บทที่ 724 ปรมาจารย์ เราต้องการปรมาจารย์หลายคน (3)
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวอย่างจริงจังว่า “บอกรายละเอียดมาให้ข้าที”
“ขอรับ” หลี่ฉางโซ่วรับคำและลงนั่งสมาธิกับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อยู่ที่ริมทะเลสาบ จากนั้นเขาก็เริ่มเล่ารายละเอียด
ในเวลานั้น เขาได้แตะปลายนิ้วของเขาบนหน้าผากของร่างจำแลงแห่ง “ความปรารถนา” พลังปราณวิญญาณของเขาก็เพิ่มขึ้น แล้วเขาก็พุ่งชนเข้ากับทะเลแห่งดวงดาว …
ทว่ามันไม่ใช่ทะเลแห่งดวงดาวที่แท้จริง แต่เป็นหุบเหวที่เงียบสงบ และมีหมู่ดาราจักรที่สังสารวัฏหกวิถีฉายออกมา ลอยอยู่เหนือศีรษะของเขา
แสงระเรื่อของหมู่ดาราจักรเป็นเพียงแหล่งกำเนิดแสงแห่งเดียวที่นี่เท่านั้น
ในยามนั้น หลี่ฉางโซ่วรู้สึกราวกับว่า เขากำลังล้มลงอย่างต่อเนื่อง และในขณะที่ล้มลง เขาก็ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ
เขาเดินไปตามเสียงนั้นและยังคงเรียกหาราชินีโฮ่วถู่ต่อไปเรื่อยๆ และในที่สุด เขาก็ได้พบคนสำคัญที่สุดในการเดินทางของเขา
ต้าเต๋อโฮ่วถู่
ในทันทีที่ได้เห็นร่างของโฮ่วถู่ หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกปวดแปลบในใจขึ้นมา…
อารมณ์เช่นนี้ ได้เคยปรากฏขึ้นเพียงครั้งเดียว และนั่นคือก่อนที่ท่านอาจารย์ของเขาจะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์
ในเวลานั้น ท่านอาจารย์ของเขาเคยซ่อนตัวอยู่ในกระท่อมมุงจากและร้องไห้อย่างขมขื่นเมื่อยามดื่มเหล้าเมามาย
ราชินีโฮ่วถู่…
นางสวมชุดกระโปรงสีขาวเรียบง่าย และขดตัวอยู่ในเศษซากดวงดาว มีลูกทรงกลมแสงสุริยะสี่ดวงอยู่ล้อมรอบกายนาง ซึ่งดูดซับพลังจากเรือนร่างที่ผอมบางของนางไปอย่างต่อเนื่อง
นี่น่าจะเป็นร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งสี่ที่ยังไม่ได้ปรากฏขึ้น
“องค์ราชินี?” หลี่ฉางโซ่วร้องตะโกนจากก้นบึ้งในใจของเขา
“ข้าเป็นศิษย์รุ่นเยาว์ของไท่ชิง ข้ามาที่นี่ตามบัญชาของท่านอาจารย์ที่ให้มาช่วยเหลือขอรับ!”
ในขณะนั้นร่างที่ขดตัวอยู่ ไม่ได้ตอบสนองใดๆ แม้แต่น้อย
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ร้องเรียกออกไปมากกว่าสิบครั้ง ทว่าก็ยังไม่ได้รับการตอบสนองแต่อย่างใดเลย
ครั้นเมื่อเขาได้สัมผัสอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็พบว่า ความจริงแล้ว ในขณะนี้ อารมณ์ทั้งเจ็ดของราชินีโฮ่วถู่นั้น กำลังมีพลังคึกคักยิ่ง
นางมีความสุขน้อยมาก และความรักเพียงเล็กน้อย แต่นางก็พยายามที่จะระงับความโกรธ ความกลัว ความชั่วร้าย และความปรารถนาอย่างเต็มที่ แล้วปล่อยให้ความเศร้ากัดกร่อนตัวนางเอง
และด้วยเพราะความเศร้าเป็นสุราขมที่ได้ร่วมลิ้มรส[1] มันจึงไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถี…
ทว่าการรุกรานของความเศร้าก็ทำให้นางรู้สึกเหมือนกำลังตกลงไปในหุบเหวลึกอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา
แม้ราชินีโฮ่วถู่จะไม่ได้สิ้นหวังเท่ากับความเศร้าน้อย แต่ในยามนี้ นางก็ถูกอารมณ์ที่หดหู่และไร้พลัง เข้าครอบคลุมเช่นกัน
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกได้ถึงพลังขับไล่ของสถานที่นั้นทันที เห็นได้ชัดว่า ร่างจำแลงแห่ง “ความปรารถนา” ได้เริ่มฟื้นคืน “พลังแห่งเจตจำนง” ของนางแล้ว…
นางมีโอกาสพูดได้เพียงสองหรือสามครั้งเท่านั้น!
หลี่ฉางโซ่วต้องได้รับการตอบกลับจากราชินีโฮ่วถู่ และเขาต้องถามว่าเขาจะช่วยราชินีโฮ่วถู่ได้อย่างไร!
มันไม่มีทางอื่นใด เขาทำได้เพียงเริ่มการไต่สวนวิญญาณเท่านั้น
“องค์ราชินี! ท่านยังจำปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูที่ริมทะเลเลือดได้หรือไม่ขอรับ!?!”
ยังคงไร้การตอบสนอง
เห็นได้ชัดว่า ศิษย์พี่ของเขานั้น หาใช่คนสำคัญในใจของราชินีโฮ่วถู่ไม่
“ท่านยังจำข้อตกลงระหว่างจอมปราชญ์ไท่ชิงกับท่านได้หรือไม่ขอรับ?”
ทว่าก็ยังคงไร้คำตอบใดๆ และดูเหมือนว่า ราชินีโฮ่วถู่จะไม่ได้ยินเสียงเรียกของหลี่ฉางโซ่วเลย
ความรู้สึกฉีกขาดยิ่งรุนแรงขึ้น ในขณะนั้นหลี่ฉางโซ่วรู้สึกได้ว่า “พลังแห่งเจตจำนง” ของร่างจำแลงแห่งความปรารถนากำลังบุกโจมตีเขาราวกับคลื่นยักษ์
ด้วยเพราะความแตกต่างในขอบเขตเต๋า เวลานี้ จึงยากที่หลี่ฉางโซ่วจะต้านทานได้ บัดนี้เขากำลังจะถูกบีบบังคับขับไล่ให้ออกไปจากสถานที่นี้ในไม่ช้า!
ในขณะนั้น จิตใจของหลี่ฉางโซ่วอยู่ในสภาวะที่ขับเคลื่อนถึงขีดสุด และตัวเลือกสองสามทางก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา!
ตัวเลือกเหล่านั้น ล้วนเป็นสิ่งที่เขาคิดว่าจะสามารถดึงดูดความสนใจของราชินีโฮ่วถู่ได้
เขาสามารถกล่าวได้ว่าในขณะนี้ จำนวนคนในเผ่าเวทกำลังลดน้อยลง นอกจากนี้ เขายังหยิบยกเรื่องของเผ่าปีศาจที่ใช้วิญญาณของชาวเผ่าเวทในการหลอมกระบี่ทำลายล้างมนุษย์เพื่อกระตุ้นโฮ่วถู่ให้เกิดบันดาลโทสะขึ้นมาได้
นอกจากนี้เขายังสามารถสร้างประเด็นจากความจริงที่ว่า แดนยมโลกกำลังจะรวมเข้ากับศาลสวรรค์ในไม่ช้า
เขายังสามารถกล่าวเกินจริงและกระจายข่าวลือในประเด็นที่ว่าเผ่าเวทกำลังจะถูกเข่นฆ่า และแดนยมโลกก็กำลังจะถูกทำลายล้างและอื่นๆ
ทว่าในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกว่าเขาไม่อาจทนทำมันได้
เขาทนโป้ปดองค์ราชินีที่อยู่ต่อหน้าเขาไม่ได้ เขาทนไม่ได้ที่จะใช้คำพูดกล่าวเกินจริง แล้วไปกระตุ้นจิตใจที่เหนื่อยล้ายิ่งนักของราชินีโฮ่วถู่
การถูกอารมณ์ทั้งเจ็ดของสิ่งมีชีวิตลากไปทรมานนั้นจะเจ็บปวดรวดร้าวมากเพียงใดหนอ…
แต่หลี่ฉางโซ่วก็รู้ว่า เขาต้องกล่าวออกมาในยามนี้ และเขาต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะกล่าวให้อ่อนโยนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ราชินีโฮ่วถู่ ผู้น้อยต้องการความช่วยเหลือจากท่านขอรับ”
ติ๋งๆ… ราวกับว่า มีน้ำหยาดหนึ่งหยดลงไปในสระ และมีเสียงดังขึ้นในสถานที่อันเงียบสงบนี้ และพร้อมกับเสียงดังนั้น ก็มีแสงรำไร
เมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ก็พบว่าแสงนั้นมาจากโฮ่วถู่ …
สตรีซึ่งนอนขดตัวและกอดเข่าของนางอยู่ที่มุมของเศษซากดวงดาวผู้นั้น ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นและลืมตาที่เต็มไปด้วยดวงดาวของนาง สตรีผู้นั้นเผยความเศร้าออกมาอย่างรุนแรงมาก
“เจ้าเป็นผู้ใดกัน?”
……
ที่ข้างทะเลสาบน้ำตานั้น หลี่ฉางโซ่วก็ถอนหายใจเมื่อเขาเล่าถึงเรื่องนั้นกับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ และเขาก็รู้สึกอายอยู่บ้างเช่นกัน
“หลังจากปลุกราชินีโฮ่วถู่แล้ว ร่างจำแลงแห่งความปรารถนาก็ไม่อาจขับไล่ข้าออกไปได้ และองค์ราชินีจะฉวยประโยชน์จากความอ่อนแอของร่างจำแลงแห่งความปรารถนาเพื่อกำราบร่างจำแลงแห่งความปรารถนานั้นเอาไว้ชั่วคราวได้
ข้าเพียงแค่บอกเรื่องสถานการณ์ของแดนยมโลกในเวลานี้ ให้ราชินีโฮ่วถู่ได้รับรู้ และพยายามหาทางจัดการแก้ไขเรื่องนี้จากราชินีโฮ่วถู่ … ”
“แล้วเจ้ามีทางหรือไม่?” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เอ่ยถามอย่างกังวล
“ขอรับ” หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้ว
จากนั้นเขาก็แบมือซ้ายออก แล้วแสงสีทองก็ไหลเวียนอยู่ในฝ่ามือของเขาก่อนจะก่อตัวขึ้นมาเป็นวงแหวนหญ้าที่ดูราวกับว่าถักสานมาจากหญ้าแห้ง
หลี่ฉางโซ่วกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “แม้ราชินีโฮ่วถู่จะบอกว่าพวกเราสองคนศิษย์พี่ศิษย์น้องก็เพียงพอแล้ว แต่เพื่อความปลอดภัย …
ศิษย์พี่ ท่านจะสามารถเชิญปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋ามาได้สักกี่คน?
มันย่อมเป็นการดีที่สุดหากความแข็งแกร่งของพวกเขาแต่ละคนจะไม่แตกต่างไปจากความแข็งแกร่งของศิษย์พี่มากเกินไปขอรับ”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและกล่าวว่า “การเชิญคนจำนวนมากนั้นไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาก็คือ หากเชิญคนมามากเกินไป เจ้าก็จะไม่ได้รับบุญมากนัก”
หลี่ฉางโซ่วใคร่ครวญถ้วนถี่และกล่าวว่า “มั่นคงไว้บ้างย่อมจะดีกว่า มันก็พอจะได้บุญอยู่บ้าง ข้าจะไม่ฝืนบังคับมันขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วหยุดไปชั่วขณะและแย้มยิ้ม
“อย่างมากที่สุด ข้าก็จะขอให้ศิษย์พี่ โปรดอยู่เคียงข้าง และช่วยปกป้องข้าหลังจากนี้ ข้าจะไปหาปีศาจแห่งกรรมร้ายเพื่อจัดการมันและชดเชยข้อบกพร่องนี้”
“บอกข้ามาที เหตุใดในตอนนั้น เผ่าปีศาจเหล่านั้นถึงได้ยั่วยุเจ้าแต่แรก?”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ และกล่าวว่า “มันเปรียบเสมือนกับภัยพิบัติแห่งการทำลายล้าง”
“เฮ้อ…”
สายลมโชยหอบเสียงถอนหายใจมาแต่ไกลเมื่อเด็กสาวที่อยู่กลางทะเลสาบพึมพำอะไรบางอย่างเบาๆ
แม้เขาจะได้ยินมันไม่ชัดเจน แต่มันต้องเป็นถ้อยกล่าวในด้านลบอย่างแน่นอน
………………………………………………………………..
[1] คือความเศร้าเป็นอารมณ์ของโฮ่วถู่เอง