บทที่ 820 คุณพ่อประสิทธิ์แสดงพลัง

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“คุณอย่าไปขอร้องเขา !”คุณพ่อประสิทธิ์ดึงคุณแม่ปารวีไปไว้ด้านหลัง ชี้ไปยังพงศกรแล้วยิ้มเยาะ“ คนแบบนี้เลือดเย็นและไร้หัวใจ ใช่ว่าคุณไปขอร้องเขา แล้วเขาจะปล่อยเราไป หากเขาคิดจะปล่อยเราไปจริงๆ เขาปล่อยไปนานแล้ว ไม่กัดไม่ปล่อยอยู่แบบนี้หรอก”

ริมฝีปากคุณแม่ปารวีขยับไปมา ก้มศีรษะลงอย่างเศร้าโศก

ใช่ สามีพูดถูก

หากพงศกรหวั่นไหวง่ายขนาดนั้น จะตามพวกเขาอยู่แบบนี้ทำไม?

พงศกรมองไปยังคุณพ่อประสิทธิ์กับคุณแม่ปารวีที่มองเขาด้วยสายตาที่เกลียดชัง ในใจรู้สึกหวาดกลัวลุกลี้ลุกลนอย่างอธิบายไม่ถูก และยังรุนแรงมากขึ้นอีก

อีกทั้งยังทำให้เขารู้สึกทำอะไรไม่ถูกไปด้วย

เมื่อก่อน เขาไม่เคยเห็นสายตาแบบนี้ของพวกเขาเลย แต่เขารู้ ว่าพวกเขาก็ไม่ค่อยจะพอใจเขา เพราะเขาเกลียดชังพวกเขา และไม่เคยทำดีกับปาจรีย์ แต่พวกเขาก็ไม่เคยมองเขาด้วยสายตาที่เกลียดชังแบบนี้

ตอนนี้เมื่อเห็นสายตาของพวกเขาแบบนี้ ตามหลักแล้ว เขาควรจะมีความสุข เพราะตัวเองได้ทำให้ศัตรูต้องตกที่นั่งลำบากแบบนี้ได้

มีเพียงได้เห็นศัตรูต้องจนตรอก ถึงจะเผยให้เห็นสายตาที่เกลียดชังจนอยากให้ตายแบบนี้

แต่ตอนนี้ แทนที่จะรู้สึกมีความสุข เขากลับรู้สึกอึดอัด อีกทั้งไม่อยากเห็นภาพของพวกเขาที่มองเขาแบบนี้

พงศกรกำหมัดแน่น ริมฝีปากบางเหยียดเป็นเส้นตรง“ พวกคุณฆ่าพ่อแม่ของผม ผมยังไม่ได้ล้างแค้นเอาคืนเลย ดังนั้นทำไมผมจะตามจองล้างจองผลาญพวกคุณไม่ได้”

คุณแม่ปารวีเบี่ยงหน้าหนีอย่างเจ็บปวดใจ

คุณพ่อประสิทธิ์ฟังที่เขาพูด รู้สึกราวกับได้ยินเพียงเรื่องที่น่าขำที่สุด เสียงหัวเราะเต็มไปด้วยความเสียใจและเศร้าโศก“พงศกร เมื่อก่อนเห็นแกยังเด็ก เห็นแก่ที่ปาจรีย์รักแก แกคิดว่าพวกเราเป็นคนฆ่าพ่อแม่ของแก แม้เราจะรู้สึกเสียใจ แต่ก็ไม่อยากจะถือสาอะไรแก เพราะยังไงพวกเราก็เห็นแกเหมือนลูกคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ฉันไม่ถือสาไม่ได้แล้ว ตั้งแต่ที่แกย่ำยีความรักที่ปาจรีย์มีให้ ตั้งแต่ที่แกพาปาจรีย์ไปทำแท้ง สำหรับพวกเราแล้ว แกก็ไม่ใช่เด็กน้อยที่ร่าเริงคนนั้นอีกต่อไป แต่แกมันเป็นปีศาจ!”

ปีศาจ?

รูม่านตาพงศกรหดเกร็ง

ไม่น่าเชื่อ คุณพ่อประสิทธิ์จะเปรียบเขาแบบนี้ เห็นเขาเป็นปีศาจ !

คุณพ่อประสิทธิ์ไม่รู้ว่าคำว่าปีศาจของตัวเอง จะทำให้พงศกรรู้สึกไม่สงบ เขายื่นมือที่สั่นเทาออกมา ชี้ไปยังพงศกร“ชีวิตนี้ของฉัน ไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไป แต่ตอนนี้ ฉันรู้สึกเสียใจมาก หากรู้ว่าตระกูลจิรดำรงค์ต้องทนทุกข์ขนาดนี้ ตอนนั้นฉันไม่น่าไปช่วยตระกูลฉัตรวิไลของแกเลย ไม่ควรใจอ่อนในตอนที่พ่อแม่แกติดต่อมา หากฉันไม่ช่วยพวกแก การตายของพวกแก ตระกูลจิรดำรงค์ของเราก็ไม่ต้องมามีส่วนเกี่ยวข้อง ปาจรีย์ก็จะไม่ตกหลุมรักแก เธอจะหาความสุขของตัวเองเจอ ได้แต่งงานกับผู้ชายที่รักเธอ แต่เป็นเพราะแก มีชีวิตที่ทุกข์ทรมาน และหากไม่ใช่เพราะแก พวกเราก็คงไม่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างวิตกกังวลมากว่าสิบปีแบบนี้ ”

เมื่อได้ยินคำพูดของคุณพ่อประสิทธิ์ สีหน้าของพงศกรก็แน่นิ่งไป รอบๆบริเวณทำเอาหายใจติดขัดไปหมด

ไม่ช่วยเหลือพวกเขา ปาจรีย์ไม่ตกหลุมรักเขา ? แต่งงานกับคนที่รักเธอ ?

หมายถึงรพีเหรอ ?

กำลังครุ่นคิดอยู่ ก็มีเสียงใสๆ ดังลอดผ่านทางด้านหลังของคุณพ่อประสิทธิ์กับคุณแม่ปารวี “พ่อค่ะ แม่ค่ะ กำลังคุยอะไรกันอยู่คะ?”

ปาจรีย์!

พงศกรฟังออกในทันทีว่าเจ้าของเสียงนี้เป็นใคร ดวงตาหรี่ลง จ้องมองไปยังด้านหลังของคุณพ่อประสิทธิ์กับคุณแม่ปารวี

คุณพ่อประสิทธิ์กับคุณแม่ปารวีสังเกตเห็นสายตาของเขา สีหน้าก็เปลี่ยนในทันที

พวกเขาในตอนนี้ไม่เพียงกังวลกลัวว่าพงศกรจะทำร้ายปาจรีย์ แต่ยังกังวลกลัวว่าปาจรีย์จะเห็นพงศกร แล้วฟื้นความจำทั้งหมดที่มีต่อพงศกรขึ้นมาอีก

ดังนั้นไม่ว่ายังไง พวกเขาจะให้ปาจรีย์เห็นพงศกรไม่ได้เด็ดขาด

หลังจากที่คุณพ่อประสิทธิ์กับคุณแม่ปารวีมีความเห็นตรงกัน คุณพ่อประสิทธิ์ก็ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง กั้นประตูเอาไว้

และคุณแม่ปารวีก็หันหลังกลับ เตรียมที่จะพาปาจรีย์ที่กำลังจะเดินออกมากลับเข้าไป ไม่ให้เธอออกมา

พงศกรเห็นจุดประสงค์ของคนทั้งคู่ ดวงตาก็ฉายแววเยาะเย้ย

ไม่อยากให้ปาจรีย์เห็นเขา ?

เหอะ เขาจะให้พวกเขาสมหวังได้ยังไง!

“ปาจรีย์!”พงศกรส่งเสียงเรียก

ทันใดนั้นสีหน้าของคุณพ่อประสิทธิ์กับคุณแม่ปารวีก็มีอาการโกรธและน่ากลัวขึ้นในทันที

นี่เขากล้าตะโกนเรียกปาจรีย์เลยเหรอ

นี่มันต้องการเรียกร้องความสนใจจากปาจรีย์ชัดๆ เพื่อให้ปาจรีย์ออกมา!

คุณพ่อประสิทธิ์ทนไม่ไหวอีกต่อไป หยิบไม้กวาดที่หน้าประตูมา มองไปยังพงศกรด้วยสายตาที่ดุร้าย “ พงศกร นี่แกจะเอาแบบนี้ให้ได้เลยใช่ไหม ? หากแกอยากจะแก้แค้นจริงๆ ก็มาลงที่คนแก่อย่างเราสองคนได้เลย อย่าไปยุ่งกับลูกสาวของเรา แต่แกไม่เลือกทำแบบนี้ จ้องจะพุ่งเป้าไปที่ลูกสาวของฉัน งั้นแกก็อย่าโทษฉันที่ไม่เกรงใจแล้วกัน ชีวิตนี้ของฉันขอยอมสู้ตาย ก็พร้อมจะแลกกับแก ”

พูดจบ คุณพ่อประสิทธิ์ก็ปรี่ไปหาพงศกร ใช้ด้ามไม้กวาดตีไปที่ร่างของพงศกร

พงศกรเจ็บจนคิ้วขมวด แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้กลับ สายตายังคงจับจ้องไปที่ประตู“ปาจรีย์ ฉันนับหนึ่งถึงสาม หากเธอยังไม่ออกมา อย่าโทษที่ฉันไม่เกรงใจพ่อเธอแล้วกัน ”

ประโยคนี้ ยิ่งกระตุ้นอารมณ์โกรธของคุณพ่อประสิทธิ์มากยิ่งขึ้น ทำเอาแรงฟาดของคุณพ่อประสิทธิ์เพิ่มน้ำหนักมากขึ้นอีก

ไม้หวดลงไปยังแผ่นหลังของพงศกรอยู่ซ้ำๆ และมีเสียงดังก้องไปทั่ว

หลังประตู ปาจรีย์รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

พงศกรมาแล้ว ให้เธอออกไป แต่พ่อไม่อยากให้เธอเจอเขา ดังนั้นจึงลงมือทำร้ายพงศกร

แต่พงศกรบีบบังคับให้เธอออกไป ไม่อย่างนั้นจะตอบโต้พ่อของเธอ

และสุขภาพของพ่อนั้นไม่สู้ดี หากพงศกรตอบโต้พ่อของเธอ พ่อของเธอต้องทนไม่ไหวเป็นแน่

เมื่อคิดได้ดังนั้น ปาจรีย์ก็ร้อนใจ เริ่มต่อต้านคุณแม่ปารวี “แม่ค่ะ ปล่อยหนู ให้หนูออกไปนะ”

คุณแม่ปารวีส่ายหัว เป็นตายยังไงก็ไม่ยอมปล่อยเธอออกไป “ไม่ได้ ลูกจะออกไปไม่ได้ ปาจรีย์ กว่าหนูจะลืมเขาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หากหนูออกไป แล้วคิดถึงเรื่องของเขาขึ้นมาจะทำยังไง ? หรือหนูอยากจะเจ็บปวดอีกครั้งหรือยังไง?”

ปาจรีย์ชะงักงัน

แม้เธอจะไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเธอเคยเจ็บปวดแค่ไหน แต่จากที่พ่อกับแม่ และเพื่อนที่อยู่รอบๆตัวบอกกับเธอ เธอเคยเจ็บปวดอย่างไม่ต้องสงสัย เจ็บปวดมาก จนคิดอยากจะฆ่าตัวตาย

เพราะรอยแผลเป็นที่เด่นชัดบนข้อมือ ยังมีให้เห็นอย่างชัดเจน

เมื่อเห็นปาจรีย์เหม่อลอย คุณแม่ปารวีจึงใช้โอกาสนี้ ผลักเธอไปยังทิศทางของห้องอีกสองสามก้าว

เพียงไม่นาน ปาจรีย์ก็ได้สติ หยุดลงในทันที“แม่ หนูรู้ว่าแม่กำลังกังวลกับอะไร แต่หนูต้องออกไป พ่อยังอยู่ข้างนอก หากหนูไม่ออกไป พงศกรเขาตอบโต้พ่อจะทำยังไง ? แม่ค่ะ แม่คงไม่อยากเห็นพ่อต้องบาดเจ็บหรอกใช่ไหม?”

คำพูดนี้ ทำเอาคุณแม่ปารวีหยุดลงอย่างกะทันหัน

แน่นอนว่าเธอไม่อยากให้สามีของตัวเองต้องเป็นอะไรไป

หากสามีตัวเองเป็นอะไรไป เธอก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน

เมื่อเห็นท่าทีลำบากใจของคุณแม่ปารวี ปาจรีย์ก็พูดต่อว่า“แม่ ให้หนูออกไปเถอะนะ วางใจเถอะ หนูไม่คิดถึงเขาอีกแน่ ไม่อย่างแน่นอน ตอนนี้เราต่างไม่รู้ว่าที่พงศกรพูดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือโกหก เราก็ไม่กล้าเสี่ยง เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของพ่อ พ่ออายุมากแล้ว จะสู้กับพงศกรได้ยังไง ”

คราวนี้ คุณแม่ปารวีไม่พูดอะไรอีก

ใช่ เราจะเอาคุณพ่อประสิทธิ์ไปเสี่ยงไม่ได้

หากพงศกรลงไม้ลงมือกับคุณพ่อประสิทธิ์ขึ้นมาจริงๆ พวกเขาต้องมานึกเสียใจที่หลังเอาแน่ๆ

ในที่สุด คุณแม่ปารวีก็ปล่อยตัวปาจรีย์

ทันทีที่ปาจรีย์เป็นอิสระ ก็รีบไปที่ประตูทันที วิ่งออกไป“พ่อ!”

ด้านนอกประตู ด้ามไม้กวาดที่คุณพ่อประสิทธิ์ง้างอยู่ก็ค้างอยู่กลางอากาศ หันมองมาที่ปาจรีย์ คิ้วขมวดแน่ พูดอย่างไม่พอใจว่า“ออกมาทำไม ? ใครให้ออกมา ? แม่แกล่ะ ? มาพาเธอกลับเข้าไป !”

“ไม่เกี่ยวอะไรกับแม่ หนูออกมาเอง” ปาจรีย์ตอบ

ข้างๆคุณพ่อประสิทธิ์ พงศกรอดทนกับความเจ็บปวดที่หลัง หรี่ตามองปาจรีย์อย่างลึกซึ้ง และไม่ละสายตาไปไหน