บทที่ 848 ปัญหาร้ายแรงมาก

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 848 ปัญหาร้ายแรงมาก

บทที่ 848 ปัญหาร้ายแรงมาก

เลขาตู้หวังให้อาจารย์เสิ่นมาด้วยกัน แต่ก็ยังกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับอีกฝ่ายหรือเปล่า

เสิ่นจื่อเจินเป็นนักวิทยาศาสตร์มากความสามารถจากเมืองหลวง มณฑลให้ความสำคัญกับเขาอย่างมาก หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา ตนก็คงกลายเป็นต้นเหตุ และคงไม่สามารถหนีความผิดไปได้ ยิ่งอีกฝ่ายพาเด็กสาวคนหนึ่งมาด้วย เขายิ่งเป็นกังวลมากกว่าเดิม ว่าแล้วก็หันไปมองเธออีกสักรอบ

ตัวแค่นี้จะโดนลมพัดปลิวหรือเปล่านะ

แต่เมื่อหันกลับไปก็พบว่าอีกฝ่ายก้าวเดินอย่างมั่นคง แตกต่างไปจากรูปลักษณ์บอบบางที่เห็นชัดเจน จู่ ๆ ก็รู้สึกเชื่อว่าเธอจะเป็นอย่างที่เสิ่นจื่อเจินและซูซานกงบอกจริง ๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะทำอะไรไม่เป็น แต่ยังให้ความช่วยเหลือกับเราได้อีกด้วย

แบบนี้ก็ทำให้เขารู้สึกโล่งใจขึ้นมาไม่น้อย ก่อนเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น

เขื่อนอยู่ไม่ไกลจากบ้านเรานัก แต่ท่ามกลางลมและฝนแบบนี้ พวกเราไม่สามารถเร่งฝีเท้าให้เร็วกว่านี้ได้ กว่าจะมาถึงเขื่อนก็ผ่านมาครึ่งชั่วโมงแล้ว

ท้องฟ้ายังคงมืดสนิทเพราะเกิดฝนตกต่อเนื่อง

บนเขื่อนมีคนอยู่รอกันเต็มไปหมด บางส่วนถือไฟฉายมาด้วย

ฟ้ามืดแบบนี้ใช่ว่าจะมองเห็นบนนั้นได้ทั้งหมด

“เลขาตู้ มีคนมาไม่น้อยแล้วล่ะ” เสิ่นจื่อเจินกล่าว

ก่อนหน้านี้ห่วงมากว่าจะช่วยเหลือชาวบ้านไม่ได้ แต่เห็นคนมากันแบบนี้ก็รู้สึกโล่งใจอยู่บ้าง

“เราทุกคนรู้สถานการณ์ดีน่ะครับ ตอนนี้ฝนตกหนักไม่มีท่าทีจะหยุดด้วย ฟ้าก็มืดเข้าไปทุกที”

ภัยธรรมชาติที่มาพร้อมกับช่วงเวลากลางคืน ทำให้การซ่อมเขื่อนเป็นอะไรที่ยากมาก

เลขาตู้เป็นกังวล

เราสองคนตะโกนคุยกันเสียงดัง ส่วนเสี่ยวเถียนเฝ้ามองเขื่อนอย่างระมัดระวัง

ตัวเขื่อนแคบมาก ประมาณสองเมตรเห็นจะได้ ถ้าเป็นริมฝั่งแม่น้ำตามปกติก็คงพอรับมือไหวแหละ ตัวเขื่อนจะไม่มีทางถูกทำลายเพราะฝนตกหนักแน่นอน

แต่ปัญหาคือตรงนี้เราสร้างตรงส่วนโค้งของแม่น้ำ และสายน้ำก็จะพุ่งไหลมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตอนที่เกิดฝนตกหนัก ปริมาณน้ำจะเพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว และก็จะเกิดการไหลหลาก

ทำให้ตัวคลื่นกระทบเข้ากับเขื่อนตรง ๆ

เสี่ยวเถียนคิดว่าการที่น้ำไหลแรง มันจะซัดเอาทรายและกรวดมาด้วยแน่ ๆ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เขื่อนได้กลายเป็นทรายอันแห้งแล้งแน่ ๆ ฝนตกหนักแบบนี้บอกได้เลยว่าคือการทดสอบเขื่อน

“เลขาตู้บอกหนูหน่อยได้ไหมคะว่าปัญหาเขื่อนในตอนนี้คืออะไร?”

เสี่ยวเถียนพอจะเดาไว้อยู่แล้ว แต่ก็ยังเอ่ยถามอยู่ดี

เจ้าของชื่อดูประหลาดใจเล็กน้อย เพราะคิดไว้ว่าคนที่น่าจะมองเห็นปัญหาคือเสิ่นจื่อเจินสิ แต่ทำไมกลายเป็นเสี่ยวเถียนได้ล่ะ

“ส่วนนี้คือส่วนที่อ่อนแอที่สุดน่ะ”

เขาชี้ไปยังจุดหนึ่งของเขื่อน

“แต่เดิมเขื่อมันเคยกว้างสี่เมตร เราสร้างกันเมื่อสี่ห้าปีก่อน แต่ปีที่แล้วคนที่คอยดูแลเรื่องน้ำบอกไว้ว่าเขื่อนมันค่อย ๆ หดตัวลง ตอนนั้นพวกเราไม่ได้จริงจังเท่าไร ใครจะรู้เล่าว่าช่วงฤดูใบไม้ผลิของปีนี้มันเกิดหดตัวเร็วขึ้นกว่าเดิม จึงเหลือแค่สองจากสี่น่ะ”

เขาเสียใจมาก ถ้ารู้เร็วกว่านี้คงของความช่วยเหลือจากคนในเมืองมาช่วยซ่อมแล้วละ แต่เพราะเป็นคนตัดสินสถานการณ์ผิดเอง และตอนนั้นก็ไม่คิดด้วยว่าเขื่อนจะถูกทำลายเร็วขนาดนี้

เสี่ยวเถียนขมวดคิ้ว ถ้านี่คือเรื่องจริงเธอพอเข้าใจแล้วว่าเขื่อนน่าจะได้รับความเสียหายมากกว่าที่เห็นในตอนนี้

เผลอ ๆ พื้นดินบางส่วนใต้เท้าเราอาจจะถูกน้ำพัดพาไปตั้งนานแล้วก็ได้ แต่ไม่มีใครรู้ แม้ลุงเขยกับพี่สาม จะไม่ค่อยรู้เรื่องอุทกวิทยาและการชลประทาน แต่ก็ถือได้ว่าเป็นผู้รอบรู้

หลังจากได้ฟังคำอธิบายแล้ว เสิ่นจื่อเจินถึงกับขมวดคิ้ว

“เลขาตู้ สถานการณ์อาจร้ายแรงกว่าที่พวกเราคิดนะ”

อะไรนะ?

ร้ายแรงกว่าที่คิด? แต่ไม่ได้หมายความว่าจะรักษาไว้ไม่อยู่ใช่ไหม? หรือมันจะถล่มคืนนี้เลย?

“มีใครว่ายน้ำเก่ง ๆ แล้วดำลงไปดูในน้ำได้หรือเปล่าคะ? สถานการณ์ที่ส่วนล่างของเขื่อนอาจจะแย่กว่าข้างบนค่ะ”

เสี่ยวเถียนไม่ได้ตั้งใจจะพูดอย่างชาญฉลาดขนาดนี้ แต่ตอนนี้เรารีรอไม่ได้แล้วจึงจำเป็นต้องเอ่ยออกไป

“หมายความว่า?” เลขาตู้ตกใจ

ถ้าส่วนล่างของเขื่อนเลวร้าย งั้นพื้นที่ที่เรายืนอยู่…

เขาไม่อยากจะคิดต่อเลย

“ขั้นแรกให้อพยพคนโดยรอบก่อน พยายามให้คนยืนบนเขื่อนให้น้อยที่สุดด้วย” เสิ่นจื่อเจินบอก

ถึงเลขาตู้จะเป็นถึงเลขาธิการ แต่ตอนนี้เป็นสถานการณ์ซับซ้อนเพราะพื้นที่ตรงนี้มันไม่ใช่ที่ที่เขาคอยดูแล

เพราะงั้นจึงไม่มีบทบาทมากนัก

แต่โชคดีที่เป็นบ้านเกิดของเขา

หลังจากเห็นคนคุ้ยเคย เลขาตู้จึงเอ่ยกับเขาว่า “เอ้อร์ต้านจื่อ รีบไปตามเลขาหมู่บ้านคุณมาหน่อย เดี๋ยวฉันรอเขาอยู่ส่วนหน้า ถ้าเห็นเจ้าหน้าที่คนอื่นในหมู่บ้านก็ให้เขามาหาฉันหน่อยนะ มีเรื่องอยากจะหารือน่ะ”

“ผมเพิ่งเจอนายกเหลียงเมื่อครู่เองครับ เลขากับหัวหน้าของหมู่บ้านก็อยู่ที่นั่นด้วย”

หลังจากเอ้อร์ต้านจื่อเช็ดฝนออกจากใบหน้าก็เห็นชัดว่าคนตรงหน้าคือเลขาตู้ จึงอธิบายสถานการณ์ฝั่งนี้ให้ฟัง

“งั้นเดี๋ยวฉันไปพาพวกเขาเอง ส่วนคุณรีบไปตามหาเจ้าหน้าที่ที่หมู่บ้านอื่น ๆ ทีนะ ให้พวกเขารวมกลุ่มแล้วหารือเรื่องเทศบัญญัติที่จะซ่อมเขื่อนน่ะ”

เลขาตู้แจกแจงหน้าที่จากนั้นก็เดินไปยังทิศทางที่อีกฝ่ายบอก แต่เดินไปได้สองก้าวก็เพิ่งนึกถึงคนที่มาด้วยกันขึ้นได้

“อาจารย์เสิ่นอยากหาที่พักก่อนไหมครับ?”

“ผมสะดวกพอดีครับเดี๋ยวตามไปดูด้วย ได้หรือเปล่า?”

ตอนนี้มาถึงที่แล้ว เขาไม่อยากมัวพักผ่อนหรอกนะ

ปัญหาเขื่อนรุนแรงกว่าที่คิดไว้มาก เผลอ ๆ อีกสักพักอาจจะถล่มลงมาเลยก็ได้

ถึงจะได้รับอนุญาตให้พักแต่ก็ไม่ได้สบายใจหรอกนะ เขาช่วยแสดงความคิดเห็นหรือเรื่องอื่น ๆ ดีกว่า

ยิ่งคนเยอะ กำลังยิ่งมาก!

“แล้วสองคนนี้ล่ะ!”

“เดี๋ยวพวกเราไปด้วยครับ” ซานกงเสนอจะไปด้วย

พอได้พบกับนายกเหลียงแล้ว คนอื่น ๆ ก็ทำหน้าแปลกใจที่เห็นเลขาตู้พากลุ่มเสิ่นจื่อเจินมาที่เขื่อน

“เหล่าตู้ ทำไมพาพวกเขามาด้วยล่ะ?”

มันจะไม่วุ่นวายกว่าเดิมหรอกหรือ?

คนที่ศึกษาเรื่องการเพาะเมล็ดคงไม่สามารถช่วยเหลือเราได้หรอก

ด้วยเหตุผลที่ว่าพวกเขาเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ท่านนายกเข้าใจเรื่องนี้ดี