ตอนที่ 847 ทำเรื่องให้แย่ลงกว่าเดิม

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 847 ทำเรื่องให้แย่ลงกว่าเดิม

วันที่ยี่สิบเอ็ด เดือนสี่ รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบแปด อ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยนแห่งต้าเยี่ยนสะสางความเรียบร้อยของแคว้นเว่ยอยู่เกือบเดือน เขาสังหารขุนนางที่มีอำนาจสูงส่ง มอบผลประโยชน์ให้แก่ชาวบ้านแคว้นเว่ย กำจัดราชวงศ์เว่ยอย่างถอนรากถอนโคน เปลี่ยนใช้การปกครองระบอบใหม่ของต้าเยี่ยน ควบคุมสถานการณ์ในแคว้นเว่ยให้สงบด้วยวิธีที่เด็ดขาด ปล่อยให้แม่ทัพเซี่ยสวินอยู่ควบคุมเมืองชางต่อ ส่วนเขาและองค์ชายรองมู่หรงผิงเดินทางกลับไปยังเมืองหลวงของต้าเยี่ยน

วันที่ยี่สิบสาม เดือนสี่ รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบแปด เหลียงอ๋องและฟ่านอวี๋ไหวปิดล้อมวังหลวงไว้หนึ่งเดือนเต็ม ฟ่านอวี๋ไหวบอกกับคนภายนอกว่ากลัวองค์รัชทายาทจะลงมือทำร้ายจักรพรรดิต้าจิ้นเพราะอับจนหนทาง ทว่า เขากลัวว่าหากบุกโจมตีวังหลวงจะพลาดทำร้ายคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงไม่กล้าโจมตีวังหลวง

ทว่า ความจริงแล้วหลี่หมิงรุ่ยเป็นคนเสนอความคิดให้ล้อมวังหลวงเอาไว้เช่นนี้…

เสบียงอาหารในวังหลวงมีไม่มาก ขันทีและนางกำนัลของฮ่องเต้และบรรดาสนมมีมากมาย พวกเขาต้องดื่มกิน บรรดาทหารที่เซี่ยอวี่จั่งพาไปคุ้มกันวังหลวงก็ต้องทานอาหาร ขอเพียงพวกเขาถูกล้อมไว้ในวังหลวงเช่นนี้ ไม่เกินหนึ่งเดือนเสบียงอาหารต้องหมดลงอย่างแน่นอน บรรดาทหารที่คุ้มกันวังหลวงอยู่ต้องอ่อนแรง ถึงเวลานั้นพวกเขาจะยึดวังหลวงได้โดยที่สูญเสียน้อยที่สุด

ทว่า นี่ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วบรรดาทหารที่คุ้มกันวังหลวงไม่ได้มีท่าทีว่าจะขาดแคลนเสบียงอาหารแม้แต่น้อย เหลียงอ๋องเริ่มร้อนใจ หลี่หมิงรุ่ยรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล ปัญหาอาจเกิดที่บรรดาทหารที่ปิดล้อมวังหลวงแห่งนี้อยู่

ครั้งนี้หลี่หมิงรุ่ยร่วมมือกับเหลียงอ๋องก่อกบฏ หากไม่สำเร็จเขาต้องถูกประหารทั้งตระกูลแน่นอน ดังนั้นเขาต้องพยายามอย่างสุดความสามารถ เขาแอบสั่งให้คนของจวนหลี่ไปสืบเรื่องนี้อย่างลับๆ

วันที่ยี่สิบเก้า เดือนสี่ เขาสืบพบว่าแม่ทัพในสังกัดของฟ่านอวี๋ไหวลอบส่งเสบียงอาหารเข้าไปในวังหลวงยามวิกาล เมื่อถูกจับได้พร้อมหลักฐาน แม่ทัพผู้นั้นจึงสารภาพว่าเขาคือคนที่องค์รัชทายาทส่งมาแฝงตัวอยู่ในกองกำลังรักษาพระองค์

หลี่หมิงรุ่ยมองดูฟ่านอวี๋ไหวตัดศีรษะของแม่ทัพผู้นั้นที่นอกกำแพงวังหลวงด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาได้ยินฟ่านอวี๋ไหวตะโกนลั่น “เซี่ยอวี่จั่ง ข้าเคารพที่เจ้าเป็นชายอกสามศอกคนหนึ่ง! หากเจ้ายอมจำนนแต่โดยดี เหลียงอ๋องไม่เพียงแต่จะไว้ชีวิตของเจ้า พระองค์จะให้ความสำคัญเจ้าอีกด้วย มิเช่นนั้นเจ้าอย่าหาว่าข้าไม่เห็นแก่มิตรภาพของสหายร่วมกองทัพเดียวกัน!”

แม่ทัพที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วส่งมาแฝงตัวอยู่ในสังกัดของฟ่านอวี๋ไหวจัดการเรื่องเสบียงอาหารอย่างรอบคอบ เขาส่งเสบียงอาหารไปในวังหลวงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ต่อให้เซี่ยอวี่จั่งจะขอร้องให้เขาเพิ่มจำนวนมากเท่าใด ทว่า แม่ทัพผู้นั้นก็ยังคงส่งไปเพียงเล็กน้อยเพราะกลัวเป็นที่ผิดสังเกตอยู่ดี

นึกไม่ถึงว่าเขาระวังขนาดนี้แล้วก็ยังถูกจับได้อยู่ดี

หากไม่มีเสบียงอาหาร เซี่ยอวี่จั่งคงคุ้มกันวังหลวงตามคำสั่งของฮูหยินฉินได้ต่อไปอีกไม่นานแล้ว

วันที่ไป๋จิ่นซิ่วในชุดเกราะปรากฏตัวออกมาต่อสู้กับกองกำลังรักษาพระองค์ของฟ่านอวี๋ไหวร่วมกับเซี่ยอวี่จั่งที่หน้าประตูอู่เต๋อทำให้พวกของฟ่านอวี๋ไหวตกตะลึงและหวาดหวั่นไปตามๆ กัน

เมื่อขับไล่กองกำลังรักษาพระองค์ให้ถอยทัพไปได้ ไป๋จิ่นซิ่วจึงขี่ม้าไปพบแม่ทัพผู้นั้นที่ประตูทิศใต้ของวังหลวงด้วยตัวเอง หญิงสาวสั่งให้เขาลอบส่งเสบียงอาหารเข้ามาในวังหลวงทุกคืน จากนั้นไป๋จิ่นซิ่วจึงแอบออกไปจากวังหลวงทางประตูทิศใต้ หญิงสาวออกไปติดต่อกับทหารที่ไป๋ชิงเหยียนส่งเข้าไปแฝงตัวอยู่ในกองกำลังรักษาพระองค์คนอื่นๆ หญิงสาวตั้งใจว่าจะควบคุมประตูเมืองหลวงให้ได้ก่อนจึงค่อยกลับไปช่วยจักรพรรดิต้าจิ้นออกมาจากวังหลวง

เพราะหากเซี่ยอวี่จั่งคุ้มกันวังหลวงต่อไปไม่ไหวจริงๆ นางจะปล่อยให้จักรพรรดิต้าจิ้นตกอยู่ในมือของเหลียงอ๋องไม่ได้เด็ดขาด

ผู้ใดจะคิดว่าเมื่อไป๋จิ่นซิ่วควบคุมประตูเมืองหลวงได้อย่างยากลำบากแล้ว จักรพรรดิต้าจิ้นกลับไม่ยอมไปจากวังหลวงเช่นนี้

จักรพรรดิต้าจิ้นกล่าวว่าราชครูเทพเคยกล่าวไว้ว่าไม่มีที่ใดเหมาะสมสำหรับปรุงยาวิเศษไปกว่าวังหลวงที่มีมังกรประทับมานับร้อยปีเช่นนี้อีกแล้ว จักรพรรดิต้าจิ้นจึงไม่ยอมจากไป ทว่า ยังดีที่เขามอบราชโองการลับฉบับหนึ่งให้เซี่ยอวี่จั่งนำไปมอบให้องค์รัชทายาทเพื่อให้องค์รัชทายาทไปตามทัพเสริมมาช่วยเหลือ

เซี่ยอวี่จั่งจนปัญญา เขาทำได้เพียงสั่งให้คนนำราชโองการไปมอบให้ไป๋จิ่นซิ่ว กล่าวว่าตนเองจะอยู่ปกป้องจักรพรรดิต้าจิ้นด้วยชีวิต ขอให้ไป๋จิ่นซิ่วไม่ต้องเป็นห่วง เขาหวังว่าไป๋จิ่นซิ่วจะรีบนำราชโองการลับออกจากเมืองไปขอความช่วยเหลือจากทัพเสริมโดยเร็วที่สุด ถึงเวลานั้นจะได้บุกโจมตีพวกกบฏเหลียงอ๋องทั้งจากด้านนอกและด้านใน

เมื่อไป๋จิ่นซิ่วได้รับราชโองการก็หัวเราะออกมาอย่างโมโห มีคนต้องการสังหารองค์รัชทายาทเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ ทว่า จักรพรรดิต้าจิ้นกลับเอาแต่เป็นห่วงเรื่องการปรุงยาวิเศษจนไม่ยอมหนีออกจากวัง เขาเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร

ทว่า ก็ดีเหมือนกัน จักรพรรดิต้าจิ้นไม่ยอมหนีออกมาจากวังหลวง ฟ่านอวี๋ไหวจะได้นำทัพล้อมวังหลวงไว้เช่นนั้นต่อไป

เซี่ยอวี่จั่งประคองจักรพรรดิต้าจิ้นขึ้นไปบนกำแพงเมือง จักรพรรดิต้าจิ้นด่าทอเหลียงอ๋องที่อกตัญญูคิดก่อกบฏ

ทว่า เหลียงอ๋องแสดงได้ดีมาก เขาคุกเข่าลงหน้าประตูอู่เต๋อ กล่าวว่าตัวเองทำผิดต่อจักรพรรดิต้าจิ้น ปล่อยให้จักรพรรดิต้าจิ้นถูกองค์รัชทายาทบีบบังคับ เขากล่าวว่าแม้จักรพรรดิต้าจิ้นจะขอร้องไม่ให้เขาเอาชีวิตองค์รัชทายาท ทว่า เขาไม่อาจทนเห็นบิดาของตัวเองถูกย่ำยีเช่นนี้ได้ เหลียงอ๋องประกาศกร้าวว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะช่วยจักรพรรดิต้าจิ้นออกไปจากวังหลวงให้ได้

จักรพรรดิต้าจิ้นโมโหจนสลบไป เซี่ยอวี่จั่งได้แต่สั่งให้ทหารแบกจักรพรรดิต้าจิ้นกลับไปรักษายังตำหนัก ฟ่านอวี๋ไหวถือโอกาสนี้ตะโกนลั่นว่าองค์รัชทายาทจงใจกบฏอย่างเห็นได้ชัด มิเช่นนั้นเหตุใดจึงไม่ปล่อยให้จักรพรรดิต้าจิ้นกล่าวต่อ

เหลียงอ๋องแสดงบทลูกกตัญญูได้อย่างสมบทบาท เขาสลัดคราบคนอ่อนแอไร้ความสามารถทิ้งไป จากนั้นลุกขึ้นยืนชี้นิ้วด่าองค์รัชทายาทที่ยืนอยู่บนกำแพงสูง กล่าวว่าหากองค์รัชทายาทกล้าแตะต้องจักรพรรดิต้าจิ้นแม้เพียงปลายเล็บ อย่าหาว่าเขาไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์พี่น้อง

ดังนั้นทหารที่อยู่ในวังหลวงจึงยิ่งเชื่อว่าเหลียงอ๋องต้องการกบฏ…

ส่วนทหารที่อยู่นอกวังหลวงกลับเห็นด้วยกับคำกล่าวของฟ่านอวี๋ไหว เชื่อว่าองค์รัชทายาทเป็นคนบังคับให้จักรพรรดิต้าจิ้นขึ้นไปยืนบนกำแพงสูง มิเช่นนั้นเหตุใดเมื่อจักรพรรดิต้าจิ้นเห็นหน้าเหลียงอ๋องจึงได้ร้องไห้ออกมาอย่างหนักแล้วไม่กล่าวสิ่งใด ไม่แก้ต่างให้องค์รัชทายาทเช่นนี้

พวกเขาคิดกระทั่งว่าจักรพรรดิต้าจิ้นสลบไปเพราะถูกตีจนสลบเนื่องจากเซี่ยอวี่จั่งไม่ต้องการให้จักรพรรดิต้าจิ้นกล่าวสิ่งใดต่ออีก

เดิมทีเซี่ยอวี่จั่งต้องการส่งตัวจักรพรรดิต้าจิ้นออกไปจากวังหลวง ทว่า จักรพรรดิต้าจิ้นไม่ยอม เซี่ยอวี่จั่งจึงคิดแผนให้จักรพรรดิต้าจิ้นขึ้นไปแสดงตัวบนกำแพงเมือง นึกไม่ถึงเลยว่าจะทำให้เรื่องยิ่งแย่ลงเช่นนี้

ฟ่านอวี๋ไหวคือขุนนางที่มีความดีความชอบในการช่วยเหลือจักรพรรดิตอนที่เกิดเหตุการณ์กบฏที่ประตูอู่เต๋อ เหลียงอ๋องแสดงเป็นคนอ่อนแอไร้ความสามารถมาตลอด บรรดาทหารที่อยู่นอกวังหลวงจึงยิ่งเชื่อว่าพวกเขากำลังทำไปเพื่อช่วยเหลือจักรพรรดิต้าจิ้นจริงๆ

เมื่อไป๋จิ่นซิ่วรู้ว่าสายลับที่อยู่ในกองกำลังรักษาพระองค์ถูกจับได้แล้ว หญิงสาวก็รู้ทันทีว่าเสบียงในวังหลวงคงประทังชีวิตได้อีกไม่กี่วันเท่านั้น

บัดนี้ไป๋จิ่นซิ่วอยู่นอกวังหลวง หญิงสาวส่งคนไปสืบแล้วว่าพี่หญิงใหญ่อยู่ที่ใดแล้ว นางทำเช่นนี้ได้…เหลียงอ๋องก็ย่อมทำได้เช่นเดียวกัน ทว่า คนของเหลียงอ๋องเข้าออกเมืองได้ง่ายกว่าคนของนาง ข่าวของเขาคงรวดเร็วกว่านาง

บัดนี้ไป๋จิ่นซิ่วได้แต่จับตามองดูความเคลื่อนไหวของเหลียงอ๋องและฟ่านอวี๋ไหวอยู่ในที่ลับ จากนั้นคาดเดาการกระทำของพวกเขาเพื่อวางแผนรับมือต่อไป

ทว่า โชคดีที่ในมือของนางมีราชโองการลับที่มีลายพระหัตถ์ของจักรพรรดิต้าจิ้นอยู่ นางสามารถนำสิ่งนี้ไปขอให้กองทัพเมืองใกล้เคียงมาช่วยเหลือได้ ไป๋จิ่นซิ่วยังไม่ได้มอบราชโองการลับนี้ให้องค์รัชทายาทและยังไม่คิดใช้มันในตอนนี้

บัดนี้กองกำลังที่สามารถเรียกมาช่วยเหลือที่เมืองหลวงได้มีเพียงกองทัพเติงโจวของผู้ตรวจการเมืองเติงโจวต่งชิงเยว่ที่คุ้มกันชายแดนซีเหลียงอยู่ กองทัพหยางผิงที่ปกป้องชายแดนต้าเยี่ยนและกองกำลังคุ้มกันเมืองหย่วนผิงอีกสามหมื่นนายเท่านั้น

ทว่า การเดินทางจากเมืองหย่วนผิงมายังเมืองหลวงใช้เวลาประมาณสองวันหากขี่ม้าเร็ว บัดนี้ยังไม่รู้แน่ชัดว่าพี่หญิงใหญ่อยู่ที่ใด นางจะรีบเรียกกองทัพหย่วนผิงมาช่วยเหลือในตอนนี้ไม่ได้ หากกองกำลังรักษาพระองค์สู้กองกำลังเมืองหย่วนผิงไม่ได้ สถานการณ์ความวุ่นวายในเมืองหลวงยุติเร็วกว่าที่คิดคงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพวกนางสักเท่าใดนัก

ดังนั้นหากไม่ยังถึงช่วงเวลาคับขันที่เหลียงอ๋องกำลังจะขึ้นครองบัลลังก์โดยที่พี่หญิงใหญ่ยังกลับมาไม่ถึง นางจะเรียกกองกำลังเมืองหย่วนผิงมาเมืองหลวงไม่ได้เด็ดขาด!