บทที่ 896 ผลกรรม สวรรค์มีตา

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 896 ผลกรรม สวรรค์มีตา

บทที่ 896 ผลกรรม สวรรค์มีตา

คิ้วที่สวยงามของปี่หลิงหลงขมวดเข้าหากัน นางหันกลับไปมองอย่างสับสน ซึ่งจากนั้นนางพบว่าซือคุนผู้ยืนอยู่หลังประตูที่นางกระแทกเปิดไว้กำลังมีสีหน้าที่ซีดเผือด ในมือกำลังจับมีดที่ซึ่งกำลังปักเข้าที่เป้าของตัวเอง เลือดสีแดงสดทะลักลงไปตามหว่างขาก่อตัวเป็นแอ่งเลือดขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว

ปี่หลิงหลงรู้สึกมึนงง คนพวกนี้เล่นอะไรกันเนี่ย? หาเรื่องแทงตัวเอง? ว่าแต่ทำไมต้องแทงตรงไอ้นั่น?

ซูอันอ้าปากค้าง เขารู้สึกถึงความหนาวเย็นตรงหว่างขา มือเกาะกุมของรักโดยไม่รู้ตัว มันช่างน่าเศร้าเหลือเกิน…ซือคุนอาจต้องกลายเป็นขันทีแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นคุนน้อย!!!

มันไม่ใช่แค่เขา ทุกคนต่างยืนกุมเป้าโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน แม้แต่ขันทีสองคน สวีน้อยและเหอน้อยก็ยังกลืนน้ำลาย ฉากที่ปรากฏนี้ตรงหน้านี้ทำให้พวกเขานึกถึงอดีตในการถูกตอนอันเจ็บปวด

นึกย้อนกลับไปมีขั้นตอนมากมายที่ต้องปฏิบัติ ก่อนที่จะถูกเข้าพิธีตัดองคชาติ พวกเขาไม่สามารถดื่มน้ำได้สองสามวันก่อนที่จะถึงพิธี อาศัยอยู่ในห้องที่อบอุ่น ใบมีดถูกฆ่าเชื้อ ผู้ที่มีฐานะร่ำรวยบางคนสามารถติดสินบนเจ้าหน้าที่ให้ใช้ยาสลบเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด แต่ถึงอย่างนั้น หลังจากเสร็จสิ้นการตัดตอนพวกเขาก็ยังจะเจ็บระบมมากในภายหลังอยู่ดีจนไม่สามารถดูแลตัวเองได้ไปอีกหลายอาทิตย์

แต่ซือคุนคนนี้ไม่ได้เตรียมการอะไรเลย! นอกจากนี้ เขาไม่ได้กรีดร้องเพราะความเจ็บปวดอีกต่างหาก! ช่างเป็นลูกผู้ชายตัวจริงอะไรเช่นนี้!

เอ…ไม่สิ…หลังจากวันนี้ไปเขาคงไม่ใช่ผู้ชายเต็มตัวอีกต่อไป…

ใบหน้าของซือคุนขาวราวกับกระดาษ เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลโทรมใบหน้า ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากกรีดร้อง แต่เขาเจ็บปวดมากจนไม่มีแรงจะร้องด้วยซ้ำ!

มันไม่ใช่แค่ความเจ็บปวดทางร่างกาย จิตวิญญาณของเขาเองก็เจ็บปวดเช่นกัน

ต้องรู้ว่ามีดเทพสังหารสามารถสร้างความเสียหายต่อจิตวิญญาณได้โดยตรง

ซือคุนสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างหายไปจากทะเลสำนึกของเขา เขารู้ว่าตัวเองจะไม่สามารถบ่มเพาะได้ตามที่หวังไว้อีกต่อไป

ที่แย่ที่สุดคือเขาได้รับบาดเจ็บที่จุดสงวนของเขาและไม่สามารถเรียกตัวเองว่าผู้ชายได้อีก!

หากซูอันเป็นคนทำ เขาสามารถพึ่งพาอิทธิพลของตระกูลเพื่อให้ซูอันชดใช้ด้วยชีวิต แต่นี่เป็นการกระทำขององค์หญิงรัชทายาท…

ความรู้สึกที่ถูกบังคับให้กลืนความคับแค้นใจนี้ครอบงำจิตใจของเขาจนกลายความโกรธแค้นอย่างสุดจะทน ดวงตาของเขากลอกไปข้างหลังและเป็นลมล้มตึง

“พวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่? ทำไมเขาถึง…” ปิ่หลิงหลงตกตะลึง นางรู้ว่าซือคุนมีสถานะพิเศษ ความจริงที่ว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในขณะที่อยู่กับรัชทายาทอาจทำให้เกิดความวุ่นวายในราชสำนัก

ทุกคนมองมาที่นางด้วยท่าทางแปลก ๆ มีเพียงรัชทายาทเท่านั้นที่ดูเหมือนจะไม่สนใจ “ที่ปรึกษาถือมีดอยู่ในมือตอนยืนอยู่หลังประตู” รัชทายาทอธิบายด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเปิดประตูกระแทกแขนของเขา มีดในมือของเขาจึงเสียบแทงไปที่ตัวเขาเอง เจ้าไม่ได้ยินเสียงมีดเหรอ?”

ปี่หลิงหลงพูดไม่ออก!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นางนึกย้อนดูดี ๆ นางเองก็ได้ยินเสียงดัง ‘สวบ’ เช่นกันแต่นางโกรธมากจนไม่สนใจมัน

นางรู้สึกเหมือนกำลังจะเสียสติ นี่มันอะไรกัน!? นางเป็นถึงองค์หญิงรัชทายาทที่งามสง่า แต่ตอนนี้นางเพิ่ง ‘ตอน’ ผู้ชายคนหนึ่ง! ถ้าข่าวนี้หลุดออกไปจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดอย่างมหันต์!

ซูอันกระแอมและพูดขึ้น “นี่ไม่ใช่ความผิดขององค์หญิงรัชทายาท แม้ว่าพระองค์จะไม่ได้มาที่นี่ เขาก็ยังต้องบาดเจ็บในท้ายที่สุดเพราะเนื่องจากเงื่อนไขที่ข้าพระองค์และเขาสาบานกันต่อฟ้าดินว่าจะแข่งขันกัน เขาควรจะผิดคำสาบานและตายลงด้วยซ้ำ อันที่จริงการที่องค์หญิงรัชทายาทเปิดประตูเข้ามาเช่นนี้มันเป็นการช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ต่างหาก

ดังนั้นในเรื่องนี้ไม่มีใครสมควรถูกตำหนินอกจากตัวเขาเอง องค์หญิงรัชทายาทไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดใด ๆ เลย”

สวีน้อยและเหอน้อยพยักหน้า พวกเขาไม่คิดว่าความคับแค้นใจที่พวกเขามีต่อซือคุนเมื่อครู่นี้จะถูกสะสางได้เร็วขนาดนี้ มันคือผลกรรมที่เจ้าคิดสร้างความลำบากให้กับผู้อื่น

สวรรค์ช่างมีตาโดยแท้!

ในที่สุดปี่หลิงหลงก็ตั้งสติได้ ทันใดนั้น นางก็รู้สึกว่าชื่นชอบซูอันมากขึ้น นางกระแอมเบา ๆ แล้วชี้ไปที่นางกำนัลอย่างรวดเร็ว “รีบไปแจ้งแพทย์ซวน…พาเขาไปที่โรงแพทย์หลวง บอกแพทย์ให้ใช้ยาที่ดีที่สุดเพื่อรักษาเขา”

เลือดที่ไหลออกมาจากตัวซือคุนช่างน่ากลัวเหลือเกิน นางหันหลังให้กับซือคุน เมื่อตามองไม่เห็นก็ไม่ต้องวิตกกังวลมาก

ขณะที่ซือคุนถูกนำตัวออกไป ปี่หลิงหลงก็ไม่มีอารมณ์ที่จะตำหนิรัชทายาทอีกต่อไป ในทางตรงกันข้าม นางสอบปากคำขันทีและราชองครักษ์เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น และเอ่ยเตือนคนเหล่านี้ให้แน่ใจว่าพวกเขาจะนำเรื่องนี้ไปอธิบายต่อผู้อื่นอย่างถูกต้อง หวังว่าจะป้องกันเรื่องผิดใจระหว่างตระกูลซือและตระกูลของนาง

ซูอันถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ดูเหมือนไม่มีใครสนใจเขาเลย

เขามองไปที่มีดบนพื้น รัชทายาทได้โยนพวกมันทิ้งไว้ก่อนหน้านี้โดยกลัวว่าจะถูกองค์หญิงรัชทายาทดุ

ซูอันรู้สึกสงสัยจึงหยิบมันขึ้นมา เขาสัมผัสได้ว่าพวกมันมีความพิเศษ

ต้องรู้ว่าด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันและความสามารถในการเสริมสร้างร่างกายของเขา แม้แต่อาวุธระดับสวรรค์ก็ไม่สามารถคุกคามเขาอย่างใหญ่หลวงได้

ทว่าปฏิกิริยาของซือคุนเมื่อครู่พิสูจน์ความสงสัยของเขา ความเจ็บปวดที่ชายผู้นั้นรู้สึกดูไม่เหมือนเกิดขึ้นกับแค่ทางร่างกายเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อจิตวิญญาณอีกด้วย

เขาลองสัมผัสคมมีด ความรู้สึกเย็นยะเยือกทำให้วิญญาณของเขาอึดอัดอย่างยิ่ง

ขณะที่คนหนึ่งเดินไปตามเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ คนหนึ่งจะใช้พลังชี่ของโลกเพื่อทำให้เลือดเนื้อของตนแข็งแกร่งขึ้น แต่หลังจากระดับปรมาจารย์เป็นต้นไป คนคนนั้นจะสามารถบังคับจิตวิญญาณของตัวเองให้สำแดงพลังออกมาได้

หลังจากที่ไปถึงระดับที่เก้าและทำให้เนื้อหนังแกร่งกล้าแล้ว เนื้อหนังก็จะมีพลังมากพอที่จะรองรับกับการใช้พลังที่มาจากจิตวิญญาณ

แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ต่ำกว่าระดับปรมาจารย์ไม่มีจิตวิญญาณ จิตวิญญาณมีอยู่เสมอ แต่ผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ขึ้นไปเท่านั้นจึงจะสามารถสำแดงพลังแห่งจิตวิญญาณและใช้มันโจมตีศัตรูได้

สำหรับผู้บ่มเพาะที่ต่ำกว่าระดับปรมาจารย์ จิตวิญญาณนั้นมองไม่เห็นและไม่มีตัวตน แต่ในความเป็นจริงก็ยังดำรงอยู่

หากมีใครได้รับบาดเจ็บที่จิตวิญญาณ นั่นคือจุดสิ้นสุดของโอกาสในการบ่มเพาะ

ซือคุนได้พยายามใช้แผนร้ายนี้กับเขา! สีหน้าของซูอันเริ่มเย็นชา

ซือคุนได้รับผลตอบแทนเช่นนี้ก็สาสมแล้ว!