บทที่ 864 รู้ข่าว

บทที่ 864 รู้ข่าว

ทันทีที่ลงจากรถไฟก็ได้เจ้าหน้าที่ทั้งสองให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ จนเสิ่นจื่อเจินรู้สึกอึดอัด พอจะปฏิเสธเจ้าหน้าที่จางเจี้ยนกั๋วก็เอ่ยน้ำเสียงจริงจัง

“อย่าเกรงใจกันเลยครับอาจารย์เสิ่น นี่เป็นความช่วยเหลือจากนักเรียนครับ!”

น้ำเสียงจริงจังทำให้พวกเราตกใจอยู่ครู่ เพราะจำไม่ได้ว่าเราพูดเรื่องอาจารย์นักเรียนตอนไหนจากนั้นก็นึกได้ว่าเคยพูดกับเจ้าหน้าที่เสี่ยวโจวมาก่อน ไม่คิดเลยว่าเขาจะไปพูดกับอีกฝ่ายจริง ๆ

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่เกรงใจแล้วล่ะนะ!” เสิ่นจื่อเจินยกยิ้ม

แต่ไม่คิดเลยว่าหลังจากได้คนมาช่วย พวกเขาจะพาเราไปที่รถตำรวจแทน

“สวัสดีครับอาจารย์เสิ่น พวกเรามารับคุณครับ”

ผู้มาใหม่เป็นตำรวจวัย 50 ปี พอเห็นเสี่ยวโจวกับเหล่าจางมาพร้อมกับกลุ่มอาจารย์เสิ่นก็แสดงความเคารพทันที

เสิ่นจื่อเจินไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมารับตนเอง ถ้าคนอื่นเห็นจะคิดว่าพวกเราทำผิดไหมนะ?

เหล่าจางเดินเข้าไปเอ่ยใก้ล ๆ “ทางเรามารับอาจารย์เป็นการพิเศษเลยครับ หัวขโมยที่โดนจับวันนั้นเราส่งตัวมาถึงเมืองหลวงในชั่วข้ามคืนตั้งแต่ป้ายที่สองเลยครับ”

แม้ไม่ได้เอ่ยชัด แต่เสิ่นจื่อเจินเข้าใจได้ว่า ก่อนเรามาถึงมันเป็นปัญหากว่านี้ เพราะฉะนั้นก็เลยส่งคนมาคอยดูแลเป็นพิเศษสินะ

แต่เขาคิดว่ามันไม่จำเป็นเลย เขาเป็นแค่ชาวนาคนนึงเอง จะพึ่งพาการคุ้มครองจากผู้อื่นไม่ได้หรือเปล่า

ซานกงได้ฟังก็เข้าใจ ใบหน้าเขาพลันซีดเผือด ตอนจับหัวขโมยได้ ไม่ได้คิดเยอะเลยสักนิด

ใครจะรู้เล่าว่ามีเรื่องน่ากลัวเกิดขึ้นอยู่เบื้องหลังน่ะ

ยิ่งคิดว่าตลอดการเดินทางอาจารย์เสิ่นพบเจออันตรายแบบนี้ก็รู้สึกแย่ไปหมด

โชคดีที่กลับมาถึงอย่างปลอดภัย ที่นี่คงไม่มีอันตรายหรอกใช่ไหม?

“อาจารย์ขึ้นก่อนเลยครับ!” ฟังจากน้ำเสียงก็รู้แล้วว่าซานกงเป็นนักเรียน

เขารู้จักนิสัยอาจารย์ดี เลยต้องตอบรับก่อนที่แกจะเอ่ยปฏิเสธเสียก่อน

เสิ่นจื่อเจินมองหลานทั้งสอง ก่อนจะก้าวขึ้นรถเป็นคนแรก

“ไม่เคยนั่งรถตำรวจมาก่อนเลยนะ!” เขาเอ่ยแกล้ง

“เรากลับบ้านกันก่อนแล้วกันค่ะ ลุงเขยต้องพักผ่อนให้พอนะคะ เดี๋ยวหนูกลับไปสอบที่มหาวิทยาลัยก่อน”

เสิ่นจื่อเจินเข้าใจโดยปริยาย

แต่เขาคงจะพักไม่ได้นาน เพราะยังมีงานในห้องวิจัยอีกมากมายรอตนเองอยู่

“เดี๋ยวผมไปดูที่ห้องวิจัยนะครับ ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจจะไปหาอาจารย์ที่บ้านเองนะ” ซานกงทำตามความปรารถนาเสี่ยวเถียนทันที

เสิ่นจื่อเจินโดนขัดครั้งแล้วครั้งเล่า เขาได้แต่เสียใจที่ตอบอะไรไม่ได้เลย! แต่ว่าหลาน ๆ ก็ทำเพื่อผลประโยชน์เขาทั้งนั้น จึงทำได้แค่ก้มหน้าก้มตายอมรับ

เสี่ยวเถียนกลับไปที่มหาวิทยาลัยทันที

เธอขาดสอบแค่วันเดียว ส่วนวันอื่น ๆ ยังเข้าร่วมได้ตามปกติ การสอบสามวันติดทำเธอปวดหัวไม่น้อย ไม่ใช่แค่นั่นนะ คนอื่น ๆ เองก็ดูเหนื่อยล้าเช่นกัน

“เพื่อเป็นการฉลองหลังสอบเสร็จ ฉันชวนทุกคนไปกินข้าวที่หออีหมิงดีไหม?” เธอยิ้ม

แต่ทุกคนเอาแต่จ้องมา ไม่ได้กระโดดโลดเต้นอย่างเคย

ท่าทางของเพื่อน ๆ ทำให้เธอแปลกใจ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงไม่ตอบตกลงล่ะ อาหารร้านเธอไม่อร่อยหรือ หรือไม่สนิทกันแล้วเพราะห่างกันไปนาน?

“เสี่ยวเถียน รู้ไหมว่ารุ่นพี่ฉือลาพักการเรียนน่ะ?” จ้างหงเหมยถาม

เสี่ยวเถียนไม่รู้เลยว่าก่อนที่จะกลับมาถึงหนึ่งวัน ฉืออี้หย่วนนั่งเครื่องบินไปเยอรมนีแล้ว

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเธอก็คิดว่าอีกฝ่ายโกหก

“อย่าหลอกกันเลยหงเหม่ย พี่อี้หย่วนจะลาพักเรียนได้ยังไง?”

แม้จะพูดแบบนั้น แต่สีหน้าเสี่ยวเถียนเปลี่ยนไปอย่างมาก เธอเป็นกังวลมากกว่าเดิม หรือจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นเลยทำให้เขาโดนพักการเรียน?

ได้รับบาดเจ็บหรือ?

คุณปู่ฉือป่วย พี่เขาเลยต้องหยุดไปดูแลหรือเปล่า?

ไม่สิ ทุกอย่างน่าจะราบรื่นดีนี่ ไม่ควรมีอะไรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ สุขภาพร่างกายคุณปู่ฉือก็แข็งแรงดีเหมือนกันนะ มีอาหารการกินพร้อม ร่างกายไม่น่ามีปัญหานี่ ราวกับว่ามีม้านับหมื่นตัววิ่งอยู่ในใจ ตอนนี้เธอสับสนไปหมด

เธอปลอบใจตัวเอง แค่พักการเรียนเอง ยังไม่ได้ลาออกเสียหน่อย ไม่เป็นไรหรอก

“เธอไม่รู้จริง ๆ หรือ?” จ้าวหงเหมยไม่คิดว่าเพื่อนจะไม่รู้จริง ๆ

คิดว่าเพื่อนทำทีไม่สนใจเฉย ๆ ถ้ารู้ก่อนคงไม่บอกหรอก

แต่จะเสียใจก็ไม่ทันแล้วละ

“เกิดอะไรขึ้นหงเหมย เธอรู้หรือ?”

หลังกล้ำกลืนความขมขื่นลงไปเสี่ยวเถียนก็เอ่ยต่อ “พอกลับมาถึงฉันก็มามหาลัยเลย ไม่ได้กลับบ้านด้วยซ้ำ”

ไม่น่าแปลกใจที่อีกฝ่ายไม่มาหาเลยสองสามวันมานี้ คิดว่าพี่คงยุ่งเพราะสอบอยู่

แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไป

“ได้ยินว่าเขาไปต่างประเทศน่ะ รุ่นพี่เขาไม่ได้บอกเธอเลยหรือว่าจะไปแลกเปลี่ยน?”

ไม่นะ ไม่เห็นบอกเลย เพราะรู้ดีกว่าอีกฝ่ายไม่ชอบต่างประเทศมากแค่ไหน แล้วคนที่เกลียดแบบนั้นกลับต้องไป เธอไม่อยากจะเชื่อสักนิด

เด็กสาวส่ายหัว

พี่อี้หย่วนตัดสินใจไปตั้งแต่เมื่อไร ทำไมไม่บอกกันเลย?

หรือด่วนตัดสินใจจึงไม่มีเวลาบอก?

ชั่วขณะหนึ่งที่เสี่ยวเถียนร้องไห้ออกมาเงียบ ๆ น้ำตาเม็ดใสไหลรินออกมาจากดวงตากลมคู่งามของเธอ และมันทำให้คนอื่น ๆ เสียใจมาก ไม่ว่าจะปลอบแค่ไหนก็ไร้ความหมาย

เราไม่ใช่เสี่ยวเถียน ไม่ว่าจะพูดแค่ไหนก็ไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกเธอหรอก