บทที่ 738 วิชาลับแปดเก้า (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 738 วิชาลับแปดเก้า (1)

อันใดกัน?

ราชินีโฮ่วถู่…

แม้แต่ร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดที่ก่อปัญหาให้ข้ามาช้านานก็ยังได้รับการช่วยเหลือ?

ผู้อื่นอาจไม่รู้ว่าวงแหวนหญ้ามีความสำคัญต่อราชินีโฮ่วถู่เพียงใด แต่ก่อนหน้านี้ หลี่ฉางโซ่วเคยพูดคุยกับนาง และถือวงแหวนหญ้าเอาไว้ในมือของเขาเป็นเวลาสามวันโดยรู้ที่มาของมัน

เขารู้ที่มาของมัน ร่างของราชินีโฮ่วถู่ได้เปลี่ยนเป็นแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถีแล้ว

ความจริงแล้ว วงแหวนหญ้านี้ เป็นสิ่งที่โฮ่วถู่ได้มอบปราณวิญญาณของนางเอาไว้ให้

มันเทียบได้กับร่างที่สองของนาง ซึ่งทำให้นางมีความเป็นไปได้ที่จะแยกตัวออกจากแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถี

แม้สถานการณ์ในตอนนี้จะดูธรรมดา แต่ราชินีโฮ่วถู่ก็ได้ใช้พลังของสิ่งมีชีวิตทั้งมวลเพื่อหลอมรวมปราณวิญญาณของนางเข้ากับแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถีอย่างสมบูรณ์ และนางก็ได้มอบวงแหวนหญ้าให้กับความเศร้าน้อย และคนอื่นๆ

ราชินีโฮ่วถู่เป็นบรรพบุรุษที่อ่อนโยนที่สุดของเผ่าเวทของเรา

หลี่ฉางโซ่วอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้…

บางที นี่อาจเป็นต้าเต๋อโฮ่วถู่

“แต่หากเป็นเช่นนั้น แล้วจะไม่ใช่ว่า ข้าวาดงูเติมขา[1]ให้หรือ?”

หลี่ฉางโซ่วพึมพำเบาๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย

ในขณะนั้น เทพธิดาอวิ๋นเซียวก็ปิดปากหัวเราะคิกคักเบาๆ นางปล่อยแขนของหลี่ฉางโซ่ว และถอยกลับไปทางด้านข้างอย่างไร้ร่องรอย ดวงตาของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข

ก่อนหน้านี้ เมื่อหลี่ฉางโซ่ว และความเศร้าน้อยกล่าวอำลากัน ความจริงแล้ว สภาวะจิตใจของเทพธิดาอวิ๋นเซียวก็ค่อนข้างแปรปรวนเล็กน้อย นั่นจึงเป็นเหตุผลให้นางเริ่มปลอบโยนเขาก่อน

แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วย่อมจะไม่เปิดเผยเรื่องเหล่านี้ หากเขาได้รับการปลอบโยน เช่นนั้นก็ช่างเถิด

แม้ระดับฐานพลังของเขาจะด้อยกว่าเทพธิดาอวิ๋นเซียวมากนัก แต่บุรุษก็ควรมีคุณสมบัติแห่งบุรุษอยู่บ้าง

แต่ไม่ว่าอย่างไร เทพธิดาที่แข็งแกร่งนั้นก็น่ารักทีเดียว

แค่กๆ มาว่ากันถึงการอำลาเมื่อครู่นี้…

เมื่อความเศร้าน้อยถูกเรียกตัวคืนกลับไป ไม่ว่าหลี่ฉางโซ่วจะคิดอย่างไร เขาก็รู้สึกว่าความเศร้าน้อยกำลังจะหายตัวไป ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถ้อยคำเหล่านั้นออกไปเพื่อเป็นการปลอบโยนนาง

“บางที แม้มันจะเป็นเพียงมิตรภาพในชั่วระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่ข้าก็ยังทำให้หัวใจของความเศร้าน้อยอบอุ่นขึ้นได้”

ทว่าราชินีโฮ่วถู่ก็เลือกที่จะทำเช่นนั้น …

แม้ร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดจะอ่อนแอลงไปกว่าครึ่ง แต่พวกนางก็ได้รับการปกป้องจากราชินีโฮ่วถู่

มันราวกับว่า นางได้ดูแลน้องสาวฝาแฝดเจ็ดคนที่มีต้นกำเนิดเดียวกัน

ความอบอุ่นที่หลี่ฉางโซ่วมอบนั้น ได้ก่อให้เกิดกรรม!

ตรงนั้นเป็นเรื่องน่าเหนื่อยยิ่ง

แต่ไม่ว่าอย่างไร นี่ก็เป็นสิ่งที่ดีในท้ายที่สุด เพราะอย่างไรเสีย ความเศร้าน้อยและคนอื่นๆ ก็อยู่รอดได้ แม้พวกนางจะทิ้งอันตรายที่แฝงเร้นอยู่เอาไว้ข้างหลังให้กับราชินีโฮ่วถู่ แต่พวกนางก็ยังทิ้งโอกาสในด้านอื่นๆ เอาไว้ข้างหลังให้ด้วยเช่นกัน

ตัวอย่างเช่น หากมีคนต้องการสร้างปัญหาในแดนยมโลก ราชินีโฮ่วถู่ก็จะต่อสู้เพียงลำพังคนเดียว ทว่าในยามคับขัน นางก็สามารถเรียกร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดออกมาได้

ครั้นเมื่อความเศร้าน้อยจากไป เหล่าปีศาจทั้งหมดบนท้องฟ้าก็ชักมีดของพวกมันออกมา และฆ่าตัวตายอย่างเงียบๆ

ภาพเหตุการณ์นี้ให้ความรู้สึกค่อนข้างรุนแรง ซึ่งทำให้หลี่ฉางโซ่วรู้สึกคาดหวังเล็กน้อย

ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับในใจของผู้เข้าร่วมแล้ว การที่ราชินีโฮ่วถู่จัดการร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดของนางด้วยวิธีนี้ ก็ถือเป็นภาระน้อยลงเล็กน้อย

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็โค้งคำนับขึ้นไปบนท้องฟ้าในขณะที่มีลำแสงสองสามสาย พุ่งตรงไปหาหลี่ฉางโซ่ว และอวิ๋นเซียว

คนแรกที่มาถึงก็คือ ไท่อี่เจินเหริน

เขารีบพุ่งไปคว้าร่างของหลี่ฉางโซ่ว และจับจ้องหลี่ฉางโซ่วพักหนึ่ง แล้วกระซิบถามว่า “จะทำอย่างไรดี?”

“ศิษย์พี่? มีอันใดผิดไปหรือขอรับ?” หลี่ฉางโซ่วกะพริบตา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ และไม่รู้เรื่องราว

“มีอันใดอื่นหรือ!?!”

ในขณะนั้นรอยฟกช้ำบนใบหน้าอันหล่อเหลาของไท่อี่เจินเหรินยังไม่จางหายไป

เขากระซิบว่า “มันหาใช่อย่างที่เจ้าพูดไม่ ปล่อยให้ไปยั่วยุร่างจำแลงแห่งความโกรธ แล้วทำต่อไปเรื่อยๆ และแม้จะถูกทุบตี ข้าก็ไม่หยุด!

เวลานี้ ร่างจำแลงยังคงอยู่ แต่หากออกมาสร้างปัญหาในภายหลังและใช้พลังเวทของต้าเต๋อโฮ่วถู่เพื่อโจมตีที่ถ้าในภูเขาเฉียนหยวนของข้า… ข้าต้องจบสิ้นแน่ๆ!”

หลี่ฉางโซ่วสูดลมหายใจเข้าลึก ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นถึงความกลัวและความไม่สบายใจ

เขารีบกล่าวว่า “ศิษย์พี่ไท่อี่ ท่านได้เตือนข้าจริงๆ ว่าข้าคิดผิดในเรื่องนี้”

“แล้วจะแก้ไขอย่างไร?” ไท่อี่เจินเหรินรู้สึกกังวลใจ “พวกเราจะแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน?”

“ศิษย์พี่ไท่อี่ไม่ต้องกังวล” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “หากมีเรื่องใดเกิดขึ้นจริงๆ ขอศิษย์พี่โปรดอย่าได้ลังเล ท่านมาตามหาข้าที่วังดุสิตแห่งศาลสวรรค์ได้

หรือไม่เช่นนั้น ท่านก็มอบยันต์หยกส่งสารเอาไว้ให้ข้า แล้วข้าจะรีบไปชี้แจงให้ท่านฟังทันที

ร่างจำแลงของต้าเต๋อโฮ่วถู่ ก็ยังคงเป็นต้าเต๋อโฮ่วถู่เช่นกัน แล้วจะไร้เหตุผลได้อย่างไรกัน?”

ไท่อี่เจินเหรินใคร่ครวญอย่างละเอียดรอบคอบ และถอนหายใจออกมาพลางกล่าวว่า “ดูเหมือนว่า จากนี้ไป แดนยมโลกจะน่าประทับใจ”

“ไม่ต้องกังวล ศิษย์น้องไท่อี่ ฮ่าฮ่า!”

กวงเฉิงจื่อและอวี้ติ่งเจินเหรินขี่ก้อนเมฆมาพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

จากนั้นศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานก็คลี่ยิ้มและกล่าวว่า “ตอนนี้ต้าเต๋อโฮ่วถู่ไม่เป็นไรแล้ว และอารมณ์ทั้งเจ็ดก็กลับคืนสู่สมดุล

ต่อจากนี้ ข้าก็มีศิษย์น้องฉางเกิงของข้ามาช่วยแดนยมโลกจัดการแก้ไขปัญหาอารมณ์ทั้งเจ็ดที่ยังคงเหลืออยู่ของเหล่าวิญญาณที่กลับชาติมาเกิด และต้าเต๋อโฮ่วถู่ก็จะไม่สูญเสียการควบคุมอีกต่อไปแล้ว”

หลี่ฉางโซ่วคลี่ยิ้มและกล่าวว่า “ศิษย์พี่กวงเฉิงจื่อกล่าวได้ถูกต้องอย่างยิ่ง

แต่ปัญหาเรื่องนี้ของแดนยมโลก ก็ไม่ใช่ว่า ข้าเพียงคนเดียวจะช่วยจัดการแก้ไขได้ ข้ายังคงต้องการความทุ่มเทของทุกคนในสำนักบำเพ็ญเต๋าด้วยขอรับ”

เพียงขณะที่กวงเฉิงจื่อกำลังจะตอบกลับ เขาก็ได้ยินเสียงอีกเสียงหนึ่งดังมาจากด้านข้าง

“ฉางเกิง”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เดินเข้ามาและขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “เจ้ามีอารมณ์ว้าวุ่นเล็กน้อย…”

“ศิษย์พี่ยอดเยี่ยมจริงๆ ขอรับ!”

หลี่ฉางโซ่วยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นและกล่าวชม “เดิมที พวกเราเพียงต้องการสยบร่างจำแลงแห่งความชั่วร้ายเท่านั้น ข้าไม่คิดว่า ศิษย์พี่จะมีแผนการล้ำเลิศเพื่อลดความเกลียดชังของนางให้อ่อนลงได้เช่นนี้ นั่นคือสิ่งที่พวกเราไม่คาดคิดจริงๆ ขอรับ”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มพลางหรี่ตา เขายืนอยู่ข้างหลังหลี่ฉางโซ่วอย่างสงบ และยกมือขึ้นเพื่อกระทุ้งหลังเอวช่วงล่างของหลี่ฉางโซ่ว แล้วศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสองคนก็หัวเราะออกมา

นี่เป็นทักษะดั้งเดิมของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน

………………………………………………………………..

[1] เปรียบกับการทำสิ่งที่เกินจำเป็น เกินพอดี ซึ่งนอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้วยังเสียเวลา และอาจจะทำให้เรื่องราวเลวร้ายลงไปอีกด้วย