บทที่ 841 โดนลาพักการเรียน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 841 โดนลาพักการเรียน

บทที่ 841 โดนลาพักการเรียน

ฝั่งฉืออี้หย่วนกำลังทำสงครามกับพ่อแม่อยู่ เขาไม่คิดเลยว่าสองคนนั้นจะแอบไปลาพักการเรียนของเขาโดยพลการ และต้องการให้ตนเองไปเยอรมนี เป็นที่แน่ชัดเลยว่าพวกเขาติดต่อกับโรงเรียนที่นั่นไว้แล้วด้วย

ตัวเขาไม่เคยคิดจะไปต่างประเทศ ต่อให้พ่อแม่และน้องจะอยู่ที่นั้นก็ตาม

เขาไม่อยากไป

บ้านของเขาคือที่ที่ปู่อยู่

ถ้าไม่มีปู่ ก็ไม่มีบ้าน

ส่วนบ้านพ่อแม่ที่นั่นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลยสักนิด ว่ากันตรง ๆ ก็เกี่ยวข้างกันแค่ทางสายเลือดเท่านั้น

“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ไป บ้านผมอยู่ที่นี่” ฉืออี้หย่วนเอ่ยด้วยแววตาแดงก่ำ

ฉือเนี่ยนตงมองลูกชายคนโตที่ไม่เป็นดั่งหวัง มีตั้งกี่คนอยากไปต่างประเทศแต่ไม่มีโอกาส ส่วนลูกชายเขามีโอกาสแต่ดันไม่ไป

“ฉืออี้หย่วน หัดซาบซึ้งในบุญคุณบ้างนะ!” อวี๋ซีเยว่เอ่ยเสียงเย็น

ตอนนี้เขาทำตัวไม่เหมือนลูกชายเลย เขาแทบจะกลายเป็นศัตรูกันแล้ว เธอคลอดลูกที่โง่เง่าขนาดนี้ออกมาได้ยังไง?

ได้ยินมาว่าคนที่ตาแก่สอนได้ดีทุกคน แต่ในความคิดเธอฉืออี้หย่วนที่ได้ตาแก่นั่นสอนกลับเป็นพวกใจเหี้ยม

“บุญคุณ? บุญคุณอะไร? เป็นบุญคุณเหลือเกินที่ทิ้งผมไว้คนเดียวตั้งแต่เด็กหรือ หรือจะให้ซาบซึ้งที่ไม่มีใครสนใจสักคนว่าผมจะเป็นตายร้ายดียังไง?”

ฉืออี้หย่วนยิ้มเยาะ

ครอบครัวอะไรนั่นเขาไม่ต้องการแล้วละ

สภาพแบบนี้ไม่สามารถเรียกว่าความรักที่ครอบครัวมีให้เลยด้วยซ้ำ

ทำตามอำเภอใจ ตัดสินใจเรื่องอนาคตแทนเขา!

มันเป็นเรื่องที่ฉืออี้หย่วนรับไม่ได้

“ฉืออี้หย่วน แกไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตามเราไปหรอกนะ”

ฉือเนี่ยนตงรู้สึกผิดอยู่ในใจหลังจากได้ยินเช่นนั้น

เขารู้ว่าต่อให้ลูกชายไปต่างประเทศก็ไม่มีวันได้รับความรักจากพวกเราหรอก เราแค่อยากให้เขาออกไปจากที่นี่เท่านั้น

“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ไป!”

เด็กหนุ่มยังยืนกราน

“แกต้องไป หรือแกไม่เต็มใจจะไปจากแม่จิ้งจอกซูเสี่ยวเถียนนั่น? บอกหน่อยสิว่านังบ้านนอกนั่นมันดีอะไรให้แกสนใจ?”

ฉืออี้หย่วนไม่คิดเลยว่ามารดาตนเองจะพูดจาแบบนี้ได้

“คุณบอกให้ผมซาบซึ้งในบุญคุณ แต่ตัวเองรู้ไหมว่ามันมีความหมายว่ายังไง?” น้ำเสียงเย็นดังกึกก้อง

ถ้าเป็นคนรู้จักทดแทนบุญคุณจริง ลูกชายตัวเองได้รับความช่วยเหลือทั้งที ต่อให้ไม่สามารถตอบแทนเป็นสองเท่าได้ก็ควรทำอะไรบ้างสิ

แต่พ่อแม่กลับไม่เคยมาแสดงความขอบคุณต่อคนบ้านซูเลยตั้งแต่กลับมา ทั้งยังเอาแต่คิดว่าพวกเขาฉวยโอกาสใช้อิทธิพลเราเสียอย่างนั้น

ไม่รู้ใครให้ความมั่นใจมา ถึงได้คิดว่าตระกูลฉือยังมีอำนาจอยู่

คุณปู่ไม่ได้เป็นระดับแนวหน้ามาตั้งหลายปีแล้วนะ เขากลายเป็นตำนานไปแล้ว คนรู้จักก็บอกสมัยก่อนคุณฉือเป็นที่จับตามอง ส่วนคนไม่รู้จักก็คงไม่สนใจที่จะอยากเห็นหรือเปล่า?

กลับกันตอนนี้ตระกูลซูเจริญเอา ๆ ต้องหน้ามืดตามัวขนาดไหนถึงทำให้แม่คนนี้คิดดูถูกพวกเขา?

“หุบปากซะฉืออี้หย่วน นี่คือวิธีการที่แกพูดกับแม่หรือ” ฉือเนี่ยนตงตวาด

“แล้วคุณฉือคิดว่าผมควรคุยกับคุณอวี๋ยังไงล่ะ?” เด็กหนุ่มโต้กลับ

ตอนนี้เขาไม่สนใจที่จะเรียกว่าพ่อแม่ด้วยซ้ำ

“ดี แบบนั้นก็ดี ถ้าแกไม่ตามฉันกลับเยอรมนี ก็อย่าหาว่าไม่เตือนแล้วกัน!”

ฉือเนี่ยนตงโกรธจัด เขาเชื่อภรรยามากว่าการที่ฉืออี้หย่วนยังอยู่ในประเทศนี้มันมีแต่จะเลวร้ายลงเท่านั้น ตัวเขาไม่คิดหรอกว่าที่ลูกเป็นแบบนี้เพราะพ่อสอน แต่มันเป็นเพราะไอ้พวกบ้านนอกนั่นต่างหาก

เขารังเกียจคนตระกูลซูและคนตระกูลถานเข้ากระดูกดำ แต่น่าเสียดาย ตาแก่ที่บ้านกับลุงตู้สนิทกับคนพวกนั้น พวกหัวหงอกไม่มีทางเปลี่ยนใจได้หรอก แต่กับพวกเด็ก ๆ เขาคิดว่ายังสามารถเปลี่ยนใจได้

และจะต้องพาลูกชายกลับไปให้ได้

บางทีที่ลูกไม่เต็มใจกลับไปคงจะโดนล้างเสมอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ถ้าได้ไปอยู่ที่นั่นจริง ๆ คงจะเห็นช่องว่างความแตกต่างเอง ขอแค่เผชิญหน้ากับมันได้ ก็ไม่มีทางอยากกลับมาที่แห่งนี้หรอก

ตอนนี้สิ่งเดียวที่ทำได้คือพาฉืออี้หย่วนกลับไปด้วย ยิ่งคิดเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกว่าความคิดของตัวเองนั้นถูกต้องยิ่งนัก แถมยังมั่นใจด้วยว่าตัวเองกำลังทำเพื่อฉืออี้หย่วน

ที่จริงเขาก็รู้สึกสับสนในใจอยู่

ถึงเด็กคนนี้จะไม่ได้อยู่เคียงข้างมา แต่เขาจำเป็นต้องทำหน้าที่ผู้เป็นพ่อ จะลูกคนนี้หรือที่มีเพิ่มก็ไม่ได้ต่างกันหรอก แค่หวังว่าพวกเขาจะมีชีวิตที่ดี ได้ดิบได้ดีกัน

“พ่อ แม่ ถ้าเขาไม่อยากไปก็ให้อยู่ในที่ล้าหลังแบบนี้ต่อไปสิ ทำไมต้องให้คนนอกเข้าบ้านเราด้วยล่ะ?”

ฉืออี้หยางลูกชายคนเล็กของตระกูลโมโหขึ้นมาที่เห็นพ่อแม่ต้องดิ้นรนชักชวนฉืออี้หย่วนไปต่างประเทศด้วยกัน

บ้านเราไม่ต้องการคนนอก ชีวิตตอนนี้ก็ดีมากอยู่แล้ว กลมเกลียว งดงาม การที่มีคนแบบนี้เข้ามาพนันได้เลยว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร

“เสี่ยวหยาง คนนี้คือพี่ชายลูกไง เราเป็นครอบครัวเดียวกันต้องอยู่ด้วยกันนะ” ฉือเนี่ยนตงรีบบอก

แต่ตัวเขากลับไม่ได้ตระหนักเลยว่าคำพูดคำจามันไม่น่าพอใจ แล้วก็ไม่มีความตั้งใจที่จะตำหนิอีกด้วย เพราะคิดว่ามันเป็นความผิดของลูกชายคนโตที่ทำตัวไร้เหตุผลไม่เหมือนลูกชายคนเล็ก

“แต่เขาไม่อยากไปนี่พ่อ ผมไม่สบายใจเลยที่ต้องเห็นพ่อแม่เป็นแบบนี้”

“ที่พี่เขาไม่อยากไปน่ะเสี่ยวหยาง คงเพราะสมองไม่หลักแหลมเหมือนเสี่ยวหยางเขาเราไง ลูกลองโน้มน้าวพี่ชายดูสิ!” เขาเอ่ยด้วยความอ่อนโยน

ไม่ว่าใครก็มองเห็นความแตกต่างที่แสดงออก เขาปฏิบัติต่อฉืออี้หย่วนอย่างเย็นชา แต่ฉือเนี่ยนตงก็เอาแต่คิดว่าตัวเองมีความยุติธรรมต่อลูกทั้งสองอยู่เสมอ

เด็กหนุ่มหัวเราะ มาแสดงละครพ่อลูกอะไรที่นี่ล่ะ? แล้วเขาก็ไม่สนใจพ่อลูกอะไรนั่นหรอกนะ อย่าเอาตัวเองมาเกี่ยวข้องกับคนนอกแบบเขาเลย

ฉืออี้หยางก็แสดงให้เห็นแล้วไงว่าเขาเป็นคนนอก

“ฉืออี้หย่วน แกโตแล้วนะ อย่าทำให้น้องต้องเป็นห่วงจะได้ไหม?”

เห็นแววตาโศกเศร้าของลูกชายคนเล็กอวี๋ซีเยว่พลันเป็นทุกข์ เด็กคนนี้เธอเป็นคนเลี้ยงมากับมือ และอยู่ใกล้ชิดมาก เทียบกับฉือเนี่ยนตงแล้ว ทัศนคติของหญิงวัยกลางคนแย่กว่ามาก

คนไม่รู้มาเห็นคงไม่คิดว่านี่คือบทสนทนาระหว่างแม่ลูก…