขามี” ร่างจำแลงแห่ง “ความปรารถนา” กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ

“ข้ามองเห็นความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ในปราณวิญญาณของเขา มันเป็นความปรารถนาอันแรงกล้าและการแสวงหาอย่างสุดขั้วของเขา ทว่าข้าก็ไม่อาจกระตุ้นความปรารถนานั้นได้”

“เหตุใดกันเล่า?”

“หากข้ากระตุ้นความปรารถนานี้ เขาก็จะได้รับพลังที่จะเอาชนะข้าได้”

“หือ?”

นางมารร้ายน้อยมีเครื่องหมายคำถามเต็มไปทั่วหน้าผากด้วยความรู้สึกสับสนไม่เข้าใจ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

“ความปรารถนาของเขาคือ…คือ…มันยากจะอธิบาย…”

“คืออันใดกันแน่? บอกข้ามาตรงๆ ได้หรือไม่?”

ร่างจำแลงแห่ง “ความปรารถนา” ยกมือขึ้นก่ายหน้าผากแล้วกระซิบว่า “มันคือ ความมั่นคง เขาแสวงหาเสถียรภาพแห่งความมั่นคง สิ่งที่เขาต้องการที่สุดก็คือ ความมั่นคง!”

นางมารร้ายน้อยตะลึงงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็หยักโค้งมุมปากขึ้น แล้วนางก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา นางหัวเราะหนักมากจนม้วนกลิ้งลงไปกับพื้น

หลี่ฉางโซ่วแอบสังเกตภาพเหตุการณ์นั้นอย่างลับๆ และวิเคราะห์มันอย่างละเอียดรอบคอบในใจ

เมื่อเขาหลอกนางมารร้ายน้อยผู้นี้ก่อนหน้านี้ ความจริงแล้ว เขาก็จงใจกล่าวบางอย่างผิดไป

เขาเคยกล่าวว่าร่างจำแลงแห่ง อารมณ์ทั้งเจ็ดของโฮ่วถู่นั้น เป็นเจ็ดอารมณ์สุดขีดขั้วที่แตกต่างกัน

แต่ความจริงแล้ว พวกนางเหล่านี้ก็มีบุคลิกที่สมบูรณ์เจ็ดประเภท เป็นเพียงเน้นบางอย่างเท่านั้น

ตัวอย่างเช่น นางมารร้ายน้อย ในขณะนี้ นางมีทั้งอารมณ์สุข ตื่นเต้น และสนุกสนานในขณะที่เวลานี้ ร่างจำแลงแห่งความปรารถนานี้ก็ยังรู้สึกสับสนวุ่นวายและหดหู่ใจอยู่เช่นกัน…

………………………………………………………………..

[1] องค์ราชินีขององค์เง็กเซียน

[2] ปรากฏการณ์ลวงตา ภาพลวงตา