บทที่ 733 เจ็ดอารมณ์ของโฮ่วถู่ (3)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 733 เจ็ดอารมณ์ของโฮ่วถู่ (3)

หลังจากรออยู่สักพักหนึ่ง ความเศร้าน้อยก็เอียงศีรษะ และมองดูภาพเหตุการณ์การเล่นต่อสู้ของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เหล่านั้น แล้วนางก็จมอยู่ในภวังค์แห่งความคิดเล็กน้อย

หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “ปลดผ้าสีดำออก”

ความเศร้าน้อยกอดไข่มุกเอาไว้ในอ้อมแขนของนางแน่นโดยไม่รู้ตัว แต่ผ้าสีดำที่คลุมก็อยู่ค่อยๆ สลายไปช้าๆ

นางหลับตาแน่น และไม่กล้ามองสถานการณ์ภายในนั้น กระทั่งเพียงเมื่อลำแสงสีทองส่องผ่านเปลือกตาบางๆ ของนางไปเท่านั้น นางก็ลืมตาขึ้นอย่างระมัดระวังและเฝ้าสังเกตดูสถานการณ์ในไข่มุกเม็ดนั้น

ทันใดนั้นก็มีธารแสงเล็กๆ ลอยออกมา แล้วกลายเป็นรอยยิ้มที่มีความสุขในดวงตาของความเศร้าน้อย นางแย้มยิ้ม หัวเราะ หันไปมองด้านหลัง และเอียงอาย

“มีความสุขจริงๆ…”

ความเศร้าน้อยเม้มปากและพึมพำเบาๆ นางอดจะยิ้มออกมาเล็กน้อยที่มุมปากโดยไม่รู้ตัวไม่ได้

หลี่ฉางโซ่วชี้นิ้วของเขามาจากด้านข้างและกล่าวขออภัย จากนั้น ปลายนิ้วของเขาก็แตะที่หน้าผากของความเศร้าน้อยเบาๆ แล้วอักขระเต๋าที่แปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้นรอบกายพวกเขาทั้งสองคนพร้อมๆ กัน

จากนั้นพื้นแผ่นดินก็พลันสั่นสะเทือนเบาๆ และแสงดาวก็ส่องสว่างบนท้องฟ้าที่เกลื่อนไปด้วยดวงดาว

ทันใดนั้นก็มีสี่เสาแสงปรากฏขึ้นในโลกใบนี้ และส่องแสงสว่างไปทั่วหล้า

บัดนั้นกวงเฉิงจื่อที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ ก็ร้องตะโกนออกมาเบาๆ ว่า “ปรากฏตัวแล้ว!”

บรรดาผู้เป็นเซียนที่กำลังจะก้าวออกไปข้างหน้าในทันทีนั้น จู่ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะที่มีเสน่ห์

ในยามนั้นมีมวลควันสีชมพูลอยไปรอบๆ กายพวกเขาในขณะที่เหล่าปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าทั้งหกคนเหล่านั้นต่างก็ขมวดคิ้วในเวลาเดียวกัน

“ข้าจะจัดการมัน”

อวี้ติ่งเจินเหรินก้าวออกไปข้างหน้าสองก้าว ในขณะนั้นใบหน้าธรรมดาของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม เขาใช้มือขวา ยกหม้อหยกขึ้น แล้วก็มีลำแสงพวยพุ่งออกมาจากปากหม้อหยกใบนั้น

ทันใดนั้นกวงเฉิงจื่อ นักพรตเต๋าตั๋วเป่า เทพธิดาจินหลิง จ้าวกงหมิง และไท่อี่เจินเหรินต่างก็กลายเป็นลำแสงและพุ่งตรงไปที่เสาแสงบนท้องฟ้า

ร่างจำแลงแห่ง “ความปรารถนา” กำลังจะโจมตีในทันที

อวี่ติ้งเจินเหรินร้องตะโกนออกมาเบาๆ แล้วก็มีเสียงท่องพระสูตรดังขึ้นรอบๆ กายเขา แล้วควันสีชมพูถูกบีบบังคับให้รวมตัวกันและก่อตัวขึ้นเป็นเงาร่างงดงามของร่างจำแลงแห่ง “ความปรารถนา”

อวี้ติ่งเจินเหรินยกหม้อหยกขึ้นและกล่าวว่า “สหายเต๋า โปรดผ่านด่านข้าไปก่อน”

“เพียงเจ้าเท่านั้นหรือ?”

ร่างจำแลงแห่ง “ความปรารถนา” เบะปากปากเล็กน้อยและมองไปรอบๆ ด้วยท่าทางสงบ

“ดูเหมือนว่าวันนี้ พวกเจ้าได้เตรียมตัวมาพร้อมแล้ว และเจ้าต้องการกำจัดเราจริงๆ

น่าเสียดายที่คิดว่าข้าเคยให้ความเมตตาพวกเจ้ามาก่อนหน้านี้ และคิดว่าการฆ่าพวกเจ้าจะไร้ความหมาย ว่าแต่วันนี้…

พวกเจ้าปรารถนาอันใด?”

บัดนั้นสายลมก็กระเพื่อม และร่างจำแลงแห่ง “ความปรารถนา” ก็หายไปอย่างประหลาด

อวี้ติ่งเจินเหรินกล่าวช้าๆ ว่า “เปลี่ยนแปลง พัฒนาอย่างอิสระ และสร้างความสามัคคี”

ทันใดนั้นหม้อหยกก็ส่องแสงสว่างเจิดจ้าราวกับว่า ร่างจำแลงแห่ง “ความปรารถนา” ได้ปรากฏกายอีกครั้ง!

บัดนี้นางอยู่ตรงหน้าอวี้ติ่งเจินเหริน และนิ้วเรียวยาวของนางก็อยู่ห่างจากอวี้ติ่งเจินเหรินไปเพียงสามชุ่นเท่านั้น แต่นางก็ไม่อาจเคลื่อนกายและก้าวต่อไปข้างหน้าได้แม้ครึ่งก้าว…

ร่างจำแลงแห่ง “ความปรารถนา” มีสีหน้าตื่นตกใจอย่างเห็นได้ชัด “เจ้าหยุดข้าได้หรือ?”

“การแยกส่วนอารมณ์ทั้งเจ็ดนั้น ไม่มีอันใดมากไปกว่าการผนึกจิต ความปรารถนาทั้งหกนั้นได้ชี้ตรงไปที่หัวใจ พวกมันทั้งหกล้วนเกิดจากใจทั้งสิ้น”

อวี้ติ่งหลับตาลงช้าๆ ในขณะนั้นเสียงสวดพระสูตรก็ดังขึ้นรอบกายเขา แล้วหม้อหยกก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของร่างจำแลงแห่ง “ความปรารถนา” มันสาดแสงหยกออกมาและกักขังนางเอาไว้กับที่

“หม้อหยกนี้คือ หัวใจเต๋าของข้า”

วิ้งๆ

ทันใดนั้นหม้อหยกก็สั่นไหวเบาๆ และร่างจำแลงแห่ง “ความปรารถนา” ก็กุมหน้าผากของนางเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วหมอบลงด้วยความเจ็บปวด นางกำลังถูกกำราบลงอย่างช้าๆ!

หลี่ฉางโซ่วได้เห็นภาพเหตุการณ์นั้นจากที่ไกลออกไปหลายพันลี้ และเขาก็เข้าใจมันได้ลึกซึ้งเล็กน้อย

เต๋าแห่งความปรารถนาที่อวี้ติ่งเจินเหรินได้ฝึกมานั้น ยากที่จะฝึกฝนได้จริงๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่กวงเฉิงจื่อได้พาเขามาที่นี่

สำหรับร่างจำแลงแห่ง “ความปรารถนา” แล้ว นั่นคือ การกำราบจากสวรรค์ที่แท้จริง!

บัดนี้ ภัยอันตรายซ่อนเร้นที่เขากังวลใจมากที่สุดได้มลายสลายไป และหลี่ฉางโซ่วก็ดึงจิตสนใจของเขากลับมา แล้วมองลงไปที่ความเศร้าน้อยซึ่งกำลังสะอื้นไห้ขณะที่เขากำไข่มุกเอาไว้

จากนั้นเขาก็แย้มยิ้มพลางกล่าวว่า “ไม่เป็นไรนะ”

“เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงมาทำกับข้าเช่นนี้…ฮีกๆ …ข้าช่างน่าอนาถยิ่งนัก!

ข้ายังถูกใช้เป็นเครื่องมือเวทเพื่อปลดปล่อยร่างจำแลงอื่นๆ อีก!”

ในขณะนั้นเทพธิดาอวิ๋นเซียวก็ค่อยๆ ลงมาจากฟากฟ้าและยกมือขึ้นลูบไล้หน้าผากของความเศร้าน้อย

จากนั้นก็มีละอองและไอหมอกพวยพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของอวิ๋นเซียว และเข้าห่อหุ้มร่างของความเศร้าน้อย

เมฆหมอกเหล่านี้เป็นดั่งมือที่อ่อนนุ่ม ช่วยนวดผ่อนคลายให้ความเศร้าน้อยเพื่อให้นางค่อยๆ สงบลง

หลี่ฉางโซ่วคลี่ยิ้มและกล่าวว่า “ข้าจะแสดงละครเรื่องหนึ่งให้พวกท่านทั้งสองคนดูเป็นอย่างไร?”

ในขณะนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สองตัวก็ได้บินออกมาจากแขนเสื้อของเขาและเปลี่ยนรูปกลายเป็นนักพรตเต๋าสองคน

จากนั้นพวกเขาก็เริ่มแสดงเรื่องราวที่หลี่ฉางโซ่วเคยแต่งเอาไว้ก่อนหน้านี้…

การแสดงวิวาทะ[1]แห่งโลกบรรพกาล

เพื่อให้ความเศร้าน้อยได้มีความสุข หลี่ฉางโซ่วจึงได้ใช้ไพ่ไม้ตายของเขาทั้งหมดที่เขามีไว้เพื่อเตรียมจัดการกับราชินีหนี่วาล่วงหน้าแล้ว

ทันใดนั้น อวิ๋นเซียวก็ใช้วิชาเวทลึกลับเพื่อปลอบประโลมหัวใจเต๋าของความเศร้าน้อย นางใช้ความอ่อนโยนของนางเองเพื่อปลอบโยนหัวใจที่ว่างเปล่าของความเศร้าน้อย

มองจากในระยะไกล

ร่างจำแลงแห่งความกลัวถูกห่อหุ้มด้วยมวลไอสีดำ มันเป็นเหมือนร่างกายสองด้านที่เป็นคู่ขัดแย้งกัน

ในด้านหนึ่งนั้น มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถ่อมตัว อ่อนแอ และขี้ขลาด ซึ่งมีหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ส่วนในอีกด้านหนึ่งนั้น มันก็เป็นปีศาจแห่งความกลัวที่ร้องคำรามอย่างต่อเนื่องไม่หยุดและพยายามกระจายความกลัวไปยังสิ่งมีชีวิตทั้งมวล

ทว่านางก็สามารถผสมผสานอารมณ์ที่ขัดแย้งกันทั้งสองนี้เอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์

ภายนอกเป็นปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวและน่าเกรงขามอย่างที่สุด ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยควันสีดำ แต่ภายในปีศาจนั้น มันเป็นปีศาจที่อ่อนแอ ขี้ขลาด และหวาดกลัวทุกสรรพสิ่ง

………………………………………………………………..

[1] ในที่นี้หมายความในทำนองคล้ายทอล์คโชว์ หรือโชว์จำอวด