บทที่ 873 ความน่ากลัวของเจียงเจวี๋ยซื่อ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 873 ความน่ากลัวของเจียงเจวี๋ยซื่อ

มีลูกอีกคนหรือ

หานเจวี๋ยจนใจนัก ถึงแม้เขาจะมีบุตรชายเพียงสองคน แต่ก็เพียงพอให้เขาปวดหัวแล้ว

หานทั่วบุตรชายคนโตตะลอนอยู่ด้านนอก เป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมกลับบ้าน บุตรชายคนรองแม้จะมีคุณสมบัติเลิศล้ำ แต่ก็ค้างเติ่งอยู่ในท้องมารดามาหลายล้านปีแล้ว

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ก็สร้างสิ่งมีชีวิตให้เจ้ามากมายขนาดนั้นแล้วไม่ใช่หรือ ยังไม่พอให้หายเหงาอีกหรือ”

ชิงหลวนเอ๋อร์เอ่ยอย่างแง่งอน “จะดีเท่าญาติในสายเลือดได้อย่างไร อีกอย่างท่านเก่งกาจถึงเพียงนี้ ก็ต้องคิดหาทางเพิ่มทายาทให้มากหน่อยมิใช่หรือ อย่าว่าแต่ท่านที่อยู่เหนือกว่าอริยะเสรีขึ้นไปแล้วเลย แม้แต่ชนชั้นสูงในโลกมนุษย์ธรรมดา ก็มีลูกหลานมากมายล้นเมืองแล้วเช่นกัน”

หานเจวี๋ยลังเล

ชิงหลวนเอ๋อร์เกลี้ยกล่อมต่อไป “ท่านพี่ ถึงอย่างไรตามปกติท่านก็ต้องปิดด่านฝึกบำเพ็ญ ข้าจะเลี้ยงลูกเอง”

หานเจวี๋ยแย้งนางไม่ได้ รู้สึกว่าก็พอจะเป็นไปได้

ด้วยตบะของเขาในปัจจุบันนี้ ทอดสายตามองไปในฟ้าบุพกาล ตัวตนที่สามารถคุกคามอย่างแท้จริงได้มีอยู่ไม่มากแล้วจริงๆ จะมีลูกเพิ่มอีกสองสามคนก็ไม่นับว่าเป็นปัญหา

“เอาเถอะ”

“ท่านพี่ช่างดีจริงๆ!”

ชิงหลวนเอ๋อร์โผเข้าหาอ้อมอกหานเจวี๋ย เริ่มดึงเสื้อผ้าของเขา

หานเจวี๋ยกล่าวอย่างจนปัญญา “รีบร้อนขนาดนี้เชียวหรือ การต่อสู้นอกจักรวาลยังไม่จบเลย!”

“ท่านเหนือกว่าอริยะเสรีไปแล้ว ยังจะกลัวอะไรอีก ศิษย์ของท่านอ่อนแอกว่าท่านแค่ระดับเดียว รับมือสิ่งอัปมงคลได้อยู่แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นท่านโบกมือเล็กน้อย คาดว่าหมอกดำนั้นคงสลายไปทันที”

“เจ้าก็ช่างคิดนัก”

“แน่นอน นับตั้งแต่ออกเรือนกับท่าน ข้าเคยต้องกังวลเสียที่ไหน ถึงอย่างไรก็มีท่านคอยปกป้องข้า ถึงฟ้าถล่มลงมาก็ไม่กลัว”

“ช่างเถอะ แล้วแต่เจ้าแล้วกัน”

….

นอกห้วงจักรวาลดารา

เจียงเจวี๋ยซื่อนั่งสมาธิอยู่ในห้วงอวกาศเวิ้งว้าง ด้านหลังมีเงาใหญ่ยักษ์เปล่งแสงเจิดจ้าแยงตาร่างหนึ่งอยู่ เงาร่างใหญ่ยักษ์นี้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนเจียงเจวี๋ยซื่อ สองแขนกางออก พลังเวทแปรเป็นวงแสงสีขาววงแล้ววงเล่าแผ่ออกไปทั่วสารทิศ เมื่อวงแสงสีขาวเหล่านี้กระทบเข้ากับหมอกดำ หมอกดำจะพ่ายสลายไปเรื่อยๆ รุดหน้าเข้าไปไม่หยุดยั้ง

หลิวเป้ยยืนอยู่ข้างกายเจียงเจวี๋ยซื่อ มองด้วยความตะลึงงัน

“คุณสมบัติของเด็กคนนี้…”

หลิวเป้ยอิจฉาและตื่นตะลึงอยู่ในใจ

หานเจวี๋ยเคยบอกเขาไว้ คุณสมบัติของเจียงเจวี๋ยซื่อน่ากลัวอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะน่ากลัวขนาดนี้

ตอนแรกทั้งสองยังถูกสิ่งอัปมงคลสะกดข่มอยู่ แต่สู้ไปสู้มา เจียงเจวี๋ยซื่อก็ตระหนักรู้ สร้างสรรค์พลังวิเศษดวงชะตาที่สามารถปราบปรามสิ่งอัปมงคลขึ้นจากกลับชาติกำเนิดมหาโชค

ใช้ดวงชะตาสะกดข่ม!

ทรงพลังนัก!

หลิวเป้ยจ้องมองใบหน้าด้านข้างของเจียงเจวี๋ยซื่อ อดเหม่อลอยไม่ได้

ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด เขานึกถึงหานเจวี๋ยขึ้นมา

ถึงแม้รูปร่างหน้าตาของทั้งสองจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่บุคลิกสงบเยือกเย็นก่อนที่จะเผชิญการต่อสู้นั้นเหมือนกันเหลือเกิน ทำให้คนผ่อนคลายโดยไม่รู้ตัว ราวกับขอเพียงมีพวกเขาอยู่ อันตรายใดๆ ล้วนจะสลายหายไป

หลิวเป้ยไม่ได้รบกวนเจียงเจวี๋ยซื่อ รอคอยเจียงเจวี๋ยซื่อตระหนักมรรค

เจียงเจวี๋ยซื่อตระหนักมรรคพร้อมกับปราบปรามสิ่งอัปมงคลไปด้วย ราวกับเทพเจ้าบนนภา เฉิดฉายทรงอำนาจ

พลันมีน้ำเสียงประหลาดใจแว่วออกมาจากหมอกดำ “เจ้าเป็นใครกันแน่”

เจียงเจวี๋ยซื่อไม่ตอบ เพียงยกมือขึ้น ผลักออกไปด้านหน้า

เงาร่างใหญ่ยักษ์ที่อยู่เหนือศีรษะเขาผลักฝ่ามือออกไป แสงเจิดจ้าแยงตาบนร่างกลายเป็นลำแสงพุ่งออกไปทำลายล้างหมอกดำทั้งหมดในทิศทางที่มีเสียงแว่วออกมา

เวลาผ่านไปเพียงครึ่งชั่วยาม หมอกดำในละแวกห้วงจักรวาลดาราแตกพ่ายออกไปอย่างสมบูรณ์ ส่วนตัวตนลึกลับนั้นก็ไม่ได้ฝากวาจาดุร้ายอันใดไว้ จากไปอย่างเงียบงัน

เจียงเจวี๋ยซื่อค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาฉายแววแจ่มใสกระปรี้กระเปร่า

“เป็นพลังวิเศษที่ยอดเยี่ยมนัก!”

เจียงเจวี๋ยซื่อพึมพำกับตัวเอง ในใจตื่นเต้นอย่างยิ่ง

ถึงแม้เขาจะสร้างพลังวิเศษขึ้นเป็นปกติ แต่พลังวิเศษที่สามารถทำลายล้างสิ่งอัปมงคลได้นั้นความแข็งแกร่งย่อมอยู่ในสามลำดับแรกแน่นอน

หลิวเป้ยชื่นชม “สหายเต๋าเจียง เป็นพลังวิเศษที่ยอดเยี่ยมโดยแท้”艾琳小說

เจียงเจวี๋ยซื่อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อยากเรียนหรือไม่ ข้าถ่ายทอดให้เจ้าได้ วันหน้าต้องมีสิ่งอัปมงคลมารุกรานอีกแน่”

“จริงหรือ”

“พวกเราสนิทกันดั่งพี่น้อง ข้าจะปดเจ้าได้อย่างไร”

“ขอบคุณสหายเต๋าเจียงมาก!”

“ฮ่าๆ สหายเต๋าอันใดกัน ห่างเหินไปแล้ว”

“ก็ถูก”

ทั้งสองยิ้มให้กัน ต่างอารมณ์ดียิ่ง

….

ภายในอารามเต๋า

ชิงหลวนเอ๋อร์และหานเจวี๋ยสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ชิงหลวนเอ๋อร์ลูบหน้าท้อง สีหน้าสุขสันต์ยินดี

หานเจวี๋ยมองเห็นว่าในครรภ์นั้นมีตัวอ่อนถือกำเนิดแล้ว

เนื่องจากมีบุตรชายสองคนแล้ว ดังนั้นในครั้งนี้ หานเจวี๋ยตั้งใจให้กำเนิดบุตรสาวสักคน คุณสมบัติของนางอย่างน้อยๆ ก็เทียบเท่าหานทั่ว ตบะของชิงหลวนเอ๋อร์อ่อนแอเกินไป หานเจวี๋ยยังคงต้องผนึกคุณสมบัติสายเลือดไว้ เช่นเดียวกับหานทั่วในสมัยก่อน

มีบุตรของสิงหงเสวียนอยู่ ไม่มีทางปรากฏเทพมารอนธการคนที่สามขึ้นมาอีกได้

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ใช่แล้ว หากลูกหญิงคลอดออกมา จะอยู่ในลำดับที่สามเท่านั้น ข้ายังมีภรรยาอีกคน นางก็ตั้งครรภ์บุตรชายอยู่เช่นกัน”

เมื่อชิงหลวนเอ๋อร์ได้ยิน นางตะลึงงัน อดถามไม่ได้ “นางอยู่ที่ใด ไฉนไม่อยู่ข้างกายท่าน”

สำหรับเรื่องนี้ นางมิได้โกรธเคืองและไม่หึงหวงด้วย ในแดนเซียน บุรุษมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติยิ่ง ขอเพียงแข็งแกร่งพอ แม้แต่สตรีก็มีสามีหลายคนได้

อีกทั้งเวลาผ่านมาถึงห้าล้านปี นางตายไปแล้ว หานเจวี๋ยจะมีภรรยาอีกก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

“อยู่ในอาณาเขตเต๋าอีกแห่งหนึ่ง ยุ่งอยู่กับการฝึกบำเพ็ญ” หานเจวี๋ยตอบ

ชิงหลวนเอ๋อร์เอ่ยยิ้มๆ “เช่นนั้นเห็นทีว่าข้าก็ต้องพยายามเช่นกัน จะปล่อยให้ท่านคิดว่าข้าชอบทำตัวเกียจคร้านไม่ได้”

หานเจวี๋ยยิ้มออกมาพลางลูบศีรษะนาง เอ่ยว่า “ข้าจะฝึกบำเพ็ญก่อน การต่อสู้ด้านนอกจบลงแล้ว”

ชิงหลวนเอ๋อร์พยักหน้ารับ จากนั้นก็เดินออกจากอารามเต๋า

หานเจวี๋ยยิ้มออกมา

เขาค่อนข้างคาดหวังในตัวบุตรสาวคนเล็กนี้พอสมควร

หนึ่งปีต่อมา ชิงหลวนเอ๋อร์ให้กำเนิดบุตรสาวในอารามเต๋าของหานเจวี๋ย ด้วยตบะของนาง ไม่รับรู้ความรู้สึกเจ็บปวดแล้ว หลังคลอดก็เหมือนคนปกติไม่มีอาการใดๆ

บุตรสาวคนเล็กมีชีวิตชีวายิ่ง เสียงร้องไห้ดังกังวาน ดึงดูดให้สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่อยู่ด้านนอกอารามเต๋าพูดคุยกันขึ้นมา พวกเขาล้วนทราบดีว่านายหญิงจะให้กำเนิดบุตรสาว ล้วนตั้งตารออยู่เช่นกัน

หานเจวี๋ยสิ้นสุดการปิดด่านก่อนกำหนดอย่างที่หาได้ยาก เขารับตัวบุตรสาวที่อยู่ในห่อผ้ามา สีหน้าอ่อนโยน

“รบกวนท่านพี่หรือไม่” ชิงหลวนเอ๋อร์ถาม

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ข้าจะพักไปก่อนหนึ่งร้อยปีเพื่ออยู่กับนางจนเติบใหญ่ ไม่เสียหายอะไร”

เมื่อชิงหลวนเอ๋อร์ได้ยินก็อดดีใจไม่ได้

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “เรียกว่าหานชิงเอ๋อร์แล้วกัน เจ้าคิดว่าอย่างไร”

ชิงหลวนเอ๋อร์เข้าใจความหมายของนามนี้ แย้มยิ้มออกมาอย่างมีความสุข พยักหน้าเห็นด้วย

“รอจนนางเริ่มรู้ความ ข้าจะพาพวกเจ้ากลับไปแดนเซียน ถือโอกาสเที่ยวเล่นเป็นเพื่อนเจ้าด้วย เจ้าคืนชีพมานานขนาดนี้ น่าเบื่อมากจริงๆ ลำบากเจ้าแล้ว”

“ท่านรู้ก็ดีแล้ว”

ชิงหลวนเอ๋อร์เบะปาก นางคับข้องหมองใจจริงๆ นางเคยเป็นมนุษย์ธรรมดามาก่อน ให้คนธรรมดาฝึกบำเพ็ญอย่างโดดเดี่ยวนับแสนปี ผู้ใดจะทนรับไหวกัน

เพียงแต่หานเจวี๋ยก็บอกมาแล้ว ความคับข้องใจของนางพลันแปรเปลี่ยนเป็นหวานชื่น

จากนั้น หานเจวี๋ยและชิงหลวนเอ๋อร์ออกไปนอกอารามเต๋า พาบุตรสาวไปพบสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่อยู่ในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ล้วนตื่นเต้นยิ่ง แต่ละตนล้วนอยากอุ้มหานชิงเอ๋อร์

เมื่อเป็นเช่นนี้ หานชิงเอ๋อร์จึงเติบขึ้นมาท่ามกลางความรักใคร่เอ็นดูของคนมากมายอย่างมีความสุข ถึงแม้คุณสมบัติของนางจะถูกหานเจวี๋ยผนึกไว้ไม่น้อย แต่ก็โดดเด่นอยู่ดี อายุขวบเดียวก็เหาะได้แล้ว สามขวบเริ่มดูดซับพลังวิญญาณได้ตามธรรมชาติ เริ่มฝึกบำเพ็ญได้

พอครบห้าขวบ หานเจวี๋ยพาชิงหลวนเอ๋อร์และหานชิงเอ๋อร์กลับไปที่อาณาเขตเต๋าหลัก

หานชิงเอ๋อร์ในวัยห้าขวบสวมชุดกระโปรงดอกบัวสีเขียว ดวงหน้าน้อยๆ งดงามน่ารัก สืบทอดคุณสมบัติหน้าตามาจากหานเจวี๋ย ถึงแม้จะยังห่างชั้นจากหานเจวี๋ย แต่ก็เพียงพอทำให้คนนึกเอ็นดูแล้ว

หานเจวี๋ยพาพวกนางสองแม่ลูกมาที่อารามเต๋าข้างๆ ก่อน มาพบสิงหงเสวียน

………………………………………………………………