บทที่ 739 วิชาลับแปดเก้า (2)
เมื่อนักพรตเต๋าตั๋วเป่า จ้าวกงหมิงและเทพธิดาจินหลิงมาถึง เหล่าผู้เป็นเซียนทั้งเก้าแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าก็ได้รวมตัวกันแล้ว
บนท้องฟ้าในระดับสูง ต้าเต๋อโฮ่วถู่ได้ลอยมาช้าๆ นางหยุดอยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยจั้ง และโค้งคำนับให้แก่เหล่าผู้เป็นเซียนทั้งเก้า ซึ่งได้ทำการคารวะคืนกลับให้นางหลังจากนั้นเช่นกัน
ริมฝีปากของโฮ่วถู่แย้มออกเล็กน้อย และมีแสงสีทองล้อมรอบกายนาง เส้นผมยาวสลวยของนางปลิวสยายไปทางด้านหลัง และชุดกระโปรงสีขาวเรียบง่ายบนเรือนร่างของนางก็ดูบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง
“ขอบคุณสหายเต๋าที่ช่วยเหลือ”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและกล่าวว่า “ผู้อาวุโสเกรงใจไปแล้วขอรับ”
“ข้าอาศัยอยู่ในดินแดนนี้ และออกไปไม่ได้นานแล้ว ข้าไม่มีของขวัญดีๆ ให้พวกเจ้า”
ราชินีโฮ่วถู่กล่าว และโบกมือขวาของนางเบาๆ แล้วปลายนิ้วของนางก็เปล่งแสงบางๆ ออกมา
ทันใดนั้น พระสูตรที่สาดประกายแสงสีทองก็ก่อตัวขึ้นเป็นม้วนคัมภีร์ แล้วราชินีโฮ่วถู่ก็ยกมือขึ้นผลักมันออกไป
“ข้าได้สร้างวิชานี้ขึ้นมาโดยการผสานรวมวิชาลับของเผ่าเวท และเต๋าวัฏจักรแห่งสวรรค์และปฐพี
เดิมที่ มันถูกเรียกว่า วิชาลับเก้าเก้าคืนสู่หนึ่ง แต่น่าเสียดายที่เต๋าสวรรค์ไม่ยินยอมให้สร้างวิชาลับชั้นที่เก้าขึ้นมา ซึ่งทำให้ความเข้าใจของข้าสับสน”
เก้าเก้าคืนสู่หนึ่งในระดับที่น้อยลงหนึ่ง…
วิชาลับแปดเก้า!?!
ดวงตาของหลี่ฉางโซ่วเป็นประกาย แต่เขาไม่ได้เปิดเผยอะไรในขณะนี้
วิชาลับนั้นได้ถูกมอบให้กับสำนักบำเพ็ญเต๋า และเป็นเพราะเขามาทำงานในครั้งนี้ แน่นอนว่า ภายหลังจากนี้ เขาย่อมสามารถรับสำเนากลับไปได้!
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูถือม้วนคัมภีร์และแย้มยิ้ม
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่มอบวิชาลับให้ขอรับ
ความจริงแล้ว ผู้อาวุโสโฮ่วถู่ อย่าได้เกรงใจเพียงนั้นเลย ท่านได้ปกป้องสถานที่แห่งนี้ และปกป้องสังสารวัฏหกวิถีเช่นนี้มาเป็นเวลานานนับไม่ถ้วน
ผู้อาวุโส ท่านไม่สบาย พวกเราจึงมาช่วยท่าน และพวกเราก็ไม่ได้ทำอะไรมากนัก พวกเราย่อมไม่กล้าถือเป็นผลงานให้ตัวเองขอรับ
ผู้อาวุโส ท่านเพิ่งผ่านภัยพิบัติ และพลังชีวิตของท่านก็ยังไม่ฟื้นตัว พวกเราย่อมไม่กล้ารบกวนท่านอีกต่อไป ผู้อาวุโสโปรดบำเพ็ญเพียรอย่างสบายใจและพักผ่อนอย่างสงบ
หากท่านมีคำสั่งประการใด ขอได้โปรดให้แดนยมโลกบอกศิษย์น้องของข้า…
ฉางเกิง ศิษย์น้องของข้า ทำงานให้กับศาลสวรรค์ เขาเป็นที่ชื่นชอบของท่านอาจารย์อย่างยิ่งและยังได้รับความไว้วางใจองค์เง็กเซียนอีกด้วยขอรับ”
หลังจากที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวจบ เหล่าผู้เป็นเซียนทั้งเก้าแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าต่างก็ทำการคารวะเต๋าให้นางอีกครั้ง
โฮ่วถู่ไม่เอ่ยวาจาใด นางเพียงแย้มยิ้ม พลางพยักหน้า และเปิดประตูที่ดูเหมือนม่านน้ำให้กับเหล่าเซียนทั้งเก้า ซึ่งอีกด้านหนึ่งของม่านน้ำนั้นก็คือ ด้านนอกของสังสารวัฏหกวิถี
เหล่าเซียนทั้งเก้าไม่ได้อยู่นาน พวกเขาทำงานเสร็จแล้ว และแต่ละคนหันหลังกลับและกำลังจะจากไป
ทว่าในขณะที่หลี่ฉางโซ่วกำลังจะก้าวออกไปข้างหน้า ราชินีโฮ่วถู่ก็เอ่ยถามว่า “สหายเต๋าฉางเกิง เจ้าช่วยอยู่ต่ออีกสักหน่อยได้หรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วมองไปที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ของเขา แล้วจากนั้น เขาก็มองไปที่เทพธิดาอวิ๋นเซียว
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่แย้มยิ้มและตบไหล่ของหลี่ฉางโซ่วเบาๆ ในขณะที่เทพธิดาอวิ๋นเซียวโค้งคำนับให้เล็กน้อย แล้วจากไปพร้อมกับเทพธิดาจินหลิง
หลังจากนั้นไม่นาน เหล่าปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าทั้งแปดคน ก็ออกไปจากโลกใบนี้
หลี่ฉางโซ่วมองดูโลกใบเล็กที่สงบสุขนี้ เขารู้สึกผิดเล็กน้อยด้วยเหตุผลบางอย่าง
บัดนี้ โฮ่วถู่ยืนอยู่บนทางลาดที่นุ่มนวล ห่างออกไปหนึ่งร้อยจั้ง และโค้งคารวะให้หลี่ฉางโซ่วเล็กน้อย
จากนั้นนางก็ถอนหายใจและกล่าวว่า “สหายเต๋า เจ้าทำเช่นนั้นได้จริงๆ”
“โชคดีที่ข้าปฏิบัติภารกิจลุล่วง ไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง” หลี่ฉางโซ่วเห็นด้วย
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกถึงพลังที่แข็งแกร่งแห่งเต๋าสวรรค์ซึ่งอยู่ภายนอกม่านน้ำ!
เหล่าปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าทั้งแปดคนล้วนได้รับบุญมากมายมหาศาลเป็นรางวัลตอบแทน
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งหมดก็ล้วนเป็นศิษย์พี่น้องแห่งสำนักบำเพ็ญทั้งสามเต๋าที่เป็นผู้ลงมือ ตัวข้าเอง เพียงแค่ส่งข้อความบางอย่างเพื่อกระจายข่าวออกไปเท่านั้นขอรับ”
ราชินีโฮ่วถู่บีบนิ้วทำมุทราหยั่งรู้
จากนั้นนางก็กล่าวช้าๆ ว่า “สหายเต๋า อย่าได้ถ่อมตนไปเลย แดนยมโลก และเผ่าเวทเป็นหนี้บุญคุณเจ้ามากมายนับไม่ถ้วนแล้ว
ทั้งหมดล้วนต้องขอบคุณสหายเต๋าที่ตรวจพบกระบี่ทำลายล้างมนุษย์ได้ทันการณ์ ซึ่งช่วยให้เผ่าเวทหลีกเลี่ยงภัยพิบัติจากการถูกทำลายล้างไปได้
ข้าเป็นบรรพบุรุษลำดับที่สิบสองของเผ่าเวท สหายเต๋า โปรดรับการคารวะของข้าด้วยเถิด”
ในขณะนั้น บนไหล่เขาที่เต็มไปด้วยมวลบุปผาสีขาวเล็กๆ และแสงสว่างระยิบระยับทั่วทุกหนแห่ง ราชินีโฮ่วถู่ก็ประสานมือของนางเอาไว้ข้างหน้า และโค้งคารวะให้หลี่ฉางโซ่วอย่างสง่างาม
“ทำเช่นนั้นไม่ได้ขอรับ!”
หลี่ฉางโซ่วรีบกระโดดออกไปทางด้านข้างอย่างรวดเร็วและโค้งคารวะให้ราชินีโฮ่วถู่พลางถอนหายใจอีกครั้ง
“องค์ราชินีโฮ่วถู่ อย่าทำร้ายข้าเลยขอรับ!
ทุกสิ่งที่ข้าทำล้วนมีแรงจูงใจในการวางแผนเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
มีข้อพิจารณามากมายในการกำจัดปีศาจ และการปกป้องเผ่าเวทก็เพื่อต้องการให้แดนยมโลกเข้าสู่ศาลสวรรค์ได้โดยเร็วที่สุด และข้าก็ไม่กล้ารับของขวัญชิ้นใหญ่เช่นนี้จากองค์ราชินีขอรับ!”
โฮ่วถู่ยิ้มและกล่าวว่า “สหายเต๋า ถ้าเช่นนั้น ครั้งนี้ เจ้าต้องการผลประโยชน์จากข้าหรือไม่?”
“ไม่ ไม่ขอรับ” หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“การได้ช่วยเหลือองค์ราชินี เป็นสิ่งที่ข้าโอ้อวดกับบรรดาสหายศิษย์ร่วมสำนักของข้าได้ในภายภาคหน้าอยู่แล้ว ข้าไม่ได้คิดมากในเรื่องนี้มาก่อนจริงๆ ขอรับ…
ทว่า แค่กๆ ความจริงแล้ว ข้าก็ค่อนข้างสนใจคัมภีร์ลับของชาวเผ่าเวทมาโดยตลอด องค์ราชินี โปรดดูนี่เถิด”
หลี่ฉางโซ่ววาดนิ้วเขียนยันต์เผ่าเวทที่ใช้ปกปิดความลับสวรรค์ง่ายๆ
โฮ่วถู่กล่าวอย่างนุ่มนวลว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะรวบรวมและจัดตำราวิชายันต์ต่างๆ ของเผ่าเวทหลังจากนี้ แล้วค่อยให้พวกเขาส่งมอบมันให้เจ้า”
“ขอบคุณองค์ราชินีมากที่มอบวิชาให้ขอรับ!”
หลี่ฉางโซ่วพึงพอใจแล้ว แต่ครั้นเมื่อมองดูแล้วเห็นว่า ดูเหมือนโฮ่วถู่จะยังคงอยู่ในอารมณ์ที่จะพูดคุยด้วย เขาก็รู้สึกละอายที่จะบอกลาและจากไป
นางถามอีกครั้งว่า “เจ้าไม่ต้องการผลประโยชน์อื่นใดอีกจริงๆ หรือ?”
“ไม่ต้องการจริงๆ ขอรับ”
นางกล่าวอย่างเสียใจทันทีว่า “เดิมที ข้าอยากให้โลหิตแท้ของผานกู่กับเจ้าเพื่อให้เจ้าได้ฝึกฝนวิชาลับร่างสมบัติ และหลอมเม็ดโอสถสมบัติสูงสุด
แต่ในเมื่อเจ้าปฏิเสธ ไม่ยอมรับมัน เช่นนั้นก็ช่างเถิด”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที
หน้าตา หรือสมบัติ สิ่งใดสำคัญกว่ากัน?
ย่อมต้องเป็นสมบัติแน่นอน!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลหิตแท้ของผานกู่
เมื่อรวมกับวิชาลับแปดเก้าที่องค์ราชินีเพิ่งมอบให้มานี้ มันย่อมจะเป็นผลประโยชน์ที่ไม่เป็นธรรมต่อร่างของตัวเขาเลย!
หากเขาฝึกฝนวิชาลับแปดเก้านี้ให้เชี่ยวชาญ แล้วเสริมความแข็งแกร่งขึ้นด้วยโลหิตแท้ของผานกู่ แล้วนั่นจะไม่ใช่ไพ่ไม้ตายช่วยชีวิตอีกใบหรอกหรือ?
ทว่าในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กำลังครุ่นคิดในใจเล็กน้อย…
บางครั้งการมีโอกาสมากเกินไปก็หาใช่เรื่องดีไม่ แม้จะได้สมบัติมาง่าย แต่ก็ยากจะลบล้างกรรม
นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้บำเพ็ญเต๋าปราณวิญญาณ สำหรับเขาแล้ว ความแข็งแกร่งของร่างกายหาได้สำคัญเพียงนั้นไม่
จงมั่นคง