บทที่ 865 ชายชราผู้โดดเดี่ยว

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 865 ชายชราผู้โดดเดี่ยว

บทที่ 865 ชายชราผู้โดดเดี่ยว

ย้อนกลับไปสัปดาห์ที่แล้ว

ฉืออี้หย่วนลากกระเป๋าเดินทาง ยืนค้างอยู่ที่ประตูบ้านขณะมองไปยังถนน เขาหวังมากว่าเสี่ยวเถียนจะมาปรากฏตัวให้เห็น แต่ก็รู้ดีว่าตนคงจะไม่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยอีกแล้ว

เด็กสาวที่มีรอยยิ้มน่ารักบนใบหน้าจะไม่อยู่ข้าง ๆ ไปอีกหลายปี เขาไม่อยากไปเยอรมนี ไม่อยากไปอยู่บ้านที่ไม่คุ้ยเคย แต่ทุกอย่างบีบคั้นเขาทั้งนั้น

“เสี่ยวหย่วน ไปเถอะ ไว้ถึงแล้วค่อยเขียนจดหมายมาหาพวกเราก็ได้ หรือจะโทรศัพท์ก็ได้นะ” ฉือเก๋อดูแก่ลงกว่าเดิมหลายปี

เขาเลี้ยงลูกหลานมาตลอดชีวิต แต่สุดท้ายหลานชายคนเดียวก็ยังต้องจากไป คงเป็นไปไม่ได้หากจะไม่รู้สึกเสียใจ

ตรงกันข้ามกับสองสามีภรรยาและลูก ๆ อีกสองคน แต่ละคนมีสีหน้าที่อดทนรนใจไม่ไหว

ไม่รู้มีอะไรให้คุยกันนักหนา?

พูดมาตั้งหลายวันแล้ว ยังไม่จบอีกหรือไง?

หลังฉือเนี่ยนตงได้รับสายตาจากภรรยา เขาก็เดินเข้าไปพูด “พ่อ พวกเราต้องไปแล้ว การเดินทางรอบนี้ล่าช้าไปเยอะมากแล้ว แม้กระทั่งเรื่องเรียนของเด็กสองคนนี้ก็ต้องไล่เรียนตามหลังเขาเหมือนกันนะ”

เขารู้จักพ่อตัวเองเป็นอย่างดี ขอแค่บอกว่าลูกต้องเรียนหนังสือ พ่อจะอดทนได้แน่นอนแม้จะไม่ยินดีเลยก็ได้

ฉืออี้หย่วนมองบิดาด้วยความรู้สึกเฉยชา นี่คือพ่อเขาหรือ คุณปู่เป็นคนให้กำเนิดเขาแทน ๆ แล้วทำไมถึงทำตัวเย็นชาต่อกันได้ขนาดนี้? ไม่แปลกใจที่ไม่ยอมกลับมาหาคุณปู่ตั้งหลายปี

ฉือเก๋อไม่ได้ใส่ใจลูกชายนัก ไม่แม้แต่จะปรายตามองด้วยซ้ำ

เขาพูดกับหลานแค่ว่าเดินทางปลอดภัย จากนั้นก็กลับเข้าบ้านอย่างเอื่อยเฉื่อย

“คุณปู่ดูแลตัวเองด้วยนะครับ ผมจะรีบกลับมานะ!” ฉืออี้หย่วนพึมพำไล่หลัง

“ไปได้แล้วฉืออี้หย่วน เราจะขึ้นเครื่องสายอีกไม่ได้แล้วนะ ไม่รู้หรือไงว่าค่าตั๋วจากจีนไปเยอรมนีมันแพงขนาดไหนน่ะ!” อวี๋ซีเยว่ไม่พอใจ

การเลี้ยงลูกด้วยตัวเองมันดีจริง ๆ นะ กับเด็กที่โตแล้วและเพิ่งมาอยู่ด้วยกัน มันสนิทกันยาก

อวี๋ซีเยว่โยนความผิดให้ฉืออี้หย่วน เราเป็นพ่อเป็นแม่เขาแท้ ๆ ทำไมถึงไม่มีความรู้สึกสนิทชิดเชื้อเลยล่ะ?

แต่ตัวเองก็ลืมไปว่าเป็นตนที่ทิ้งลูกไว้เอง และเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่สนิทกัน

ฉืออี้หย่วนเหลือบมองโดยไม่พูดอะไร

มีอะไรให้พูดกับคนที่ไม่เข้าใจหัวอกกันล่ะ

สิ่งเดียวที่เขาต้องทำคือเรียนจบให้เร็วที่สุด ได้ยินว่ามหาวิทยาลัยต่างประเทศจะต่างจากของบ้านเรา เราสามารถเรียนจบก่อนได้ขอแค่เก็บหน่วยกิตครบก็พอ

เขาต้องรีบเรียนรีบกลับมาให้ไวที่สุด คุณปู่อายุมากแล้ว เขาต้องการคนดูแล เสี่ยวเถียนเองก็โตขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้น้องเป็นสาวแล้ว มีคนรายล้อมเต็มไปหมด เขาก็ควรจะระวังไว้สักหน่อย เมื่อวานคนอื่น ๆ อยากจะมาเจอกันด้วย แต่เขาปฏิเสธ

เขายอมจากไปตัวคนเดียวแบบนี้ดีกว่า

ก่อนไปยังบอกให้สองผู้อาวุโสบ้านซูและบ้านตู้มาอยู่เป็นเพื่อนปู่หลังจากเขาไปด้วย และพวกเขาก็ทำตามที่หลานชายขออย่างดี เดินทางมาถึงบ้านตระกูลฉือทันทีที่เด็กหนุ่มจากไป

ฉือเก๋อนั่งเงียบ ๆ อยู่บนเก้าอี้โยกที่มุมของลานบ้าน ช่างโดดเดี่ยวและอ้างว้างยิ่งนัก

พอเห็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่มาหา ชายชราพยายามยกยิ้มเข้มแข็งให้

“ทำไมมากันที่นี่หมดเลยเล่า? เสี่ยวหย่วนบอกให้มาเรอะ เจ้าเด็กคนนี้ขี้กังวลจริง ๆ ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

พอพูดถึงตรงนี้ก็พูดต่อไม่ออก

จะไม่เป็นอะไรได้ยังไง? นับจากนี้ไปประเทศอันก้าวใหญ่ของเราจะไม่มีญาติทางสายเลือดอยู่กับเขาอีกแล้ว

ลูกหลานไปอยู่ต่างประเทศกันหมด แม้จะรู้ว่าหลานชายคนเดียวจะกลับมาโดยเร็วก็ตาม แต่เขาจะต้องเรียนให้จบก่อน ซึ่งใช้เวลาถึงสามสี่ปีเลย

“เหล่าฉือ หลังจากนี้ย้ายมาอยู่ด้วยกันกับฉันสิ!” ตู้ถงเหอเชิญชวน “ที่บ้านฉันก็อยู่แค่สองคนเอง”

อยู่ตัวคนเดียวในลานบ้านใหญ่ขนาดนี้มีอะไรดีกัน?

บ้านเราอยู่กันสองคนตายายยังเหงาเลย เพิ่มมาอีกสักคนก็ถือว่าอบอุ่นขึ้นด้วย

“ไม่ดีกว่า ฉันคิดว่าอีกสักสองวันจะไปบ้านเหล่าถานสักหน่อย ไปช่วยเขาดูแลเด็ก ๆ น่ะ”

หลายคนรู้สึกไม่สบายใจที่เห็นชายชราเป็นเช่นนี้

หลานชายที่สนิทที่สุดไม่อยู่ด้วยแล้วจะเศร้าก็ไม่แปลกหรอก ก็เลยอยากจะไปดูแลเด็กคนอื่น ๆ น่ะ

หลายวันก่อน สองสามีภรรยาถานเจอเด็กน้อยข้างถนนคนหนึ่งจึงรับเลี้ยงไว้

ต่อมาทั้งสองก็รู้สึกว่ามีแค่คนเดียวมันไม่ค่อยมีความหมายเท่าไร จึงรับมาเพิ่มอีก

เป็นผลให้เขารับเลี้ยงเด็กห้าคนภายในเดือนเดียว มีตั้งแต่อายุสามขวบถึงเจ็ดขวบเลย กลายเป็นกลุ่มหัวไชเท้าน้อยที่มีขนาดต่างกัน

แม้พวกเขาจะยุ่งกันทั้งวัน แต่สมความปรารถนากว่าเมื่อก่อนเยอะ

ตอนนี้ฉือเก๋อจะเสนอตัวไปช่วย ตัวเองอายุก็มากแล้ว เกิดป่วยขึ้นมาจะทำยังไง?

“ลองคิดใหม่ดูเถอะ อยู่ที่นั่นไม่สะดวกสบายหรอกนะ!” คุณปู่ซูแนะนำ

“มีอะไรให้ลำบากเล่า จะแย่กว่าตอนฉันอยู่หงซินอีกเรอะ?”

ได้ยินเช่นนั้น คนอื่น ๆ ก็เงียบลง

เราผ่านความเวลาแห่งความยากลำบากนั่นมาแล้ว มีอะไรให้กลัวอีกล่ะ?

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า จะว่าไปแล้วหลายวันมานี้ยังไม่ได้เจอเสี่ยวเถียนเลยนะ”

เสี่ยวหย่วนทิ้งจดหมายเอาไว้เพราะไม่เห็นเธอ เขาเลยต้องอยู่รอส่งจดหมายให้เธอก่อนจะไปหาเหล่าถานได้

“เสี่ยวเถียนไปมหาวิทยาลัยแล้วน่ะหลังจากกลับมา ย้ายมาอยู่กับเราเถอะ จะได้คึกคักนะ!” ตู้ถงเหอยังคงพยายาม

เขาเป็นห่วงที่จะต้องทิ้งเพื่อนให้อยู่ตามลำพัง ถึงลานบ้านซูจะหลังใหญ่แต่เขามีสมาชิกอยู่กันเยอะ ให้เหล่าฉือมาอยู่กับเขาเป็นการชั่วคราวจะดีกว่า

เราสามคนนั่งดื่มชาสนทนากันก็ดีกว่าด้วย

ตู้ถงเหอไม่ได้เสียใจเท่าไร

หลังจากลูกชายเพียงคนเดียวเสียไป เขาเคยผิดหวังที่ไม่มีใครคอยดูแลพวกเราแล้ว

แต่ดูเหล่าฉือตอนนี้สิ ลูกเยอะแยะมากมายสุดท้ายก็อยู่คนเดียวไม่ใช่หรือ?

เรายังดีมีเสี่ยวเถียน หลานสาวที่กตัญญู แถมยังเป็นเด็กดีอีกด้วย

เด็กคนนี้จะกลับมาเยี่ยมเสมอทุกครั้งที่กลับบ้าน คอยดูแลเรื่องสุขภาพด้วย แถมยังช่วยซักผ้า ดียิ่งกว่าเป็นหลานแท้ ๆ อีก

ไม่ใช่เรื่องไร้ประโยชน์หรอกนะที่เรารักเธอขนาดนี้

“ใช่แล้ว เหล่าฉือ ย้ายไปอยู่กับเหล่าตู้เถอะ มีเพื่อนสักหน่อยยังดีกว่าไม่มีนะ!” คุณปู่ซูสนับสนุนอย่างจริงจัง

สุดท้ายฉือเก๋อก็เอาชนะไม่ได้ และย้ายไปอยู่ด้วยในที่สุด

ลานบ้านตู้ถงเหอไม่ได้เล็ก อยู่กันสามคนก็ยังเห็นเลยว่าว่างเปล่ามาก