บทที่ 690-2 สังหารหนานกงลี่! (2)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 690 สังหารหนานกงลี่! (2)

ขันทีคนนั้นย่อตัวหายใจหอบพร้อมกับเอามือกุมหัวเข่า “ข้าน้อยมีนามว่าเสี่ยวเติ้งขอรับ ฝ่าบาท…ฝ่าบาทกำลังเรียกพวกท่านไปเข้าเฝ้าแล้วขอรับ… หลี่กงกงพาบัณฑิตคนอื่นๆ เข้าไปข้างในแล้วขอรับ…ข้าน้อย…จะเป็นคนพา…ท่านชายเซียวไป…ไปที่ตำหนัก…โปรดท่านชายเซียว…ตามข้าน้อยมานะขอรับ…อย่าให้พระองค์รอนาน…ไม่อย่างนั้น…อาจทรงกริ้วได้ขอรับ…”

“อ้อ” กู้เจียวหันตัวไปหาเขาแต่โดยดี “เช่นนั้นก็รบกวนท่านนำทางข้าด้วย”

ขันทียกแขนเสื้อปาดเหงื่อที่คอ “ทะ ทาง ทางนี้ขอรับ!”

แล้วกู้เจียวก็เดินตามเขาไป

“นี่ไม่ใช่ทางเดิมนี่นา” กู้เจียวทัก

ขันทีตอบกลับ “ถ้ากลับทางเก่ากลัวจะไม่ทันการเอาน่ะขอรับ เดินทางนี้ถึงตำหนักจินหลวนเร็วกว่าขอรับ!”

กู้เจียว “อ้อ”

ขันทียังคงนำทางให้กู้เจียว ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของเขากลับเผยพิรุธมากขึ้นทุกที

หลังจากเดินออกมาจากตำหนักจงเหอ ผ่านสนามหญ้าที่ขึ้นรก และมีห้องจัดดอกไม้เล็กๆ ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออก และห้องเก็บฟืนในทิศตะวันตก

“ใกล้ถึงแล้วขอรับ” ขันทีปากว่าตาขยิบ

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องถึงก็ได้” กู้เจียวเอ่ย

ขันทีทำหน้าเหวอ

ก่อนจะหันไปทางห้องเก็บฟืน

กู้เจียวร้องอ๋อ พลางเอ่ย “จะไม่พาข้าไปนั่งพักที่ห้องเก็บฟืนหน่อยรึ”

ขันทีเริ่มทำตัวไม่ถูก

“ไม่อย่างนั้น ข้าขอตัวก่อนล่ะ”

เอ่ยจบ กู้เจียวก็เดินออกไป

ขันทีเริ่มลังเล ครั้นจะยื่นมือออกไปคว้าร่างกู้เจียวแต่ก็กลัว

ในตอนนั้นเอง ประตูห้องเก็บฟืนก็ถูกเปิดออกจากข้างใน

ปรากฏขันทีหน้าตาน่ากลัวและท่าทีดุร้ายสองนายเดินออกมา คนหนึ่งถือเชือกในมือ ส่วนอีกคนถือถุงกระสอบในมือ

กู้เจียวหรี่ตามองไปที่ถึงกระสอบพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น “แหม”

คนกันเองทั้งนั้น

ขันทีที่ถือถุงกระสอบตะโกนขึ้น “มัวพูดพร่ำทำเพลงอยู่ไย รีบจับตัวมันสิ”

“เอ่อ…ขอรับ…ขอรับ!” ขันทีจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปหากู้เจียว

ขันทีที่นำทางกู้เจียวมาไม่ได้มีวิทยายุทธ์ ต่างจากอีกสองคน แต่ก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรนัก

หากวันนี้คนที่เข้ามาในวังคือเซียวลิ่วหลังตัวจริง ทุกอย่างคงง่ายกว่านี้ อย่างน้อยหนานกงลี่ก็ส่งลูกน้องที่มีฝีมือการต่อสู้มาจับตัวเขา

แต่หนานกงลี่ไม่รู้ว่าคนที่มาในวังจะเป็นกู้เจียวแทน

กู้เจียวไม่รอช้า รีบกำจัดขันทีทั้งสามในพริบตาเดียว

ขันทีทั้งสามนอนร้องโอดโอยบนพื้นด้วยความเจ็บปวด

“ไหนว่าเจ้านั่นไม่มีวิทยายุทธ์ไม่ใช่รึ”

“ใครจะไปรู้เล่า ไอ้หยา เอวข้า…”

กู้เจียวปราดตามองขันทีทั้งสามที่อยู่บนพื้น “หนานกงลี่อยู่ที่ไหน”

ทว่าไม่มีใครตอบสักคน

กู้เจียวเอียงศีรษะหนึ่งที ก่อนจะยกเท้าแล้วเหยียบลงไปบนไหปลาร้าของขันทีคนหนึ่ง “อย่าให้ข้าต้องพูดอีกครั้ง”

ขันที่ที่ถูกเหยียบได้แต่ร้องโอดครวญจนน้ำหูน้ำตาไหลออกมา เขาพยายามกลั้นความเจ็บทั้งหมดเท่าที่จะทำได้ก่อนจะตอบกู้เจียวอย่างทุลักทุเล “เจ้า…พูดอะไรของเจ้า…ข้าฟังไม่รู้เรื่อง…ที่นี่พระราชวังนะ…นายพลหนานกง…จะมาที่นี่…ได้อย่างไร…”

“คนอย่างเจ้านั่นไม่รามือหรอกหากไม่เห็นข้าสิ้นลมกับตา” กู้เจียวเอ่ยเบาๆ

หนานกงลี่เคยทำพลาดแล้วครึ่งหนึ่ง กู้เจียวไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะปล่อยให้เหตุการณ์ซ้ำรอย

“ข้าไม่แยแสชีวิตของพวกเจ้าหรอกนะ” เอ่ยจบ ก็ใส่แรงลงไปที่ฝ่าเท้า เกิดเสียงดังกร๊อบ และภาพที่เห็นก็คือหัวของขันทีคนนั้นเอียงหลุดออกจากบ่าเป็นที่เรียบร้อย

ขันทีอีกสองคนขวัญกระเจิงจนพูดไม่ออก

นี่มันเกิดอะไรขึ้น

อาเฉา เจ้าเด็กนี่ฆ่าอาเฉาอย่างนั้นรึ

ไหนบอกว่าเป็นแค่บัณฑิตตัวเล็กๆ ไร้ทางสู้ไง

“ข้าจะเลือกไว้ชีวิตพวกเจ้าแค่คนเดียว ฉะนั้น พวกเจ้าคนไหนจะพูดก่อนล่ะ” กู้เจียวมองหน้าขันทีสองคน

“ข้า ข้า ข้า ข้าพูดเอง!”

“ข้าต่างหาก!”

ขันทีสองคนเริ่มทะเลาะกัน

“ข้าขอพูดก่อน!” ด้วยความที่ขันทีหนุ่มไวกว่าขันทีอีกคนที่อายุเยอะกว่า จึงได้เป็นฝ่ายชิงเอ่ยก่อน “นายพลหนานกงอยู่ที่…”

ฟิ้ว!

กู้เจียวรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่ด้านหลังอย่างรวดเร็วจากอาหารวาบสันหลัง

ใบหูของกู้เจียวกระดิกตามสัญชาติญาณ ก่อนจะหันกลับไปพร้อมยิงเข็มพิษอย่างรวดเร็ว!

เข็มพิษพุ่งชนอาวุธประหลาดที่กำลังพุ่งเข้ามาพอดิบพอดีแล้วร่วงลงบนพุ่มไม้

“ที่แท้ก็เป็นก้อนหินนี่เอง”

กู้เจียวขยับเท้าออกพร้อมกับหันไปต้นทาง

แล้วก็ตามคาด กู้เจียวเจอเข้ากับหนานกงลี่ที่กำลังใช้วิชาตัวเบาย่องหลบออกไป

แม้หนานกงลี่พิการแขนขวาและใช้แขนซ้ายโยนหินออกไป แต่แรงของมันก็เยอะพอสมควรที่ถ้าหากกู้เจียวโดนเข้าคงรู้สึกเจ็บไม่น้อย

และแล้วในตอนนี้ กู้เจียวกำลังเผชิญหน้ากับนายพลชื่อดังแห่งต้าเยี่ยน

พวกเขายืนห่างกันเพียงแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น กู้เจียวย่ำเท้าไปข้างหน้าอย่างไม่รอช้า พร้อมกับแสยะยิ้มให้อีกฝ่าย “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ นายพลหนานกง”

ม่านตาของหนานกงลี่หดลงทันที “เจ้าไม่ใช่เซียวลิ่วหลังนี่! เจ้าเป็นใคร”

กู้เจียวเคยพบกับหนานกงลี่สองครั้ง และทุกครั้งที่เจอ นางไม่เคยเปิดเผยตัวตนให้เขาได้เห็น

“นายพลหนานกงตามสืบข้าอยู่มิใช่รึ ไยจะไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร” กู้เจียวเอ่ยพร้อมกับย่างเท้าเข้าไปใกล้อีก

คราวนี้นางใช้เสียงที่แท้จริงของตัวเอง

นี่มัน เสียงเด็กผู้หญิงนี่นา!

“เจ้า…เจ้าคือกู้เจียว!”

หนานกงลี่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบาก!

เขาอุตส่าห์ลงแรงไล่ล่าเจ้าเด็กนั่นมาตลอดทาง กลับกลายเป็นว่าต้องมาเจอกับแม่สาวจากชนบทคนนี้แทน!

หนานกงลี่ที่สืบเรื่องราวของเซียวเหิงมาตลอด จึงพอรู้มาว่าเซียวเหิงเคยแกล้งตายแล้วหลบหนีออกจากเมืองหลวงไปยังชนบท จากนั้นเปลี่ยนชื่อของตัวเองเป็นเซียวลิ่วหลัง จากนั้นก็กลับมาที่เมืองหลวงอีกครั้งเพราะสอบเคอจวี่ได้สำเร็จ และก็มีเด็กสาวที่ชื่อกู้เจียวอาศัยอยู่กับเขา

ว่ากันว่าแม่นางผู้นี้เป็นบุตรสาวตระกูลโหวที่พลัดหลงไปอยู่ชนบทด้วยเหมือนกัน

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก

เขาเป็นนายพลจากแคว้นใหญ่ ขนาดคนระดับฮ่องเต้แคว้นเจาเขายังไม่ไว้หน้า นับประสาอะไรกับบุตรสาวจวนโหวตัวจ้อย

ไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องใส่ใจ

ในเมื่อเซียวลิ่วหลังไม่อยู่ที่นี่ ก็ไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องตามล่าใครอีก! มันสุ่มเสี่ยงมากรู้ไหม!

หนานกงลี่จึงเดินออกไปทันที!

“คิดจะหนีรึ” กู้เจียวยิงเข็มพิษใส่เขาทันที

หนานกงลี่รีบกระโดดแล้วใช้ขายันลำต้นต้นไม้เพื่อพลิกตัวหลบ

“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วรึ!” พอเขายืนมั่นบนพื้นก็หันกลับไปสวนกู้เจียวด้วยความโมโห “เจ้าอยากตายด้วยกันหรืออย่างไร หากฝ่าบาททรงรู้เรื่องที่ข้าแอบเข้ามาในวัง ข้าก็จะฟ้องฝ่าบาทด้วยเช่นกันว่าเจ้าปลอมตัวเข้ามา! จุดจบของเจ้าไม่ได้ดีไปกว่าข้านักหรอก!”

กู้เจียวหักกิ่งไม้ยาวที่อยู่บนศีรษะเพื่อเอามาทำเป็นหอก ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาอาฆาต “คิดหรือว่าข้าจะตายไปพร้อมกับเจ้า เช่นนั้นข้าก็ต้องรีบกำจัดเจ้าทิ้งสินะ จะได้ไม่มีใครเสนอหน้าไปฟ้องฝ่าบาท”

แม่สาวน้อยพ่นอะไรออกมา นี่เขาต้องหูฝาดไปแน่ๆ

ฆ่าเขาอย่างนั้นหรือ

ในวังเนี่ยนะ

นี่นางเอาอะไรมามามั่นใจว่าจะทำเช่นนั้นได้

ต่อให้เขามีแขนเดียว แม่เด็กสาวคนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกันกับมดตัวเล็กที่เขาสามารถบี้ได้สบายๆ !

เพียงแต่ หากเกิดเรื่องในวัง ตัวเขาเองก็เสี่ยงต่อการถูกจับได้เช่นกัน

หากเป็นเจ้าเซียวลิ่วหลัง อย่างน้อยก็คุ้มที่จะเสี่ยง แต่พอเป็นเด็กสาวคนนี้ ช่างเถอะ ไม่คุ้มเอาเสียเลย

เสียงฝีเท้าดังขึ้นไม่ไกล

หนานกงลี่เอ่ยเสียงแข็ง “แม่สาวน้อย อย่าบังคับให้ข้าต้องทำร้ายเจ้า”

“ข้ารู้ดีน่า เพราะฉะนั้น เจ้าต้องไปลงนรกเดี๋ยวนี้!”

เอ่ยจบก็กางมือกระโดดขึ้นฟ้าทำท่าราวกับมังกรผงาด และใช้ทวนที่เพิ่งทำขึ้นใหม่เล็งไปที่หนานกงลี่อย่างไม่รอช้า!

แม้เป็นเพียงแค่กิ่งไม้ แต่ก็สามารถใช้กับกระบวนท่าทั้งหมดที่เรียนมาได้เป็นอย่างดี!

หนานกงลี่เบิกตากว้าง เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

นี่มัน…เพลงทวนของตระกูลเซวียนหยวนไม่ใช่หรือ!