บทที่ 734 เจ็ดอารมณ์ของโฮ่วถู่ (4)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 734 เจ็ดอารมณ์ของโฮ่วถู่ (4)

อาจารย์ลุงจ้าวปราศจากความเกรงกลัวใดๆ

ไข่มุกเทพทะเลจัดการหยุดยั้งร่างจำแลงแห่งความกลัว ซึ่งไม่ได้ทรงพลังมากนักโดยตรง

ในการต่อสู้นั้น จ้าวกงได้หมิงแผ่กระจายลมปราณสีดำออกมา และตรงเข้าไปใกล้ร่างจำแลงแห่ง “ความกลัว” พร้อมกับหยิบ “เครื่องมือเวท” ที่หลี่ฉางโซ่วมอบให้เขา ออกมาจากทางด้านหลังของเขา

“หลับตาเสีย!” อาจารย์ลุงจ้าวตะโกนอย่างเย็นชา แล้วทันใดนั้นร่างจำแลงแห่ง “ความกลัว” ก็หลับตาลงโดยไม่รู้ตัว ทว่าครั้นเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งในทันที …

“อ๊าก!”

ผู้เป็นเซียนที่มีเคราและสวมชุดเกราะอยู่ตรงหน้า บัดนี้ เขากลายเป็นผีที่ดุร้าย หน้าเขียวและมีเขี้ยว!

ทันใดนั้นร่างจำแลงแห่งความกลัวก็ร้องไห้จนแทบจะเป็นลมเพราะความตกใจกลัว…

อาจารย์ลุงจ้าวถอดหน้ากากออก แล้วหัวเราะเบาๆ เขาพึมพำว่า “น้องชาย เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง นี่เป็นวิธีจัดการที่ง่ายที่สุด”

จากนั้นเขาก็เริ่มเตรียมหน้ากากอื่นๆ

ในเวลาเดียวกันนั้น ไท่อี่เจินเหรินและกวงเฉิงจื่อก็ออกโจมตีพร้อมกันเพื่อกำราบร่างจำแลงแห่งความโกรธในอีกมุมหนึ่ง

ขณะนั้น ตราประทับสวรรค์ได้แปลงร่างเป็นภูเขาและกดสตรีสาวผมสีทองที่ดูมีวัยไม่น่าจะเกินสิบสี่หรือสิบห้าปีลงไป เหลือเพียงศีรษะของนางเท่านั้นที่ปรากฏออกมาให้เห็น

กวงเฉิงจื่อกล่าวว่า “ไปกันเถิด ศิษย์น้องไท่อี่”

ไท่อี่เจินเหรินถามอย่างไม่แน่ใจว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านแน่ใจหรือว่าท่านจะสามารถกำราบในภายหลังได้”

“แน่นอน” กวงเฉิงจื่อแย้มยิ้มพลางกล่าวด้วยท่าทางแกร่งกล้าแห่งปรมาจารย์

ไท่อี่เจินเหรินพยักหน้าและวางมือของเขาไว้ในแขนเสื้อสีแดงของเขา แล้วก้าวออกไปข้างหน้าสองก้าว

บัดนั้นเด็กสาวผมทองที่ดูคล้ายกับนางมารร้ายน้อย และความเศร้าน้อยก็จ้องมองไปที่ไท่อี่เจินเหรินด้วยสายตาเกรี้ยวกราดทันที

ทว่าไท่อี่เจินเหรินก็เดินไปเพียงสองก้าวก่อนที่จะถอยกลับไปอีกครั้ง …

กวงเฉิงจื่อรู้สึกฉงนงงงวย “ไฉนเจ้าถึงถอยเล่า ศิษย์น้อง?”

“ร่างจำแลงนี้อ่อนแอเกินไป” ไท่อี่เจินเหรินส่ายศีรษะและกล่าวว่า “ไยเราไม่ปล่อยนางไป แล้วจัดการกับร่างจำแลงอื่นๆ เล่า? รังแกเด็กน้อยเช่นนี้ไป ก็ไร้ความหมายเช่นกัน”

กวงเฉิงจื่อถึงกับพูดไม่ออก

“เจ้ากำลังเอ่ยถึงผู้ใดว่าเด็กน้อย?”

ร่างจำแลงแห่ง “ความโกรธ” ถามอย่างขุ่นเคือง

ในขณะนั้นแสงสีทองก็สาดส่องปกคลุมไปทั่วร่างของนาง และตราประทับสวรรค์บนร่างของนางก็สั่นไหวอย่างต่อเนื่อง

ไท่อี่เจินเหรินแค่นเสียงเย้ยหยันและกล่าวอย่างสบายๆ ว่า “แล้วเจ้าไม่เหมือนเด็กน้อยหรือเล่า?

ในโลกมนุษย์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เจ้าก็เป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อยๆ มีผมสีเหลืองเท่านั้น

ในฐานะที่เป็นร่างจำแลงขององค์ราชินี เจ้าไม่ละอายใจในตัวเองจริงๆ หรือ? ดูความปรารถนา…”

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

ทันใดนั้นเสียงดังเปรี้ยงปร้างก็เริ่มแผ่กระจายไปทั่วร่างของเด็กสาวผมทอง

ในขณะนั้นแสงสีทองก็พลุ่งพล่านไปรอบกายนาง และมีแขนหยกปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของนาง จากนั้น ตราประทับสวรรค์ก็ค่อยๆ ถูกผลักดันขึ้นอย่างช้าๆ!

“เจ้าเรียกผู้ใดว่าตัวน้อยๆ!?!”

บัดนั้นไท่อี่เจินเหรินก็ไถลหนีอย่างรวดเร็วและไปยืนอยู่ข้างหลังศิษย์พี่ของเขา

เขาค่อยๆ คลี่ยิ้มช้าๆ และกล่าวว่า “อย่ารู้สึกต่ำต้อยไปเลย จงเชื่อในตัวเจ้าเอง เมื่อเจ้าเจริญวัยขึ้นในภายหน้า แล้วเจ้าจะไม่มีคาถาแปลงร่างหรืออะไรทำนองนั้นหรือ?”

“อ๊าก!”

ร่างจำแลงแห่ง “ความโกรธ” ส่งเสียงร้องโหยหวน และตราประทับสวรรค์ก็พลิกกลับทันที!

ทันใดนั้น กวงเฉิงจื่อก็ชูกระบี่และพุ่งออกไปข้างหน้า แล้วเข้าประจัญบานกับร่างจำแลงแห่ง “ความโกรธ” ที่อาละวาดกราดเกรี้ยวอย่างดุเดือด!

เมื่อหลี่ฉางโซ่วได้เห็นภาพเหตุการณ์นั้น เขาก็อดจะกังวลมิได้…

ด้วยปากของไท่อี่เจินเหริน หากคนของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน และสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยพบกัน พวกเขาก็จะก่อให้เกิดการนองเลือดได้แม้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม!

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็หยิบไม้ไผ่ออกมาจากแขนเสื้อของเขา และเส้นสีแดงบนไม้ไผ่ก็กำลังจะมาถึงด้านล่าง

ใกล้ถึงเวลาแล้ว

ในขณะนั้น เพลือเพียงปัญหาเดียว ก็คือ เทพธิดาจินหลิง

……

ในมุมที่ห่างไกลของโลกใบเล็กนั้น เทพธิดาจินหลิงคุกเข่าลงบนเนินทรายและเอามือเรียวกุมหน้าผากของนางไว้

เทพธิดาจินหลิงนั้น งดงาม เย็นชา และบอบบาง ทั้งนางยังเป็นศิษย์สายตรงของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ทงเทียน และยังมีสมบัติวิญญาณที่ทรงพลังแข็งแกร่งมากมายอยู่ข้างกาย

โดยปกติแล้ว ไม่ว่าจะไปที่ใด นางก็มักจะมีสีหน้าท่าทางเย็นชา ทว่าน่ารักอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังมีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วในอาณาจักรทั้งสามว่า นางไม่พิสมัยการพูดและหัวเราะ…

เดิมที เทพธิดาจินหลิงได้รับเชิญให้ไปยังแดนยมโลกเพื่อช่วยจัดการกับวิกฤตของร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดของราชินีโฮ่วถู่ และนางก็ได้เตรียมพร้อมสำหรับศึกสู้ครั้งใหญ่แล้ว

ทว่าในช่วงสามวันที่ผ่านมานี้ นางก็ได้ฟังศิษย์จอมปราชญ์ที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นใหม่ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เทพวารีแห่งศาลสวรรค์ ซึ่งได้ชึ้แจงรายละเอียดต่างๆ ของแผนการ และจัดเตรียมให้นางได้ฝึกฝนวิชาเวทพิเศษบางอย่าง

ในขณะนั้นเทพธิดาจินกวงก็ค่อยๆ ตระหนักได้ทีละน้อยว่า…

เทพวารีผู้นี้ ช่างมั่นคงยิ่ง เขาสามารถพิจารณาเรื่องดังกล่าวได้อย่างแท้จริงและไม่ละเลยรายละเอียดใดๆ !

ทว่าครั้งนี้ ดูเหมือนว่าข้าจะมาผิดที่แล้ว

ไม่มีการต่อสู้ที่นี่

ในขณะนั้น ไท่อี่เจินเหรินกำลังถูกร่างจำแลงแห่ง “ความโกรธ” ของโฮ่วถู่ไล่ตามในขณะที่ปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าคนอื่นๆ จากทั่วทุกที่ก็ได้ต่อสู้กับร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดแล้ว และแผนการทั้งหมดก็กำลังคืบหน้าไปอย่างมั่นคงเรื่อยๆ

สิ่งที่เทพธิดาจินหลิงต้องเผชิญในตอนนี้ก็คือ เด็กสาวที่บอบบางราวกับหยกสองคน…

อีกฝ่ายมองที่จ้องมองอย่างคาดหวัง และดวงตาที่ดูมีเหตุผลนั้น…

นี่!

ร่างจำแลงแห่งเจ็ดอารมณ์ทั้งสองที่นางรับผิดชอบจัดการนั้น ไม่มีเจตนาจะต่อสู้กับนางเลย

เมื่อมาถึงที่นี่ เด็กสาวทั้งสองก็รวมตัวกันอย่างเชื่อฟัง

จากนั้นพวกนางก็เอ่ยปากเพียงประโยคเดียวว่า “เจ้าคือ พี่สาวที่มาที่นี่เพื่อช่วยให้พวกเราเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วใช่หรือไม่?”

บัดนั้นหัวใจเต๋าของเทพธิดาจินหลิงก็แทบจะละลาย

ข้าควรทำอย่างไรดี?

นางจะทำอันใดได้อีก?

ร่างเหล่านี้คือ ร่างจำแลงแห่งความสุขและความรัก ซึ่งเป็น ‘ความดี’ ในบรรดาอารมณ์ทั้งเจ็ด

เป็นเพราะพวกนางทั้งสองคนยังอ่อนแอเกินไปในขณะที่พลังแห่งความเศร้าและความชั่วร้ายก็แข็งแกร่งเกินไปจนทำให้พลังแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดไม่สมดุล ซึ่งส่งผลให้เกิดร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดขึ้น

ทว่าในเวลานี้ พวกเขาไม่อาจปล่อยให้ความเศร้า ความสุข ความชั่วร้าย และความรักมาพบกันได้ หาไม่แล้ว เด็กน้อยทั้งสองก็จะถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันทันที

และจากนั้น ราชินีโฮ่วถู่ย่อมจะหลอมละลายไปสู่ก้นบึ้งแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดและไม่อาจช่วยเหลือนางได้อีกต่อไป