บทที่ 818 มีหนอนบ่อนไส้

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“ได้ๆๆ”คุณพ่อประสิทธิ์รีบพยักหน้ารับ“รบกวนด้วยนะวารุณี ครอบครัวของเราอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว ที่นี่ถูกเปิดเผยแล้ว หากพงศกรตามมาจริงๆ ปาจรีย์จะทำยังไง ?”

คนแก่อย่างพวกเขาสองคนก็ไม่เท่าไร ตายก็คือตาย

แต่ปาจรีย์อายุยังน้อย พวกเขาไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับปาจรีย์

วารุณีรู้ถึงความกังวลของคุณพ่อประสิทธิ์ ก็พูดปลอบไปอีกหลายคำ จากนั้นก็วางสายไป

ลีน่ามองเธอกดวางสาย ก็ถามว่า “วารุณี นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? พงศกรหาปาจรีย์เจอได้ยังไง ?”

วารุณีส่ายหัวให้อย่างคิดหนัก“ตอนนี้ไม่รู้เลย แต่ที่มั่นใจได้ก็คือ ต้องมีคนบอกเขาแน่ๆ นัทธีปิดเรื่องของตระกูลจิรดำรงค์ ด้วยอิทธิพลของพงศกร เขาหาไม่เจออย่างแน่นอน ดังนั้นความน่าจะเป็นไปได้ที่สุดคือ คนที่รู้เรื่องของตระกูลจิรดำรงค์ เป็นคนบอกพงศกร ”

ตอนนี้ภายในใจของเธอก็คาดเดาไปต่างๆนานา

และการคาดเดานี้ ทำเธอรู้สึกหนักอึ้ง

ลีน่าไม่ใช่คนโง่ เมื่อได้ยินคำพูดของวารุณี ก็เข้าใจบางอย่างได้ในทันที กลืนน้ำลายลงคอด้วยความรู้สึกวูบวาบแปลกๆ“วารุณี เธอคงไม่ได้หมายถึง ข้างกายประธานนัทธี หรือรอบตัวเรามีอันนั้นใช่ไหม?”

วารุณีขบริมฝีปาก“ ใช่ ฉันสงสัยเรื่องนี้ มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่ชี้ชัดได้ แต่ตอนนี้ก็เป็นแค่การสงสัยเท่านั้น จะจริงหรือไม่ ก็ต้องรอการตรวจสอบ”

“งั้นเธอก็รีบติดต่อไปหาประธานนัทธีเถอะ บอกเรื่องนี้กับประธานนัทธี ให้ประธานนัทธีตรวจสอบให้แน่ชัด ”ลีน่าเร่งเร้า

วารุณีพยักหน้า ตอบอืมกลับไปคำหนึ่ง “ฉันรู้ ฉันจะโทรหาเขาเดี๋ยวนี้”

พูดจบ เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง หาเบอร์ของนัทธี แล้วกดโทรออก

ตอนนี้ที่ในประเทศ นัทธีกำลังออกจากโรงพยาบาลที่เขาเป็นผู้ลงทุนหลังจากที่มาเยี่ยมดูสุขใจ ทันทีที่กลับเข้ามาในรถ โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น

เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาดู เห็นสายที่โทรเข้ามา มุมปากก็ยกหยักขึ้นเล็กน้อย

มารุตที่ขับรถมองผ่านกระจกมองหลัง อดไม่ได้ที่จะถามว่า“ ท่านประธาน คุณนายหรือเปล่าครับ”

“นายก็รู้ด้วย ?”นัทธีเลิกคิ้ว

มารุตหัวเราะแหะๆ “มองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของคุณก็รู้ นอกจากคุณนาย จะมีใครสามารถทำให้คุณยิ้มได้อีก”

นัทธีเค้นเสียงหึ “ ช่างสังเกตจริงๆ ”

“ขอบคุณสำหรับคำชมครับท่านประธาน” มารุตยกยิ้ม

นัทธีไม่สนใจเขา ก้มหน้าแล้วกดรับสายของวารุณี

เดิมทีคิดว่าวารุณีคิดถึงเขา นัทธีกำลังจะอ้าปากพูด น้ำเสียงที่ร้อนรนของวารุณีก็ดังขึ้นมา“นัทธี แย่แล้ว พงศกรรู้แล้วว่าปาจรีย์อยู่ที่ไหน!”

“อะไรนะ ? สีหน้านัทธีดำขลับขึ้นในทันที“ คุณว่าพงศกรหาปาจรีย์เจอแล้วงั้นเหรอ?”

“ใช่”วารุณีพยักหน้า จากนั้นก็เล่าเรื่องที่ได้คุยกับคุณพ่อประสิทธิ์ให้ฟัง

นัทธีฟังจบ สีหน้าก็ดูแย่ขึ้นในทันที “เขาหาเจอได้ยังไง ?”

วารุณีส่ายหน้า“ไม่รู้ แต่ฉันสงสัยว่ามีคนบอกเขา ”

ประโยคนี้ ทำเอารังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านอยู่รอบๆตัวของนัทธีน่ากลัวมากขึ้น

เพราะเขาเข้าใจในความหมายของวารุณีแล้ว เธอสงสัย ว่ารอบตัวเขาจะมีหนอนบ่อนไส้

ใช่ ที่อยู่ตระกูลจิรดำรงค์ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ และอำนาจของพงศกร อยากจะรู้เรื่องตระกูลจิรดำรงค์ที่เขาปิดบังเอาไว้นั้น ไม่มีทางทำได้แน่

ดังนั้นต้องมีคนบอกพงศกร พงศกรถึงได้รู้ว่าตระกูลจิรดำรงค์อยู่ที่ไหน รวมถึงช่องทางการติดต่อของปาจรีย์ด้วย

ไม่อย่างนั้น ต่อให้อีกสามปี พงศกรก็ไม่มีทางหาเจอแน่

ดังนั้น รอบตัวพวกเขาต้องมีหนอนแน่ๆ !

นัทธีกำโทรศัพท์แน่น สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นในทันที กลิ่นอายรอบตัว ทำเอาผู้คนแข็งค้าง

มารุตสังเกตเห็นอาการผิดปกติของเขา หันหน้ามาแล้วถาม “ท่านประธาน เกิดอะไรขึ้นกับคุณนายหรือเปล่าครับ ?”

นัทธีหรี่ตาลง ไม่ตอบเขา แต่พูดกับปลายสายไปว่า“ผมรู้แล้ว ผมจะหาตัวออกมาให้เร็วที่สุด ส่วนตระกูลจิรดำรงค์ คุณบอกพวกเขา ผมจะให้คนไปรับแล้วย้ายไปที่อื่น ”

“ได้”วารุณีพยักหน้า แสดงให้รู้ว่าเข้าใจแล้ว

หลังจากที่วางสาย นัทธีมองไปที่มารุต“ เช็กคนรอบตัวของเรา ดูว่ามีใครมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

“มีปัญหา?”มารุตนิ่งอึ้ง จากนั้นก็เข้าใจ สีหน้าเปลี่ยนในทันที“ ท่านประธาน คุณหมายถึง คนรอบตัวเรา……”

“ให้เวลานายหนึ่งวัน หาตัวออกมาให้ได้ !”นัทธีสั่งการด้วยสีหน้าที่ดำขลับ

ท่าทีของมารุตก็นิ่งไปด้วย และดูแย่ขึ้นในทันที “ทราบแล้วครับท่านประธาน ผมจะหาตัวให้เจอ ”

ดีเหมือนกัน เขาไม่เคยคิดมาก่อน ว่าคนรอบตัวของพวกเขา จะมีปัญหาแบบนี้ได้

แต่ว่า……

“ท่านประธาน คุณคิดว่า คนที่มีปัญหา เป็นคนของใครครับ?”มารุตมองไปยังกระจกมองหลัง

นัทธีเหยียดริมฝีปากเป็นเส้นตรง ไม่ได้ตอบคำถาม

มารุตเห็นดังนี้ ก็ไม่ได้ถามต่อ

เพราะก็ไม่ได้มีความหมายอะไรมาก

อาจเป็นคนของใครก็ได้ เป็นคู่แข่งทางธุรกิจ หรือเป็นศัตรูของตระกูลไชยรัตน์ หรืออาจเป็นคนของนิรุตติ์หรือพงศกรก็ได้

ดังนั้น ใครจะไปรู้ ?

ทำได้เพียงหาตัวให้เจอ จากนั้นก็เค้นถาม ถึงจะรู้ว่าเป็นคนของใคร

แต่ไม่ว่าจะเป็นคนของใคร เขาก็ไม่ปล่อยเอาไว้แน่ กล้าทรยศ ก็ต้องกล้ารับกับสิ่งที่จะตามมา

คิดมาถึงตรงนี้ มารุตก็กำพวงมาลัยแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความอาฆาต

ในตอนนี้เอง นัทธีก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง“นายจัดการ ให้คนพาตระกูลจิรดำรงค์ไปอยู่ที่อื่นก่อน พงศกรรู้ที่อยู่ของตระกูลจิรดำรงค์แล้ว คิดว่าน่าจะอีกไม่นาน ก็คงจะตามไปหา”

“ครับ รับทราบครับ ”มารุตพยักหน้ารับคำ

นัทธีครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก็พูดเสริมว่า“เรื่องนี้ นายไปจัดการเอง หาคนไปช่วยด้วย อย่าเอาคนที่เคยไปส่งตระกูลจิรดำรงค์เมื่อครั้งที่แล้วไป บางที หนึ่งในนั้นอาจจะเป็นหนอนก็ได้”

“วางใจได้ครับท่านประธาน ผมรู้ว่าต้องทำยังไง” มารุตกล่าว

นัทธีตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรอีก คิ้วขมวดกันแน่น

ที่ต่างประเทศ วารุณีวางสาย ลีน่าก็ถามว่า “เป็นยังไง ? ประธานนัทธีว่ายังไงบ้าง?”

“เขาบอกจะพาตระกูลจิรดำรงค์ไปอยู่ที่อื่น และจะตรวจสอบคนรอบตัวด้วย” วารุณีตอบ

ลีน่าพยักหน้า “งั้นก็ดี เธอรีบบอกข่าวนี้กับปาจรีย์เร็วๆเถอะ ปาจรีย์เขาจะได้ไม่ต้องมาวิตกกังวล ”

“เธอพูดถูก”วารุณีหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วกดโทรไปหาตระกูลจิรดำรงค์

คุณพ่อประสิทธิ์ที่เฝ้าอยู่ที่โทรศัพท์ เมื่อได้ยินเสียงดัง ก็รีบลุกขึ้น แล้วหยิบหูฟังขึ้นในทันที“ วารุณี ว่ายังไง?”

“นัทธีตกลงที่จะย้ายครอบครัวคุณอานะคะ คุณอา อดทนรอก่อน คนของนัทธี จะรีบไปให้เร็วที่สุด” วารุณีตอบ

เมื่อคุณพ่อประสิทธิ์ได้ยินคำพูดของเธอ ใจที่กังวล ก็ถึงได้สงบลง“ดีเลย ดีมากๆเลย วารุณี ต้องขอบคุณเรากับประธานนัทธีจริงๆ ขอบคุณมากๆ ”

เมื่อได้ยินคุณพ่อประสิทธิ์พูดขอบคุณอย่างซาบซึ้ง วารุณีก็รู้สึกอบอุ่นใจ ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่มีอะไรต้องขอบคุณเลย มันเป็นสิ่งที่ควรทำ เอาล่ะค่ะคุณอา พักผ่อนกันก่อนนะ ที่โน่นยังเป็นเวลากลางคืน พงศกรคงไม่ไปตอนนี้แน่ ก่อนฟ้าสาง คนของนัทธีก็น่าจะถึง”

“เข้าใจแล้ว”คุณพ่อประสิทธิ์พยักหน้า“แต่เรื่องพักเอาไว้ก่อน เราคงนอนไม่หลับหรอก รอฟ้าสาง เราไปเก็บของดีกว่า ”

“แบบนี้ก็ได้ค่ะ งั้น ถ้าที่โน่นเช้าแล้ว หนูจะติดต่อไปอีกทีนะคะ ”วารุณีกล่าว

“ได้ ”คุณพ่อประสิทธิ์ตอบกลับมาคำหนึ่ง

หลังจากนั้น ก็วางสายไป คุณพ่อประสิทธิ์วางหูโทรศัพท์ลง แล้วเดินไปที่ห้องของปาจรีย์

ภายในห้อง คุณแม่ปารวีกอดปาจรีย์เอาไว้ ราวกับกำลังกล่อมเด็กน้อย ตบหลังปาจรีย์เบาๆเพื่อปลอบเธอ

และปาจรีย์ ก็พิงไปที่ไหล่ของคุณแม่ปารวี และผล็อยหลับไป

เมื่อเห็นคุณพ่อประสิทธิ์ คุณแม่ปารวีก็ถามว่า“ว่ายังไง ? ทางวารุณีเขาตอบกลับมาหรือยัง ?”

คุณพ่อประสิทธิ์พยักหน้า และไม่ได้ตอบกลับในทันที แต่ชี้ไปที่ปาจรีย์แทน

คุณแม่ปารวีเข้าใจความหมายในทันที ค่อยๆวางปาจรีย์ลงไปที่เตียงอย่างเบามือ แล้วห่มผ้าให้

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ สองสามีภรรยาก็ออกจากห้องของปาจรีย์ไปอย่างเงียบเชียบ