บทที่ 894 ฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกร ชิงเทียนเสวียนจี

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 894 ฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกร ชิงเทียนเสวียนจี

ณ อาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม ไม่ทราบว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ลืมตาขึ้น

เขาสร้างพลังวิเศษมหามรรคชนิดใหม่ได้สำเร็จแล้ว

เขาตั้งชื่อพลังวิเศษนี้ว่าฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกร!

ฝ่ามือนี้ร้ายกายยิ่ง ไมว่าจะพลังหรือสรรพสิ่งรวมถึงกฎเกณฑ์ระดับสูงใดๆ ต่างทำลายได้ทั้งสิ้น เป็นพลังทำลายล้างเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทำลายล้างให้สิ้นซาก ไม่อาจฟื้นฟูกลับมาได้

หานเจวี๋ยเริ่มใช้แบบจำลองการทดสอบ ท้าสู้อริยะเทพอวี๋เจี้ยนหนึ่งหมื่นคน ใช้เพียงฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกร

ด้วยพลังเวทอันทรงพลัง เขาทำลายล้างหมื่นอริยะเทพอวี๋เจี้ยนได้ในฝ่ามือเดียว จัดการได้สบายยิ่ง

เขาท้าสู้อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนสองหมื่นคน ต่อสู้ได้ดุเดือดอยู่นาน ในที่สุดก็เอาชนะได้

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็บังเกิดความคิดที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า

ด้วยใช้วิชาผสานร่างจำลองผสานรวมร่างจำลองเทพมารสองพันสี่ร้อยสี่สิบเก้าร่างเข้าไป แล้วใช้สำแดงฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกรอีกครั้ง

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนสองหมื่นคนถูกสังหารในเสี้ยววินาที!

หานเจวี๋ยมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ท้าทายขีดจำกัดของตนอีกครั้ง อริยะเทพอวี๋เจี้ยนสองหมื่นห้าพันคน!

วิชาผสานร่างจำลองประกอบกับฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกร กลายเป็นฝ่ามือทำลายล้างอย่างสมบูรณ์

แต่ก่อนเขาล้วนใช้วิชาผสานร่างจำลองแล้วตามด้วยกระบี่พิพากษาอนธการ แต่สุดท้ายแล้วกระบี่พิพากษาอนธการก็เป็นเพียงสมบัติวิเศษ หากว่าใช้พลังพิเศษผ่านสมบัติวิเศษ จะแข็งแกร่งขึ้นแน่นอน

หานเจวี๋ยตัดสินใจแล้วว่าครั้งหน้าจะสร้างพลังวิเศษมหามรรคที่เกี่ยวข้องกับมรรคกระบี่ขึ้นมาสักแขนง

เหตุผลที่ไม่เอามรรคกระบี่มาใช้เป็นไพ่ตาย นั่นเป็นเพราะมรรคกระบี่ย่อมไม่พ้นจากเหล่าจื่อ

สำนักซ่อนเร้นไหนเลยจะใช้มรรคกระบี่เป็นวิชาประจำสำนักได้!

หานเจวี๋ยใช้แบบจำลองการทดสอบต่อไป

สุดท้ายเมื่อจำนวนของอริยะเทพอวี๋เจี้ยนบรรลุถึงสามหมื่นคน เขาก็ไม่สามารถสังหารในเสี้ยววินาทีได้อีก ทำได้เพียงต่อสู้อย่างดุเดือด แล้วเอาชนะได้ในภายหลังเท่านั้น

ฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกรที่สร้างขึ้นในครั้งนี้ ใช้เวลาหนึ่งร้อยปี ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้เขาพอใจนัก

ฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกรเป็นพลังวิเศษสายฝ่ามือที่เผด็จการที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา!

นับจากนี้ไป นี่จะกลายเป็นยอดวิชาประจำสำนักของสำนักซ่อนเร้น!

หานเจวี๋ยเคลื่อนย้ายไปยังอาณาเขตเต๋าแห่งที่สองทันที เทศนาธรรมให้เทพมารทั้งหมด ถ่ายทอดฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกรให้

เทพมารฟ้าบุพกาลต่างมีกายเนื้อแกร่งกล้าเลิศล้ำ ไม่ต้องพึ่งพาสมบัติวิเศษ ส่วนใหญ่ชมชอบอาศัยกายเนื้อและพรสวรรค์ เหมาะสมกับฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกร

หานเจวี๋ยเริ่มเทศนาธรรม ทำให้เทพมารฟ้าบุพกาลทั้งสี่สิบเก้าตนเข้าสู่สภาวะตระหนักมรรค เริ่มทำความเข้าใจฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกร

หนึ่งร้อยปีให้หลัง หานเจวี๋ยมาที่เขตเซียนร้อยคีรี สั่งให้หานตั้วเทียนคัดเลือกบุตรแห่งสวรรค์ในสำนักซ่อนเร้นมาสิบคน หลายวันต่อมา หานตั้วเทียนพาบุตรแห่งสวรรค์ระดับครึ่งอริยะสิบคนมาพบ พวกเขาต่างเป็นความหวังของสำนักซ่อนเร้น

หานเจวี๋ยเอ่ยให้กำลังใจเล็กน้อย บุตรแห่งสวรรค์ทั้งสิบตื่นเต้นอย่างยิ่ง โขกศีรษะให้ไม่หยุด คารวะท่านบรรพจารย์

เขาได้รับค่าความประทับใจระดับหกดาวเป็นพรวน ทว่าไม่ปรากฏสายลับที่มีระดับดาวต่ำหรือมีค่าความเกลียดชังเลย

พรสวรรค์ของบุตรแห่งสวรรค์เหล่านี้ยังคงด้อยไปเล็กน้อย หานเจวี๋ยเทศนาธรรมหนึ่งพันปี พวกเขาถึงเรียนรู้เป็น

หานเจวี๋ยเอ่ยกำชับเป็นพิเศษ บอกว่านี่คือยอดวิชาประจำสำนัก ห้ามเผยแพร่ต่อภายนอก

บุตรแห่งสวรรค์ทั้งสิบตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม รู้สึกว่าตนได้รับความสำคัญจากท่านบรรพจารย์แล้ว

หลังจากหานเจวี๋ยโบกมือให้พวกเขาถอยออกไปแล้ว ก็ไม่ได้จากไปทันที แต่สอดส่องดูแดนเซียน สังเกตการณ์คนผู้นั้นที่ได้รับพลังจากเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาล

ผ่านมาหนึ่งพันปีกว่า ทารกคนนั้นเติบใหญ่แล้ว กราบเข้าสู่สังกัดเผ่าสวรรค์ กลายเป็นบุตรแห่งสวรรค์ผู้ล้ำเลิศ แม้จะอายุเพียงหนึ่งพันปี ทว่าสำเร็จเป็นจักรพรรดิเซียนแล้ว

จักรพรรดิเซียนอายุพันปี ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันไม่เคยมีปรากฏมาก่อน ชื่อเสียงของเขาจึงแพร่ไปทั่วแดนเซียน

ชิงเทียนเสวียนจี!

นามนี้มิใช่ชื่อแต่กำเนิดของเขา แต่หลังจากเข้าสู่เส้นทางบำเพ็ญก็เปลี่ยนชื่อ เขาถึงขั้นที่ตัดขาดบ่วงกรรมทั้งหมดในโลกมนุษย์ด้วย

ชิงเทียนเสวียนจีเย่อหยิ่งทะนงตัวยิ่ง มีชื่อเสียงโด่งดังในเผ่าสวรรค์ ด้วยการสนับสนุนของเผ่าสวรรค์ เขาได้รับการปฏิบัติด้วยเป็นอย่างดีจากทั้งภพหยินและภพหยาง

ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงพันปี แดนเซียนมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างแล้วว่าชิงเทียนเสวียนจีอาจจะเทียบชั้นกับอริยะสวรรค์เกรียงไกรได้!

อริยะสวรรค์เกรียงไกรพิสูจน์มรรคสำเร็จอริยะได้ตอนอายุสามหมื่นปี ชิงเทียนเสวียนจีก็อาจจะทำได้เช่นกัน! 艾琳小說

เมื่อหานเจวี๋ยทราบเรื่องนี้ ก็อดหัวเราะไม่ได้

มีพลังที่ผู้สร้างมรรคาถ่ายทอดให้ หากว่าเด็กคนนี้ไม่สามารถพิสูจน์มรรคได้ในสามหมื่นปี เช่นนั้นก็เสียเปล่าแล้วจริงๆ

หานเจวี๋ยเริ่มจับตามองชิงเทียนเสวียนจี

ชิงเทียนสวียนจีเข้าร่วมเผ่าสวรรค์ เท่ากับอยู่ในกลุ่มอิทธิพลของเขา คาดว่านี่คงเป็นผลลัพธ์จากการหารือกันของเหล่าอริยะ มิเช่นนั้นเผ่าสวรรค์ไหนเลยจะแย่งตัวชิงเทียนเสวียนจีไปได้

คุณสมบัติของชิงเทียนเสวียนจีเลิศล้ำ แต่อุปนิสัยกลับสุดโต่งมากเช่นกัน ตอนแรกเหล่าอริยะที่ไม่ได้ตัวชิงเทียนเสวียนจียังคงเสียดายยิ่ง แต่ตอนนี้ล้วนยินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่น

ตอนนี้หานเจวี๋ยกำลังมองชิงเทียนเสวียนจีรังแกศิษย์ร่วมสำนักในเผ่าสวรรค์อยู่ คนผู้นี้ท้าสู้จักรพรรดิเซียนนับหมื่นด้วยตัวคนเดียว หลังจากใช้พลังแข็งแกร่งเอาชนะมาได้ ยังเยาะเย้ยสร้างความอับอายให้จักรพรรดิเซียนนับหมื่นด้วย จองหองอย่างที่สุด

จักรพรรดิเซียนที่ถูกเหยียดหยามเหล่านั้นโกรธเคืองทว่าไม่กล้าโวยวาย สู้แพ้เขา จึงทำได้เพียงอดทนไว้

ซึ่งนี่มิใช่ครั้งแรก

“ฮ่าๆๆ จักรพรรดิเซียนอย่างพวกเจ้า มานะฝึกบำเพ็ญมาหลายหมื่นปีแล้วได้แค่นี้ สุดท้ายก็คงกลับสู่สังสารวัฏ กลายเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ไม่ต้องฝึกบำเพ็ญ เผ่าสวรรค์ชุบเลี้ยงพวกเจ้าไว้ จะได้รับประโยชน์กลับมาจริงๆ น่ะหรือ

“หากข้าเป็นบรรพชนสวรรค์ ต้องขับไล่พวกเจ้าลงสู่โลกมนุษย์สามัญแน่นอน เลี่ยงไม่ให้เผ่าสวรรค์ต้องขายขี้หน้า!”

บนเวทีกว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มในชุดสีฟ้าเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย่อหยิ่ง เวทีกินพื้นที่เป็นรัศมีล้านลี้ มีจักรพรรดิเซียนนับหมื่นนอนฟุบอยู่บนเวที แต่ละคนโมโหจนหน้าดำหน้าแดง ตัวสั่นไปหมด

ชายหนุ่มชุดฟ้าก็คือชิงเทียนเสวียนจี รูปโฉมหล่อเหลา รูปร่างสูงโปร่ง คาดสายรัดเอวลูกปัด สวมรองเท้าหุ้มข้อ เกล้าผมสวมกวานครอบวิหคชาด ดูราวกับเทพเซียนที่เดินออกมาจากภาพวาด

ในเวลานี้เอง เทพเซียนเผ่าสวรรค์กลุ่มหนึ่งเหินเข้ามา เซียนหญิงนางหนึ่งในกลุ่มเอ่ยตำหนิ “ชิงเทียนเสวียนจี ห้ามเหยียดหยามสหายร่วมเผ่า!”

ชิงเทียนเสวียนจีปรายตามองนาง เอ่ยเย้ยหยัน “แม่หนูน้อยอย่างเจ้า มีนามว่าอะไรเล่า หากมีฝีมือก็มาประลองกันตัวต่อตัว รอดูเถิดว่าระดับจักรพรรดิเซียนอย่างข้าจะบดขยี้ระดับเทพอย่างเจ้า ให้เซียนหญิงที่วางท่าสูงส่งอย่างเจ้าต้องร้องไห้อ้อนวอนอยู่ใต้เท้าข้า!”

พอเขาเอ่ยประโยคนี้ออกมา เหล่าเทพเซียนที่ห้อมล้อมอยู่รอบตัวเซียนหญิงก็โกรธเคืองขึ้นมา พากันเปิดปากด่าทอ

เผชิญหน้ากับคำด่าทอของเหล่าเทพเซียน ชิงเทียนเสวียนจีกลับไม่โกรธเคืองเลย กลับหัวเราะอย่างจองหองยิ่งกว่าเดิม

“มดปลวกกลุ่มหนึ่ง กล้าแค่ด่าทอ แน่จริงก็เข้ามาสู้กันสักยกเถิด! คอยดูเถอะว่าข้าจะบดขยี้คนจู้จี้น่ารำคาญอย่างพวกเจ้าให้ตายตั้งแต่ไม่ทันได้ผงาด!”

ชิงเทียนเสวียนจีหัวเราะอย่างบ้าคลั่งพลางเอ่ยวาจา ต่อปากต่อคำกับอีกฝ่าย ตัวคนเดียวกลับยืนหยัดได้อย่างมั่นคง

หานเจวี๋ยมองมาถึงตรงนี้ ก็ส่ายหน้าอดยิ้มออกมาไม่ได้

เขาคร้านจะเข้าไปยุ่งด้วย ถึงอย่างไรชิงเทียนเสวียนจีก็มีผู้สร้างมรรคาอยู่เบื้องหลัง

ทว่าเขาก็ไม่ได้รังเกียจรังงอนชิงเทียนเสวียนจีมากเท่าไร ถึงแม้เด็กคนนี้จะปากคอเราะร้าย แต่กลับไม่ได้ลงมือเข่นฆ่าเพื่อนร่วมสำนัก

สิ่งที่ควรค่าให้เอ่ยถึงคือ แม้ว่าชิงเทียนเสวียนจีจะสร้างชื่อด้วยวิธีนี้ ทว่ากลับไม่เคยคร่าชีวิตใดเลยสักชีวิตเดียว แม้แต่หนอนสักตัวก็ไม่เคยฆ่า ดฮณ๊ฯดฯฌซ,

ยามเยาว์วัยเมื่อเด็กคนนี้เห็นดอกไม้ใบหญ้า ล้วนไม่เคยเข้าไปเหยียบย่ำ เหาะได้ก็เหาะข้ามไป ดฮณ๊ฯดฯฌซ,

หากว่ากันในอีกมุมหนึ่ง ชิงเทียนเสวียนจีกลับเป็นคนที่ใสสะอาดที่สุดในโลกนี้

หานเจวี๋ยไม่สอดส่องชิงเทียนเสวียนจีอีก เขาเคลื่อนย้ายไปยังอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม เรียกหานชิงเอ๋อร์เข้ามาในอารามเต๋า

“ท่านพ่อมีเรื่องใดหรือเจ้าคะ”

หานชิงเอ๋อร์เลิกคิ้วเอ่ยถาม สีหน้าฮึกเหิม

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ช่วงนี้ข้าสรรค์สร้างพลังวิเศษชนิดหนึ่งขึ้น วันหน้าจะยกให้เป็นพลังวิเศษประจำสำนักซ่อนเร้น เจ้าอยากเรียนหรือไม่”

หานชิงเอ๋อร์เบะปาก เอ่ยว่า “พลังวิเศษที่เพิ่งสร้างขึ้นจะร้ายกาจแค่ไหนกันเชียว ถ่ายทอดพลังวิเศษที่เก่าแก่โบราณให้ข้าจะดีกว่า”

ยกย่องอดีตหยามหมิ่นปัจจุบัน ต่างมีอยู่ในทุกเผ่าพันธุ์

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มๆ “อยากเข้าไปทดสอบในแดนความฝันดูหรือไม่เล่า”

หานชิงเอ๋อร์ส่ายหน้าระรัว เอ่ยว่า “เรียนเจ้าค่ะ! ข้าจะเรียน!”

หานเจวี๋ยเทศนาธรรมทันที ถ่ายทอดพลังวิเศษให้

สองร้อยปีให้หลัง สิ้นสุดการเทศนาธรรม

หานชิงเอ๋อร์ลืมตาขึ้น สีหน้าตื่นตะลึง

‘บนโลกมีพลังวิเศษเช่นนี้ด้วยหรือ สูงส่งลึกล้ำดุจมหามรรค…’

เมื่อหานชิงเอ๋อร์มองไปที่หานเจวี๋ยอีกครั้ง แววตาเต็มไปด้วยความเคารพเลื่อมใส หานเจวี๋ยเห็นแล้วอารมณ์ดีอยู่ในใจ

………………………………………………………………