บทที่ 735 เจ็ดอารมณ์ของโฮ่วถู่ (5)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 735 เจ็ดอารมณ์ของโฮ่วถู่ (5)

ในขณะนั้น จู่ๆ ก็มีหลุมหนึ่งปรากฏขึ้นในพื้นดิน แล้วนักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็กระโดดออกมา และเร่งเร้าว่า “ศิษย์น้องจินหลิง เป็นอย่างไรบ้าง? ใกล้ถึงเวลาแล้ว”

ช่างเถิด ข้าไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว!

เทพธิดาจินหลิงกัดริมฝีปากล่างเบาๆ

แล้วทันใดนั้น… มือของนางก็กลายเป็นกรงเล็บ และใบหน้างดงามของนางก็ดูถมึงทึงขึ้นมาขณะที่นางมองไปยังเด็กสาวทั้งสองและส่งเสียงกรีดร้องแหลมยาวอย่างดุร้ายใส่พวกนางทั้งสอง

บัดนั้นสาวน้อยทั้งสองต่างก็กอดกันกลมแน่น และหัวเราะด้วยกัน เทพธิดาจินหลิงยังคงทำหน้าตลกๆ ในขณะที่เด็กสาวทั้งสองต่างก็หัวเราะกันจนตัวโยน แล้วร่างกายของพวกนางก็เริ่มเติบโตสูงขึ้นพร้อมๆ กัน…

นักพรตเต๋าตั๋วเป่าที่อยู่ด้านข้าง พลันขมวดคิ้วขณะที่เขาดูภาพเหตุการณ์นั้น เขามองไปยังเทพธิดาจินหลิงที่กำลังพยายามแสดงอย่างหนัก และรู้สึกถึงอารมณ์ที่พลุ่งพล่านสะเทือนใจ

เขาไม่รู้เลยว่าศิษย์น้องหญิงของเขามีด้านเช่นนี้ด้วยจริงๆ!

เดิมทีเขาคิดว่าศิษย์น้องจินหลิงมีเพียงหัวใจเต๋าที่จะอยู่ติดตามไปกับนาง นางมีบุคลิกที่ดุร้าย มีหัวใจเต๋าแข็งกร้าวราวกับหิน!

ไม่คาดคิดว่า…

เฮ้อ ความจริงแล้ว ศิษย์น้องหญิงของเขาบรรลุถึงขั้นนี้แล้ว นางทำเช่นนั้นได้ และในฐานะศิษย์พี่ของนาง เขาจะยืนดูนิ่งเฉย ไม่ทำอันใดอยู่ได้อย่างไรกันเล่า!?!

“คอยดูให้ดี!”

ทันทีที่เขาโบกมือใหญ่ของเขา ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยแสงสมบัติ และมีกองสมบัติวิญญาณต่างๆ ส่องแสงระยิบระยับไปรอบๆ กายพวกเขา ชั่วเวลานั้น เด็กสาวทั้งสองต่างก็ร้องอุทานว้าวๆ ออกมาด้วยความชื่นชม

นักพรตเต๋าตั๋วเป่าต่อต้านการเร่งเร้าให้ถอดเสื้อคลุมเต๋าของเขา เขากระโดดขึ้นไป และเริ่มแหวกว่ายถอยหลังในท่ากรรเชียง และโบยบินราวกับผีเสื้อในท่าผีเสื้อ ผ่านไปทั่วท่ามกลางกองสมบัติ และร่างกายที่อวบอ้วนเล็กน้อยของเขาก็ยังคงแหวกว่ายไปมาเรื่อยๆ

จากนั้นเด็กสาวทั้งสอง ต่างก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง และคราวนี้พวกนางก็เจริญเติบโตรวดเร็วขึ้น…

ทว่าเทพธิดาจินหลิงก็อดจะขมวดคิ้วไม่ได้

ดูเหมือนว่ามันจะสายเกินไป

ในเวลานี้ ร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดนั้น กำลังพัฒนาช้าเกินไป

มันมีเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามก่อนจะถึงช่วงเวลาที่หลี่ฉางโซ่วได้ตั้งค่า “การสะท้อนแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ด”!

ตึ้ง! ตึ้ง!

เสียงฆ้องและกลอง?

“ต้าเต๋อโฮ่วถู่ปกป้องสังสารวัฏ นั่นคือ จุดหมายปลายทางสุดท้ายของพวกเราหลังความตาย และเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตหน้าของพวกเรา!”

“ขอให้ราชินีโฮ่วถู่จงเจริญ!”

“ขอให้ราชินีโฮ่วถู่มีชีวิตยืนยาวตราบเท่าฟ้าดิน!”

ทันใดนั้น เทพธิดาจินหลิงและนักพรตเต๋าตั๋วเป่าต่างก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนดังลั่นไม่หยุด

นี่คือ…

พวกเขาทั้งสองคนล้วนเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน แล้วเห็นหมู่ดาราจักรปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า และมีเสี้ยวแสงดาวลอยออกมาจากหมู่ดาราจักรนั้น

แสงดาวเหล่านั้นพุ่งเข้าหาสาวน้อยทั้งสองโดยตรง และแสงดาวทุกสายก็มีภาพเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกัน

ในเมืองมนุษย์ที่พลุกพล่าน ผู้คนทุกเพศวัย ทั้งบุรุษ สตรี และเด็ก ล้วนส่งเสียงโห่ร้องไปตามถนนในขณะที่รูปปั้นดินเหนียวขนาดต่างๆ ถูกยกขึ้นสูง

ที่ด้านหน้ารูปปั้นดินเหนียวนั้น มีเด็กสาวเดินไปข้างหน้าด้วยเท้าเปล่าและโปรยกลีบบุปผา

ส่วนที่ด้านหลังรูปปั้นดินเหนียวนั้น มีทั้งสว่อน่า[1] กลอง ฆ้อง และนักปรบมือและเต้นรำ กำลังบรรเลงท่วงทำนองเพลงและเต้นรำตามจังหวะที่ผ่อนคลายและรื่นเริงในช่วงเวลายามเฉิน[2]หนึ่งเค่อ

เวลานี้ ในดินแดนเทวะทักษิณ ได้มีการแบกหามรูปปั้นของราชินีโฮ่วถู่ไปตามท้องถนนในทั่วทุกๆ ที่ที่มีวิหารสำนักเทพทะเล…

ในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ สำนักเทพทะเลทั้งหมดได้ดำเนินการเต็มรูปแบบอย่างเต็มที่

พวกเขายกย่องการกระทำของราชินีโฮ่วถู่ และทำให้เหล่าผู้ศรัทธาในสถานที่ต่างๆ ทั่วหล้ามารวมตัวกันในเมืองใกล้เคียงเพื่อเฉลิมฉลองไปพร้อมๆ กันในวันนี้

พวกเขาล้วนแสดงความยินดีกับนางและสวดอธิษฐานเล็กน้อย …

พวกเขาขอให้นางสงบสุข มีความสุข และมีอายุยืนยาวตราบเท่าฟ้าดิน…

ในขณะนั้น เด็กสาวทั้งสองยืนอยู่ท่ามกลางแสงดาวสาดประกาย และต่างมองหน้ากันด้วยความงุนงง

จากนั้นก็มีลำแสงเล็กๆ พุ่งเข้าสู่ร่างของพวกนาง แล้วเด็กสาวทั้งสองก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป

เมื่อแสงดาวยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง พวกนางก็ค่อยๆ เจริญเติบโตและกลายเป็นสาวน้อย พวกนางต่างก็เช็ดน้ำตาและแย้มยิ้มอยู่ตรงนั้นอย่างมีความสุข

เทพธิดาจินหลิงถอนหายใจอย่างโล่งอก นางคุกเข่าลงบนเนินทรายและคลี่ยิ้มให้กับภาพเหตุการณ์นั้น

นักพรตเต๋าตั๋วเป่าหัวเราะออกมาดังลั่น และเก็บสมบัติวิญญาณ จากนั้นเขาก็มองไปที่หลี่ฉางโซ่วด้วยความชื่นชม…

ในไม่ช้า ร่างจำแลงแห่งเจ็ดอารมณ์ทั้งสองคนนี้ ก็ได้รับพลังชั่วคราวเพื่อพร้อมยืนหยัดต่อสู้กับร่างจำแลงอื่นๆ

ขณะนั้นหลี่ฉางโซ่วได้มองไปที่แถบไม้ไผ่ในฝ่ามือของเขา บัดนี้เส้นสีแดงได้แตะที่ด้านล่างสุดแล้ว!

ได้เวลาแล้ว

หลี่ฉางโซ่วก้มศีรษะลงและมองไปที่ความเศร้าน้อยที่อยู่ตรงหน้าเขา เขาสูดลมหายใจเข้าลึกในขณะที่มีเจดีย์เสวียนหวงอยู่เหนือศีรษะของเขา

จากนั้น เขาก็กระโดดขึ้นและพุ่งไปในท้องฟ้าพร้อมกับวงแหวนหญ้าในฝ่ามือของเขา

หลี่ฉางโซ่วได้ค้นหาสถานที่ที่อารมณ์ทั้งเจ็ดมีความสมดุลกัน และเมื่อพบสถานที่ที่มีพลังวิญญาณอ่อนโยนที่สุดในโลกใบนี้ เขาก็ค่อยๆ หยิบวงแหวนหญ้าออกมาช้าๆ

แสงเจ็ดสีซึ่งอยู่บนวงแหวนหญ้าที่กะพริบวิบวับอย่างต่อเนื่อง และเสี้ยวแสงเซียนที่ส่องสว่างได้รวมตัวกันภายใต้วงแหวนหญ้านั้น

ต่อหน้านางมารร้ายน้อยซึ่งแผนภาพไท่จี๋กำลังสาดแสง ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กำลังพยายามพูดออกมาอย่างเต็มที่…

“จงดูลูกมวลที่คลุมด้วยผ้าสีดำนี้ เวลานี้ ความคิดดีและความคิดชั่วร้ายภายในได้กลับคืนสู่โกลาหลแล้ว ท่านเดาสิว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป?

ความโกลาหลแห่งอารมณ์… หือ?”

ในขณะนี้ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ศิษย์เสวียนตูหยุดไปชั่วขณะ และมองไปที่นางมารน้อย ดวงตาของนางมารน้อยเต็มไปด้วยความสับสน แล้วลำแสงสีดำจางๆ สายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากหน้าอกของนาง

เวลาเดียวกันนั้น…

บัดนั้นร่างจำแลงแห่ง “ความปรารถนา” ได้ถูกอวี้ติ่งเจินเหรินสยบเอาไว้ในขณะที่ร่างจำแลงแห่งความรัก และความสุขได้อยู่ต่อหน้าเทพธิดาจินหลิง

ในยามนั้นร่างจำแลงแห่ง “ความกลัว” ได้ถูกจ้าวกงหมิงทำให้หวาดกลัวจนน้ำตาไหล

ร่างจำแลงแห่ง “ความโกรธ” ที่ได้ไล่ล่าไท่อี่เจินเหรินไปและต่อสู้กันอย่างดุเดือดชั่วขณะก็ถูกกักขัง ติดอยู่ในค่ายกลเวท

ส่วนร่างจำแลงแห่ง “ความเศร้า” ก็อยู่ข้างๆ เทพธิดาอวิ๋นเซียว …

ทันใดนั้นก็มีลำแสงสายหนึ่งพุ่งออกมาจากหน้าอกของพวกนางแต่ละคน ดวงตาของพวกนางว่างเปล่าดูมึนงงเล็กน้อยในขณะที่พวกนางหยุดเคลื่อนไหว

………………………………………………………………..

[1] เครื่องดนตรีประเภทเป่าทางตอนเหนือของจีน มีลักษณะคล้ายแตร ซึ่งบางที่เรียกว่าปี่ใหญ่

[2] ยามเฉิน ช่วงยามเช้าราว 7.00-9.00 น.