บทที่ 725 การจัดทัพสุดยอดปรมาจารย์ (1)
“นั่นจึงเป็นเหตุให้… เราต้องการปรมาจารย์อย่างน้อยเจ็ดคนเพื่อช่วยยับยั้งหรือชะลอการแยกตัวออกมาของร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ด
ปรมาจารย์ทั้งเจ็ดเหล่านี้ จะต้องมีความแข็งแกร่งเพียงพอ และไม่มีข้อบกพร่องในหัวใจเต๋าของพวกเขามากเกินไป
นอกจากนี้ พวกเขายังต้องสามารถต่อสู้กับพลังสะท้อนของอารมณ์ทั้งเจ็ดในสังสารวัฏหกวิถีได้…”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก้มศีรษะลงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นและกล่าวว่า “หรือไม่เช่นงั้น ศิษย์น้อง ไยเจ้าถึงไม่ใช้ชิวหาสามชุ่น[1]ของเจ้าไปพูดเรื่องนี้ที่วังดุสิต บางที เจ้าอาจทำให้ท่านอาจารย์ลงมือจัดการได้!”
ขอให้จอมปราชญ์ลงมือตรงๆ …
แม้หลี่ฉางโซ่วจะพอใจกับข้อเสนอนี้มาก แต่เขาก็รู้ว่านั่นเป็นเพียงความคิดที่ไม่เป็นจริง
จอมปราชญ์อาจลงมือจัดการเองได้ แต่แน่นอนว่า ต้องเป็นหลังจากที่พวกเขาทั้งสองคนล้มเหลว และเขาจะปรากฏตัวเพียงเพื่อช่วยพวกเขาจัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อยเท่านั้น
ไม่เช่นนั้น ปรมาจารย์จอมปราชญ์จะดูแลฝึกฝนบรรดาศิษย์ของจอมปราชญ์ไปเพื่อประโยชน์อะไร?
ในยามนั้น สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ น่าจะเป็นรางวัลที่หลิงเอ๋อร์โปรดปราน…
“ศิษย์พี่ หากท่านอาจารย์ต้องการลงมือจัดการด้วยตัวเอง แล้วเหตุใดถึงจัดให้พวกเรามาที่นี่เล่าขอรับ?”
“ข้าเพียงล้อเล่นเท่านั้น ศิษย์น้อง เจ้าไปที่สำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยเถิด ส่วนข้าจะไปสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ใคร่ครวญถ้วนถี่แล้วสั่งว่า “แม้ระดับขอบเขตเต๋า พลังเวท และสมบัติวิญญาณของเจ้าจะยังไม่เพียงพอ แต่เจ้าก็สามารถใช้เพียงหัวใจเต๋าของเจ้าต้านทานการสะท้อนของอารมณ์ทั้งเจ็ดได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อจิตใจของคนเราไม่มีข้อบกพร่องหรือความลุ่มหลงครอบงำที่เห็นได้ชัดเจน ไม่เช่นนั้น จะถูกร่างจำแลงทั้งเจ็ดอารมณ์ใช้ประโยชน์อย่างแน่นอน”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ข้าอยากขอเชิญศิษย์พี่ตั๋วเป่า ศิษย์พี่กงหมิง และเทพธิดาอวิ๋นเซียวมาช่วย และหากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี บางที ข้าก็อาจจะเชิญคนที่สี่…
เท่าที่ศิษย์พี่รู้ ยังมีปรมาจารย์จากสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยคนใดอีกบ้างที่เหมาะสมจะรับงานนี้ขอรับ”
“มีศิษย์น้องหญิงอู๋ตั้ง และศิษย์น้องหญิงจินหลิง”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วกล่าวอีกว่า “เซียนใหญ่อู้หยุนก็อาจทำได้เช่นกัน ทว่าเซียนผู้ติดตามของท่านอาจารย์อาสามก็มักจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายนอก
การที่ข้าลงมือช่วยเหลือราชินีโฮ่วถู่ในครั้งนี้ ก็ถือเป็นประโยชน์แก่คนธรรมดาทั่วไปด้วย และย่อมเป็นการเหมาะสมดีกว่าที่จะเชิญศิษย์สายตรงของท่านอาจารย์อาทั้งสองมาช่วยจัดการ”
“ขอรับ” หลี่ฉางโซ่วก้มศีรษะลงรับคำ และเฝ้ามองดูปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ทะลุผ่านจักรวาลและออกไปจากทะเลสาบแห่งน้ำตา
เขาไม่จำเป็นต้องเที่ยวเดินไปมาด้วยร่างหลักของเขาเอง เขาวางท่านปู่เจดีย์เอาไว้เหนือศีรษะ แล้วลงนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ริมทะเลสาบ มือซ้ายของเขาถือวงแหวนหญ้าเอาไว้ และจัดการขั้นตอนต่อไปอย่างสงบ
เขามั่นใจในเรื่องนี้ราวเก้าสิบสองในร้อยส่วน
ในเมื่อต้องมีปรมาจารย์หลายคนลงมือโจมตีพร้อมๆ กัน ทั้งสองฝ่ายจึงมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้มากมายเกินไป และเขามั่นใจเก้าในสิบส่วนว่า เขาสามารถรับความเสี่ยงได้
ไฉนถึงหยุดร้องไห้?
บัดนั้นหลี่ฉางโซ่วก็หันศีรษะไปมองยังจ้าวแห่งแดนยมโลกทั้งสองคนที่อยู่ห่างออกไปสิบจั้ง …
“พี่ใหญ่ ก่อนหน้านี้ ข้ากล้าโจมตีท่านได้อย่างไร ข้ามันสมควรตาย ข้ามันอ่อนแอและขี้ขลาด
ข้ามีชีวิตอยู่ เป็นการสิ้นเปลืองอาหารของเผ่าไปเปล่าๆ
ในตอนนี้บรรพบุรุษกำลังเจ็บปวดยิ่ง แต่ข้าไม่อาจช่วยอะไรนางได้เลย!”
“น้องรอง อย่าพูดอะไรอีกเลย ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นความรับผิดชอบของข้า เผ่าเวทที่สมควรตายที่สุดก็คือข้า เป็นข้าเอง”
ไฉนพวกเขาถึงเปลี่ยนไปอีก?
หลี่ฉางโซ่วกังวลว่า ปรมาจารย์เผ่าเวททั้งสองจะเดินไปบนเส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับได้จริงๆ
หลี่ฉางโซ่วลงมือจัดการได้ทันเวลาและส่งราชาฉู่เจียง และราชาฉินกวงออกไปจากทะเลสาบแห่งน้ำตาโดยเขาได้ขอให้พวกเขาออกไปสงบสติอารมณ์ข้างนอกก่อน
หลังจากนี้อีกสักพัก เขาจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากจ้าวแห่งแดนยมโลกทั้งสองคน ซึ่งนั่น ก็เป็นขั้นตอนส่วนที่สำคัญมากเช่นกัน
มาเริ่มกันเลย
จากนั้นเขาก็เก็บวงแหวนหญ้าและทำตราประทับด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วร่างของหลี่ฉางโซ่วก็เปล่งแสงออกมาเล็กน้อย และภาพเหตุการณ์ที่จัดเรียงกันเป็นชุด ก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาอีกครั้ง
ในขณะนั้นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ในดินแดนเทวะทั้งห้าก็ตื่นขึ้นและบินออกมาจากที่ซ่อนของพวกเขา
เขาจะค้นหาบรรดาเซียนและเหล่าวิญญาณทั่วหล้า
ในห้องลับแห่งยอดเขาหยกน้อย หลี่ฉางโซ่วก้มศีรษะลงและหยิบพู่กันที่โต๊ะทำงานของเขา ขึ้นมา เขาทำแผนทั้งหมดให้เสร็จอย่างรวดเร็วและกำหนดจุดเวลาที่แน่นอน
สามวันต่อมา เวลาเฉินสือซานเค่อ[2]
นั่นเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด เนื่องจากไม่อาจสื่อสารกับแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถีได้ทันเวลา พวกเขาจึงต้องปฏิบัติตามกำหนดเวลามาตรฐานและเตรียมจัดการขั้นตอนต่อไป
หลังจากตัดสินใจเลือกจุดนั้นแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็เริ่มเรียกเหล่าทูตเทวะโดยผ่านรูปปั้นเทพแห่งท้องทะเลที่อยู่ในขอบเขตของสำนักเทพทะเลทันที…
ในที่พำนักของเทพวารีแห่งศาลสวรรค์ ในขณะนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เทพวารีได้ขี่เมฆและรีบพุ่งไปที่หอทงหมิง
ในวังมังกรทะเลบูรพา ขณะนี้หลี่ฉางโซ่วและราชามังกรแห่งทะเลบูรพาได้พบกันในห้องโถงใหญ่ที่เต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย
ในสำนักตู้เซียน หลี่ฉางโซ่วก็ไปที่โถงตู้เซียนเช่นกัน และพบเจ้าสำนักของเขา จากนั้นเขาก็กระซิบอะไรบางอย่าง…
ในเวลาเดียวกันนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่ว เทพวารี ได้ขี่เมฆไปหยุดลงที่เกาะเต่าทอง
บัดนี้ “พิธีเลิกรา” ที่จ้าวกงหมิงจัดขึ้นได้สิ้นสุดลงแล้ว ซึ่งในท้ายที่สุดพวกเขาก็เตรียมการอย่างเร่งรีบ และไม่มีงานเลี้ยงใดๆ
ทว่าจ้าวกงหมิงก็ยังไม่ได้ออกไปจากเกาะเต่าทอง เขายังคงร่ำสุรากับสหายสนิทสองสามคนและศิษย์สายตรงแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยอยู่ในเคหาสน์ถ้ำของเซียนใหญ่อู้หยุน
ยิ่งโชคดีมากขึ้นไปอีกที่นักพรตเต๋าตั๋วเป่า และเทพธิดาจินกวงก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน และพวกเขาก็กำลังช่วยหลี่ฉางโซ่วจากความยุ่งยากที่วิ่งไปมารอบๆ
หลี่ฉางโซ่วถูกพาเข้ามาที่นี่โดยถ้ำดิน
เขาโค้งคำนับให้แก่เหล่าผู้เป็นเซียนนับสิบคนก่อนและไม่ได้นั่งลง แต่เขากลับมีสีหน้าท่าทีดูจริงจังและก้มศีรษะลง
จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “ข้าอยากขอรบกวนศิษย์พี่และศิษย์พี่หญิงทุกท่าน
บัดนี้แดนยมโลกกำลังตกอยู่ในอันตราย แผ่นจานสังสารวัฏหกวิถีผิดปกติ และต้าเต๋อโฮ่วถู่ก็ถูกกักขังอยู่ในอารมณ์ทั้งเจ็ดของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล
ข้าได้รับคำสั่งจากท่านอาจารย์ให้ไปจัดการร่วมกับท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เพื่อช่วยเหลือนาง ทว่าหลังจากเข้าสู่แผ่นจานสังสารวัฏหกวิถีแล้ว ข้าก็ไม่อาจต้านทานพลังแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดได้
ดังนั้นข้าจึงทำได้เพียงล่าถอยออกมาด้วยความลำบากใจนัก และต้องการความช่วยเหลือจากเหล่าปรมาจารย์ที่สามารถต้านทานการสะท้อนแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดได้
ข้า หลี่ฉางเกิง ศิษย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ข้าหวังว่า ศิษย์พี่ตั๋วเป่า ศิษย์พี่กงหมิงและศิษย์พี่หญิงจินหลิงจะสามารถช่วยราชินีโฮ่วถู่ให้ผ่านความยากลำบากนี้ไปได้”
“เกิดอันใดขึ้น?”
จ้าวกงหมิงลุกขึ้นยืนทันทีและโยนตะเกียบของเขาไปทางด้านข้าง เขารีบถามว่า “สถานการณ์ของราชินีโฮ่วถู่เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ตอนนี้ นางพยายามอดทนอย่างเต็มที่” หลี่ฉางโซ่วหยุดไปชั่วขณะและเงยหน้าขึ้นมองด้วยรอยยิ้มขื่น แล้วกล่าวต่อว่า
“ทว่าอารมณ์ทั้งเจ็ดก็กำลังเจ็บปวดทนทุกข์ และพวกเขาก็ถูกบังคับให้เปลี่ยนเป็นร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ด และแต่ละร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดนั้น ต่างก็กำลังกัดกร่อนจิตใจของราชินีโฮ่วถู่
เพื่อรักษาความมั่นคงของสังสารวัฏหกวิถี ราชินีโฮ่วถู่ได้เต็มใจยอมอดทนแบกรับความเศร้าโศกของทุกชีวิต…”
“แล้วพวกเราสามคนพอหรือไม่?”
………………………………………………………………..
[1] เปรียบได้กับผู้ที่มีผีปากเป็นเลิศ เป็นการยกย่องความสามารถในเชิงวาทศิลป์ของคน
[2] ช่วงยามเช้าราว 9.00 น.