บทที่ 876 หวนคืนถิ่นฐาน ตำนานเซียน

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 876 หวนคืนถิ่นฐาน ตำนานเซียน

“ท่านพ่อ หานซินหยวนโตมากหรือเจ้าคะ”

“ท่านพ่อ พี่ชายของข้าอยู่ที่ไหนเจ้าคะ”

“ท่านพ่อ ข้าอยากไปหาท่านพี่!”

“ท่านพ่อ…”

เหนือยอดเมฆ หานเจวี๋ยฟังแล้วระอานัก อยากจะโยนสาวน้อยคนนี้ลงไปเสียจริง

ชิงหลวนเอ๋อร์มองความคิดหานเจวี๋ยออก จึงเอ่ยยิ้มๆ ว่า “หากเจ้าโวยวายอีก ท่านพ่อจะโยนเจ้าลงไปแล้วนะ”

หานชิงเอ๋อร์เอ่ยด้วยภาคภูมิใจว่า “ข้าไม่กลัว ข้าเหาะได้!”

หานเจวี๋ยถลึงตาใส่นางคราหนึ่ง แต่ไม่ยอมเอ่ยถึงหานทั่ว ทำให้หานชิงเอ๋อร์โมโหจนขอบตาแดงก่ำแล้ว

จากนั้น หานเจวี๋ยพาภรรยาและบุตรีเดินไปในแดนเซียน

พริบตาเดียว ผ่านไปสิบปีแล้ว

หานชิงเอ๋อร์เติบโตเป็นสาวน้อยวัยแรกแย้ม สวมชุดสีแดงงามผุดผาด เรือนผมยาวผูกรวบไว้ที่ท้ายทอย หว่างคิ้วเจือประกายสดใสมีชีวิตชีวา เมื่อเดินเคียงข้างชิงหลวนเอ๋อร์แล้ว ไม่คล้ายแม่ลูก เหมือนพี่น้อง

หานเจวี๋ยยืนอยู่เบื้องหน้าสองแม่ลูก สายตาเหม่อมองขอบฟ้า

“ท่านพ่อ จากนี้พวกเราจะไปไหนกันเจ้าคะ” หานชิงเอ๋อร์เอ่ยถาม แววตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง

ตั้งแต่เล็กจนโต นางใช้ชีวิตอย่างมีความสุขยิ่ง ไม่เคยเดือดเนื้อร้อนใจใดๆ เลย พบเจอเรื่องราวใหม่ๆ ทุกวัน เดินทางก็ไม่ต้องสิ้นเปลืองเรี่ยวแรง สบายอย่างยิ่ง

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ไปโลกมนุษย์ นี่เป็นรอบสุดท้ายแล้ว หลังจากนี้สมควรจะออกจากแดนเซียน จากนั้นก็กลับบ้าน ภายหน้าเจ้าอยากจะออกมาอีกก็ยากแล้ว ต้องฝึกบำเพ็ญให้ดีได้แล้ว”

หานชิงเอ๋อร์เบะปาก เอ่ยว่า “ฝึกบำเพ็ญก็ฝึกบำเพ็ญสิเจ้าคะ พรสวรรค์ข้าเลิศล้ำเช่นนี้ เมื่อถึงเวลาจะทำให้ท่านตกใจแน่”

หลายปีมานี้ หานชิงเอ๋อร์ก็เข้าใจสภาพการบำเพ็ญของแดนเซียนแล้ว หลังจากได้เปรียบเทียบดู นางพบว่าคุณสมบัติของตนเลิศล้ำยิ่ง ดังนั้นจึงตั้งความหวังกับการบำเพ็ญยิ่งนัก

ชิงหลวนเอ๋อร์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณสมบัติของชิงเอ๋อร์ยอดเยี่ยมจริงๆ นึกถึงพี่ชายของเจ้าในกาลก่อนแล้วคุณสมบัติสู้เจ้าไม่ได้เลย แต่ต่อให้คุณสมบัติธรรมดา เขาก็ยังตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่าจะออกไปคนเดียว เพื่อแสวงหาวาสนาเซียน”

เมื่อเอ่ยถึงหานทั่ว หานชิงเอ๋อร์สนใจขึ้นมา เอ่ยถามว่า “ท่านแม่ ตอนนี้พี่ใหญ่ของข้ามีตบะระดับใดเจ้าคะ พวกท่านบอกว่ามีชีวิตอยู่มาห้าล้านกว่าปีแล้ว เป็นเซียนทองต้าหลัวแล้วใช่หรือไม่”

ในแดนเซียน มีคนที่มีชีวิตอยู่มาห้าล้านปีแล้วแต่ยังไม่สามารถทะลวงสู่ระดับเทพได้อยู่ ท่านแม่ของนางก็เพิ่งระดับเทพเท่านั้น ดังนั้นนางจึงคิดว่าหานทั่วยิ่งแข็งแกร่งกว่า นางเปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นคาดหวังในตัวพี่ชายที่ไม่เคยพบหน้ากันคนนั้นเสมอมา ถึงขั้นที่มีความเลื่อมใสอยู่เล็กน้อยด้วย

ชิงหลวนเอ๋อร์ส่ายหน้าหลุดยิ้มออกมา นางเหลือบมองหานเจวี๋ยแวบหนึ่ง เห็นหานเจวี๋ยไม่คิดจะพูด นางจึงได้แต่ตอบว่า “อาจจะใช่กระมัง”

หานเจวี๋ยเคยกำชับไว้ อย่าให้หานชิงเอ๋อร์ทราบถึงระดับที่เหนือกว่าอริยะขึ้นไป ป้องกันไม่ให้เกิดความเกียจคร้านหย่อนยาน

สำหรับเรื่องนี้ ชิงหลวนเอ๋อร์พอเข้าใจอยู่บ้าง艾琳小說

อย่างน้อยเมื่อนางทราบว่าหานเจวี๋ยเหนือกว่าระดับอริยะเสรีขึ้นไปแล้ว นางก็รู้สึกว่าตนจะฝึกบำเพ็ญหรือไม่ก็ไม่ต่างกัน ถึงอย่างไรก็ไล่ตามหานเจวี๋ยไม่ทันอยู่แล้ว

ขอเพียงอยู่ข้างกายหานเจวี๋ย นางก็ไม่มีทางประสบอันตรายและไม่มีทางชักนำเรื่องเดือดร้อนมาให้หานเจวี๋ย

หานชิงเอ๋อร์เบะปาก เอ่ยว่า “พบพี่ใหญ่ไม่ได้ เช่นนั้นก็ไปพบพี่รองเถอะเจ้าค่ะ ท่านพ่อ ก่อนพวกเราจะกลับบ้านไปเยี่ยมพี่รองกันเถิด ไม่แน่ว่าเขาอาจจะถือกำเนิดแล้วก็ได้”

หานเจวี๋ยตอบโดยไม่หันกลับมา “ย่อมต้องไปเยี่ยมก่อนกลับ แต่ยังอีกนานกว่าพี่รองของเจ้าจะถือกำเนิด”

“เหตุใดผ่านมานานขนาดนี้แล้วยังไม่ถือกำเนิดอีกเล่า หรือว่าแม่ใหญ่จะมิใช่มนุษย์ แต่เป็นเผ่าปีศาจ”

“ย่อมไม่ใช่ พี่รองของเจ้าแค่คุณสมบัติสูงส่งมากเท่านั้น”

“คุณสมบัติสูงส่งหรือเจ้าคะ”

ดวงตาหานชิงเอ๋อร์เปล่งประกาย

หานเจวี๋ยดุนาง “เลิกถามได้แล้ว”

เขาโบกแขนเสื้อข้างขวา จากนั้น ทั้งสามมาโผล่ที่โลกเขย่าพิภพ

ด้านล่างคือสิบแปดยอดเขาอันเป็นที่ตั้งสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธ์ในกาลก่อน เพียงแต่ตอนนี้สภาพของขุนเขาเปลี่ยนไปแล้ว

หานชิงเอ๋อร์ถามด้วยความสงสัย “ที่นี่คือที่ใดหรือเจ้าคะ เหตุใดถึงไม่มีคนเลย”

ชิงหลวนเอ๋อร์ก็มองหานเจวี๋ยด้วยความฉงนเช่นกัน

หานเจวี๋ยตอบว่า “ที่นี่คือสถานที่ที่พ่อเจ้าถือกำเนิดขึ้น”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชิงหลวนเอ๋อร์และหานชิงเอ๋อร์ล้วนรู้สึกสนใจขึ้นมา

ทั้งสามร่อนลงพื้น หานเจวี๋ยเดินนำด้านหน้า หวนนึกถึงอดีตเมื่อห้าล้านกว่าปีก่อน

ชิงหลวนเอ๋อร์และหานชิงเอ๋อร์มองไปรอบๆ ล้วนไม่ได้รบกวนหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยมาที่ชะง่อนผาแห่งหนึ่ง ทอดสายตามองทิวเขา ในวันวานที่ตั้งของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์คือเบื้องหน้านี้ เหล่าศิษย์มากมายสัญจรไปมาระหว่างหุบเขาไม่หมดไม่สิ้น หานเจวี๋ยนึกถึงผู้เฒ่าเถี่ย นึกถึงหลี่ชิงจื่อ นึกถึงนักพรตเต๋าจิ่วติ่ง

ทุกสิ่งล้วนเป็นอดีตไปแล้ว สหายเก่าแก่ล้วนเวียนว่ายตายเกิดไปนานแล้ว

“ท่านพ่อ มีคนอยู่บนยอดเขาฝั่งตรงข้ามเจ้าค่ะ!”

หานชิงเอ๋อร์พลันชี้ไปด้านหน้าแล้วอุทานขึ้นมา

เมื่อมองตามสายตาของนางไป ในป่าบนเขาฝั่งตรงข้ามมีคนกำลังตัดไม้อยู่

ในรัศมีหมื่นลี้ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ มีคนตัดไม้คนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา น่าประหลาดจริงๆ เพียงแต่เรื่องนี้ไม่อาจดึงดูดความสนใจของหานเจวี๋ยได้

นัยน์ตาหานชิงเอ๋อร์กลอกกลิ้งเล็กน้อย พลันย่อกายทะยานออกไป เหาะไปยังป่าเขาฝั่งตรงข้าม

ชิงหลวนเอ๋อร์ก็ไม่ได้ห้ามปราม คนตัดไม้ผู้นั้นไม่มีตบะ ต่อให้เป็นคนชั่วก็ทำอันตรายบุตรสาวไม่ได้

หานชิงเอ๋อร์ร่อนลงด้านหลังคนตัดไม้ เสียงดังฟุบ คนตัดไม้ตกใจตัวสั่น หันกลับมา ฝีเท้าซวนเซ ล้มทรุดลงบนพื้น ขวานที่ถืออยู่หลุดมือ บังเอิญฟันเข้าที่ฝ่ามือเขา โลหิตนองออกมาทันที

คนตัดไม้ขมวดคิ้วด้วยความเจ็บ

หานชิงเอ๋อร์ตื่นตระหนกเอ่ยว่า “ขออภัย…”

นางสังเกตเห็นว่าคนตัดไม้อยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน ดูเหมือนอายุจะเพิ่งย่างยี่สิบเท่านั้น

คนตัดไม้ยกขวานขึ้นมา ถามอย่างระแวดระวัง “เจ้าเป็นใคร นางปีศาจหรือ”

รูปโฉมงดงามเช่นนี้ ซ้ำยังสวมชุดแดง เป็นนางปีศาจแน่นอน!

คนตัดไม้หน้าซีดเผือด เหงื่อตกแล้ว

ปีศาจมักจะกินคน!

หานชิงเอ๋อร์เบะปาก เอ่ยว่า “ข้าไม่ใช่ปีศาจ ข้าเป็นนางเซียน!”

นางโบกมือขวาคราหนึ่ง บาดแผลที่ฝ่ามือของคนตัดไม้สมานกันในทันใด

คนตัดไม้ลุกขึ้นหมายจะวิ่งหนี

หานชิงเอ๋อร์กวักมือคราหนึ่ง ใช้พลังวิญญาณดึงเขากลับมา

“เจ้าจะหนีทำไม ข้าไม่ใช่ปีศาจจริงๆ ข้ามาหาเข้าเพราะอยากถาม เหตุใดในละแวกนี้มีเจ้าเพียงคนเดียว” หานชิงเอ๋อร์ถามด้วยความหงุดหงิด

คนตัดไม้เอ่ยเสียงสั่น “ข้าอาศัยอยู่แถวนี้ ไม่มีคนอื่นจริงๆ”

หานชิงเอ๋อร์ถามด้วยความแปลกใจ “เจ้าใจฝ่อขนาดนี้ ยังกล้ามาอยู่ที่นี่คนเดียวอีกหรือ”

คนตัดไม้กัดฟันแน่น ไม่ได้เอ่ยตอบ

เขาเริ่มใช้สมองคิดหาทางอย่างเต็มที่ ควรเอาตัวรอดอย่างไรดี

“เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่” หานชิงเอ๋อร์ถาม

นางเสริมไปอีกประโยคว่า “หากเจ้าตอบมาตามความจริง ข้าจะไม่สร้างความลำบากใจให้เจ้า ซ้ำข้าจะถ่ายทอดเคล็ดบำเพ็ญเซียนให้เจ้าด้วย”

เมื่อคนตัดไม้ได้ยินดวงตาพลันเปล่งประกาย

เขารีบเล่าว่า “ได้ยินว่าพื้นที่แถบนี้มีเซียนทิ้งมรดกสืบทอดไว้ ทุกๆ หนึ่งพันปี ล้วนมีคนได้รับเคล็ดวิชาแห่งเซียนจากที่นี่ จากนั้นก็มีชื่อเสียงไปทั่วโลกา ข้าแค่อยากมาลองดู มาอยู่ได้ครึ่งปีแล้ว ไม่เคยหาพบเลย”

“เช่นนั้นเจ้าตัดไม้ไปทำไม”

“ก่อกองไฟ กลางคืนมีสัตว์ร้ายชุกชุม หากไม่มีไฟ ข้าต้องตายแน่นอน”

“โอ้”

เป็นครั้งแรกที่หานชิงเอ๋อร์ได้พบมนุษย์ธรรมดาขนานแท้ ในใจเต็มไปด้วยความสนใจ เริ่มซักถามสารพัด

คนตัดไม้ตอบทุกอย่างที่เขารู้

หานชิงเอ๋อร์ก็ได้รับรู้ประวัติความเป็นมาของเขาเช่นกัน

หมู่บ้านของคนตัดไม้ถูกผู้บำเพ็ญมารสังหารล้างบาง ทั้งหมดล้วนถูกทำให้กลายเป็นหุ่นเชิดศพ เขาโชคดีหนีรอดมาได้ เขาต้องการล้างแค้นมาโดยตลอด เริ่มออกแสวงหาวาสนาเซียนไปทั่วตั้งแต่อายุสิบขวบ จนใจที่เขาไร้คุณสมบัติรากวิญญาณ สำนักต่างๆ ล้วนไม่รับตัวไว้ เขาทำได้เพียงออกแสวงหาตามวาสนาตามตำนานเซียนอันเลื่อนลอย

หลังจากหานชิงเอ๋อร์ได้ฟัง ในใจรู้สึกทนไม่ไหว แค่นางลองคิดตามมุมมองของคนตัดไม้ ก็รู้สึกสิ้นหวังไปหมดแล้ว

“ข้าช่วยล้างแค้นให้เจ้าดีไหม” หานชิงเอ๋อร์ถาม

ดวงตาคนตัดไม้พลันเปล่งประกาย จากนั้นก็ส่ายหน้าตอบว่า “ไม่ได้ ข้าต้องการล้างแค้นด้วยตัวเอง ท่านถ่ายทอดเคล็ดบำเพ็ญให้ข้าก็พอขอรับ”

หานชิงเอ๋อร์เผยสีหน้าจนปัญญาออกมา แบมือพลางกล่าวว่า “อันที่จริงข้าไม่รู้เคล็ดบำเพ็ญเลย แต่ข้าไปถามท่านพ่อของข้ามาให้ได้”

มีชีวิตอยู่มาจนป่านนี้แล้ว นางก็ยังไม่เคยฝึกบำเพ็ญอย่างจริงจังเลย อาศัยเพียงสัญชาตญาณตามพรสวรรค์เท่านั้น

คนตัดไม้คุกเข่าลง โขกศีรษะให้หานชิงเอ๋อร์ กล่าวว่า “ขอบพระคุณเซียนหญิง! ขอเพียงบิดาท่านยอมถ่ายทอดเคล็ดบำเพ็ญให้ข้า ข้ายินดีเป็นทาสรับใช้ไปชั่วชีวิต ทำงานรับใช้พวกท่านขอรับ!”

………………………………………………………………