เธออ้วนขึ้นแล้ว!
ไม่ได้อ้วนในความหมายทั่วไป แต่เป็นเพราะก่อนหน้านี้เธอท้อง บวกกับอารมณ์ที่อัดอั้นตันใจ ร่างกายจึงผอมลงอย่างฉับพลัน
ทว่าตอนนี้ หน้าของเธอกลับมามีน้ำมีนวล รูปร่างกลับมาเหมือนตอนก่อนตั้งท้อง
ดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่ออกนอกประเทศมาอยู่ที่นี่ เธออยู่ดีกินดีเลยทีเดียว!
พงศกรหรี่ตาลง จากนั้นพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ปาจรีย์ มานี่”
ปาจรีย์กำมือแน่น ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน พลางมองไปที่พงศกรด้วยสายตาที่ยุ่งเหยิงและสุดจะทน
นี่คือพงศกร คนบ้าคนนั้นที่เธอเคยรักมาก่อน ผู้ชายที่เธอรักจนโงหัวไม่ขึ้น!
ถ้าให้พูดตรง ๆ เขาก็ดูดีจริง ๆ และเข้ากับรสนิยมของเธอทุกอย่าง เป็นสเปกที่เธอชอบ
แต่เธอไม่ได้หวั่นไหวกับเขาสักนิด กลับรู้สึกกลัวเสียด้วยซ้ำ
เธอกลัวผู้ชายคนนี้ ดังนั้นที่ผู้ชายคนนี้เรียกให้เธอไปหา เธอจึงไม่เต็มใจที่จะไป
พอคิดมาถึงตรงนี้แล้ว ปาจรีย์รู้สึกโล่งอกไปที
เพราะเธอรู้ว่าตัวเองกลัวผู้ชายคนนี้ นั้นก็หมายความว่าตัวเองจะไม่หวั่นไหวกับผู้ชายคนนี้แน่ ๆ
ขอเพียงไม่หวั่นไหวกับผู้ชายคนนี้ เธอคิดว่าตัวเองคงจะไม่กลับไปมีชีวิตอันเจ็บปวดเหมือนตอนก่อนที่จะลืมเขาแล้วละมัง
พงศกรที่อยู่ตรงหน้าเห็นปาจรีย์ยืนนิ่งไม่ขยับ แต่กลับมองดูเขาอย่างระมัดระวัง ในใจรู้สึกไม่ดี สีหน้าก็เริ่มดูไม่ดี
ไม่ใช่เรื่องที่เธอโกรธแล้วจู่ ๆ ก็ไม่ยอมฟังเขา แต่เป็นเพราะแววตาของเธอทำให้เขาสั่นสะเทือน
เห็นได้ชัดเจนว่าแววตาที่เธอมองเขากลับไม่มีความรู้สึกหลงเหลืออยู่เลย เหลือไว้เพียงแค่ความไม่คุ้นเคยและระมัดระวังเท่านั้น
มันคือความรู้สึกที่ราวกับเห็นเขาเป็นคนแปลกหน้า ไม่ไว้ใจ และหวาดระแวง
หรือว่าที่นิรุตติ์บอกว่าเธอลืมเขาได้แล้วเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องโกหก?
เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ สีหน้าของพงศกรยิ่งดูไม่ดี และหัวใจของเขาก็หนักอึ้ง อึดอัด ทั้งโกรธทั้งตื่นตระหนก
เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองเหมือนจะสูญสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ไป ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ พงศกรเน้นน้ำเสียงและตะโกนอีกครั้ง “ปาจรีย์ ฉันบอกให้เธอมานี่!”
“ขอโทษนะคะ ฉันไม่รู้จักคุณ เพราะงั้นฉันจะไม่ไป” ปาจรีย์ส่ายศีรษะ หายใจเข้าลึก ๆ และพยายามตอบอย่างใจเย็น
แม้ว่าจะกลัวผู้ชายคนนี้มาก แต่จะถูกเขาชักจูงอารมณ์ไม่ได้
ไม่อย่างนั้น ตัวเธอเองจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้
ได้ยินคำพูดของปาจรีย์แล้ว ในที่สุดคุณพ่อประสิทธิ์ที่กังวลอยู่ตลอดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและยิ้มออกมา
ดีมาก ดีมากจริง ๆ
ในตอนที่ปาจรีย์เห็นพงศกร กลับไม่มีความรู้สึกต่อพงศกรอีกแล้ว แม้กระทั่งจำพงศกรก็จำไม่ได้
เขากลัวว่าตอนที่ปาจรีย์เห็นพงศกรแล้วความรู้สึกเดิม ๆ จะหวนคืนมาและตกหลุมรักอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงไม่อยากให้ปาจรีย์ออกมา
แต่ตอนนี้การกระทำของปาจรีย์ได้ยืนยันแล้วว่าปาจรีย์ไม่เป็นอย่างที่เขาคิด เช่นนั้นเขาก็วางใจแล้ว
ขอเพียงปาจรีย์ไม่กลับไปรู้สึกกับพงศกร พวกเขาที่เป็นพ่อแม่ก็จะได้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับพงศกรอีก
เป็นเพราะเมื่อก่อนปาจรีย์รักพงศกรมาก ดังนั้นมันก็ไม่ดีที่พวกเขาสามีภรรยาจะทำเกินไป แค่กลัวว่าปาจรีย์สงสารพงศกร เพราะงั้นจึงปล่อยให้พงศกรทำร้ายปาจรีย์จนเจ็บปวดอย่างนี้
แต่ตอนนี้ปาจรีย์ไม่สนใจพงศกรแล้ว เช่นนั้นพวกเขาสามีภรรยาก็ไม่ต้องรู้สึกว่าการทำต่อพงศกรมากไปจะทำให้ปาจรีย์เจ็บปวด ดังนั้นเขาอยากจะทำอะไรก็ทำได้
พอคิดถึงตรงนี้ คุณพ่อประสิทธิ์วางไม้กวาดในมือลง จากนั้นกำหมัดแน่นพลันชกเข้าที่หน้าของพงศกร “เจ้าสารเลว!”
หลังจากเสียงตุบ พงศกรก็ล้มลงกับพื้น แว่นตาบนหน้าของเขาร่วงไป ตกลงไปอีกทางจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ
พงศกรปิดหน้าพลางกึ่งลุกกึ่งนั่ง เนื่องจากไม่มีแว่นตา ทำให้สายตาเขาไม่ชัด จึงหรี่ตามองไปที่คุณพ่อประสิทธิ์ผู้โกรธเกรี้ยวด้วยความตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าเขานึกไม่ถึงว่าคุณพ่อประสิทธิ์จะปล่อยหมัดใส่เขาอย่างกะทันหัน
ที่จับด้ามไม้กวาดตีเขาเมื่อครู่ เขานึกว่ามันเป็นการแสดงความโกรธของคุณพ่อประสิทธิ์แล้ว แต่ตอนนี้เขาเพิ่งจะรู้ว่านี่คือความโกรธที่แท้จริงของคุณพ่อประสิทธิ์
ไม่ต้องพูดถึงพงศกร แม้แต่ปาจรีย์ก็นึกไม่ถึงว่าคุณพ่อประสิทธิ์จะทำแบบนี้กับพงศกรเช่นกัน เธอปิดหน้าด้วยความประหลาดใจ “คุณพ่อ!”
คุณพ่อประสิทธิ์ไม่ได้สนใจเขา ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว จนหยุดอยู่ตรงหน้าพงศกร เอื้อมมือไปกระชากคอเสื้อของเขาและดึงเขาขึ้นมาจากพื้น
หลายปีมานี้ ร่างกายของคุณพ่อประสิทธิ์ไม่ได้แข็งแรงเหมือนตอนหนุ่ม ๆ แต่เขาก็ทำงานหนักมาตลอด และพลังกำลังของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าพงศกรที่ทำได้เพียงถือมีดผ่าตัด
ดังนั้นแม้คุณพ่อประสิทธิ์ไม่ได้ออกแรง ก็คว้าตัวคนคนนั้นให้ลุกขึ้นได้อย่างง่ายดาย
คุณพ่อประสิทธิ์จ้องไปที่พงศกรด้วยตาที่แดงก่ำ “พงศกร คำก็เรียกให้ลูกสาวฉันไปหา แกเอาคนเป็นพ่ออย่างฉันไปไว้ที่ไหน? ลูกสาวของฉัน ฉันยังไม่เคยเรียกลูกด้วยน้ำเสียงแบบนั้น แล้วแกมีสิทธิ์อะไร! แกคิดว่าแกเป็นใครกัน? แกมันก็เป็นแค่ไอ้คนอกตัญญูที่เนรคุณก็เท่านั้น ถ้าฉันรู้ว่าตระกูลจิรดำรงค์ของฉันจะตกต่ำมาถึงทุกวันนี้เพราะคนอกตัญญูอย่างแกแล้วละก็ ในตอนนั้นฉันจะไม่มีทางช่วยครอบครัวของแก ฉันเกลียดแก พงศกร แกรู้ไหมว่าฉันเกลียดแก!”
พงศกรไม่เคยเห็นคุณพ่อประสิทธิ์โมโหจนแทบบ้าขนาดนี้ จึงตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง
ถึงอย่างไรที่ผ่านมา ท่าทีของตระกูลจิรดำรงค์ก็อดทนและอ่อนน้อมต่อเขาเองมาโดยตลอด
ดังนั้น สิ่งนี้ก็ทำให้เขาเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าตระกูลจิรดำรงค์เป็นคนฆ่าพ่อแม่เขา ที่พวกเขาปฏิบัติต่อตัวเขาแบบนี้นั้นก็เพราะหวาดผวา
เพราะฉะนั้น ตอนนี้เขาเห็นท่าทีของคุณพ่อประสิทธิ์ที่จู่ ๆ ก็ดุร้ายขึ้นมา เขาถึงกับชะงักงัน
คุณพ่อประสิทธิ์ไม่รู้ว่าพงศกรกำลังคิดอะไรอยู่ เขาอารมณ์พลุ่งพล่าน ใบหน้าที่ดุร้ายจ้องไปที่พงศกร “แกรู้ไหม ว่าทำไมฉันถึงอดทนกับแกมาโดยตลอด? ไม่ใช่เพราะฉันรู้สึกเสียใจต่อตระกูลอิสริยานนท์ แต่เพราะเพื่อปาจรีย์ เพื่อลูกสาวของฉันต่างหาก!”
รูม่านตาพงศกรหดเล็กลง
ไม่ใช่เพื่อตระกูลอิสริยานนท์หรือ?
คุณพ่อประสิทธิ์เหวี่ยงเขาลงบนพื้น “เพราะลูกสาวฉันชอบแก รักแก ดังนั้นฉันในฐานะพ่อถึงยอมทนกับแกก็เพื่อลูก ปาจรีย์เชื่อมาโดยตลอด ว่าตราบใดที่เธอปฏิบัติต่อแกด้วยหัวใจ สักวันหนึ่ง เธอจะทำให้แกประทับใจ สักวันหนึ่ง เธอจะเจอหลักฐานที่ว่าตระกูลจิรดำรงค์ของฉันไม่ได้ฆ่าพ่อแม่แก พอถึงตอนนั้น แกก็จะยกโทษให้ตระกูลจิรดำรงค์และอยู่กับเธอ ดังนั้นในฉันฐานะพ่อ เพื่อความหวังเล็ก ๆ ของเธอแล้ว ฉันถึงยอมที่จะปิดปากเงียบมาโดยตลอด”
“คุณพ่อ…” ที่หน้าประตู เห็นได้ชัดว่าปาจรีย์ก็เพิ่งรู้ว่าตัวเธอเองทำให้คุณพ่อประสิทธิ์กล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมและทุกข์ใจเพียงใด
แม้ว่าเธอจะไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เธอก็รู้สึกได้
เพราะความละอายที่อยู่ในใจนั้นชัดเจน
“ขอโทษนะคะคุณพ่อ……” ปาจรีย์มองไปที่คุณพ่อประสิทธิ์ ดวงตาทั้งสองข้างของเธอแดงก่ำและใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
เธอขอโทษสำหรับการอบรมเลี้ยงดู ขอโทษสำหรับการปลูกฝังของพ่อแม่
พวกเขาทำทุกอย่างก็เพราะตัวเธอเอง แล้วตัวเธอที่ผ่านมาล่ะ?
กลับทุ่มเททั้งใจให้กับชายที่ไม่ได้รักเธอ ทำให้ตัวเองตกต่ำเช่นนี้
เธอช่างไม่คู่ควรที่จะเป็นลูกสาวของพวกเขาเลย!
ทางด้านนั้น คุณพ่อประสิทธิ์ได้ยินคำขอโทษของปาจรีย์ ร่างกายของเขาแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หันไปมองลูกสาวที่กำลังร้องไห้และโทษตัวเองอย่างเป็นทุกข์ด้วยสายตาอันอบอุ่น
แต่ในไม่ช้า เขาก็หันกลับมามองที่พงศกรด้วยสายตาที่โหดเหี้ยมอำมหิต
เขารู้ว่าที่ลูกสาวขอโทษก็เพราะเธอรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาในฐานะที่เป็นพ่อเป็นทุกข์แค่ไหน และเธอรู้สึกว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขา ดังนั้นในใจของเธอจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
แต่เขาก็ไม่ได้โทษลูกสาวตัวเอง คนที่เขาจะโทษก็มีเพียงแค่พงศกรเท่านั้น
โทษที่เขาไม่ควรที่จะมีชีวิตอยู่ ไม่ควรมาปรากฏอยู่ต่อหน้าลูกสาวของเขา
หากไม่มีเขาแล้ว ปาจรีย์ก็คงไม่ต้องจำเขาได้ ไม่ต้องมาเจ็บปวดแบบนี้