บทที่ 895 ความมุ่งหวังของจี้เซียนเสิน บุตรแห่งสวรรค์ผู้จองหอง

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 895 ความมุ่งหวังของจี้เซียนเสิน บุตรแห่งสวรรค์ผู้จองหอง

“ฝ่ามือนี้รุนแรงนัก หากมิใช่ศึกตัดสินเป็นตาย ห้ามใช้ส่งเดช โดยเฉพาะกับศิษย์ในอาณาเขตเต๋า”

หานเจวี๋ยกำชับ ด้วยกลัวหานชิงเอ๋อร์จะใช้มั่วซั่ว

หานชิงเอ๋อร์พยักหน้ารับ ตอบว่า “วางใจได้เลยเจ้าค่ะท่านพ่อ ข้ารู้ขอบเขตดี อีกทั้งข้าก็หาใช่คนโอหังเลินเล่อไม่”

หานเจวี๋ยยิ้มพลางพยักหน้า ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด เขานึกถึงชิงเทียนเสวียนจีขึ้นมา

ความโอหังของชิงเทียนเสวียนจีนับว่ามากที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมา ไม่ทราบเช่นกันว่าเป็นความตั้งใจของเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลหรือไม่

โอหังปานนั้น กลับไม่ปนเปื้อนบ่วงกรรมเลย ประหลาดอย่างยิ่ง

หานเจวี๋ยคิดไปคิดมา ได้มอบสิทธิ์เข้าถึงแบบจำลองการทดสอบให้หานชิงเอ๋อร์ จากนั้นก็อธิบายต่อนาง บอกว่าต่อไปสามารถฝึกฝนพัฒนาฝีมือในแบบจำลองการทดสอบได้

หานชิงเอ๋อร์ตื่นเต้นนัก เข้าใช้ทันที

แบบจำลองการทดสอบในปัจจุบันนี้คัดลอกผู้ทรงพลังไว้มากมาย มีทุกระดับ ทั้งยังมีศิษย์ในสำนักซ่อนเร้นด้วย

หลายชั่วยามต่อมา

หานชิงเอ๋อร์ลืมตาขึ้น เอ่ยด้วยความตื่นเต้น “ท่านพ่อ นี่คือพลังวิเศษใดหรือเจ้าคะ เลิศล้ำโดยแท้! สมจริงยิ่งกว่าแดนความฝันเสียอีก”

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ที่อยู่ในนั้นบ้างก็เป็นศิษย์ของสำนักซ่อนเร้น บ้างก็เป็นศัตรูที่พ่อเคยสู้ด้วย เพียงพอให้เจ้าได้ฝึกฝนไปไม่มีสิ้นสุด”

หานชิงเอ๋อร์พยักหน้ารับ จากนั้นก็หันหลังเดินออกไป กลับไปอยู่ข้างกายมารดา จมจ่อมอยู่ในแบบจำลองการทดสอบต่อ

ท่าทางในตอนนี้ของบุตรีเหมือนคนติดโซเชียลยิ่งนัก แต่หานเจวี๋ยก็ไม่รู้สึกขบขันอันใด ถึงอย่างไรเหล่าศิษย์สืบทอดของเขาเองก็เป็นเช่นนี้ หมกมุ่นอยู่หลายร้อยปี ถึงขั้นที่นานกว่านั้นด้วย ถึงจะกลับมาเป็นปกติได้

หานเจวี๋ยหลับตาลง ฝึกบำเพ็ญต่อ

….

มรรคาสวรรค์ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม

ภายในวังบรรพชนสวรรค์

จี้เซียนเสินจ้องมองเทพเซียนที่อยู่กันเต็มโถงด้วยสีหน้าอึมครึม ล้วนเป็นเทพเซียนในเผ่าสวรรค์ทั้งสิ้น

ถึงแม้เทพเซียนส่วนใหญ่ของเผ่าสวรรค์จะอยู่ในยมโลก แต่เมื่อจี้เซียนเสินพิสูจน์มรรคสำเร็จ พวกเขาก็เริ่มหวนกลับสู่สวรรค์ชั้นที่เก้าในแดนเซียน ชิงดีชิงเด่นกับสำนักวิถีสวรรค์อย่างลับๆ

“ข้าให้พวกเจ้าอบรมสั่งสอนชิงเทียนเสวียนจีดีๆ ยามนี้ก่อเรื่องชวนขันเช่นนี้ขึ้น ผู้ใดในหมู่พวกเจ้าจะเป็นคนรับผิดชอบเล่า”

จี้เซียนเสินกวาดตามองคนทั้งหมด เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เทพเซียนที่อยู่ในห้องโถงมองหน้ากันไปมา ไม่มีผู้ใดตอบรับ

จี้เซียนเสินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “ไปพาชิงเทียนเสวียนจีมา ข้าจะสั่งสอนเขาเอง”

พอเอ่ยไปเช่นนี้ ไม่มีเทพเซียนปฏิเสธเลย พากันขานรับ

จี้เซียนเสินเห็นแล้วหงุดหงิดใจ พลันโบกแขนเสื้อ สื่อให้เหล่าเทพเซียนถอยออกไป

ถึงแม้เผ่าสวรรค์จะใหญ่ ทว่าไม่มีเทพเซียนที่ใช้การได้มากนัก

เขาอดนึกถึงสำนักซ่อนเร้นไม่ได้ จะไปหาหลี่เสวียนเอ้าเพื่อคัดเลือกบุตรแห่งสวรรค์จำนวนหนึ่งมาจากสำนักซ่อนเร้นดีหรือไม่

ทอดสายตามองไปทั่วแดนเซียน มีเพียงรากฐานของสำนักซ่อนเร้นที่หยั่งลึกที่สุด มีบุตรแห่งสวรรค์นับไม่ถ้วน อิทธิพลแผ่ขยายไปทั้งในและนอกมรรคาสวรรค์

หลังจากเหล่าเทพเซียนถอยออกไป จี้เซียนเสินก็หลับตาฝึกบำเพ็ญ

หลายวันต่อมา เซียนคนหนึ่งพาชิงเทียนเสวียนจีเข้ามาในวัง จากนั้นก็ขอตัวลากลับไป

ภายในห้องโถงเหลือเพียงจี้เซียนเสินและชิงเทียนเสวียนจี

จี้เซียนเสินพินิจดูชิงเทียนเสวียนจี ก่อนจะรู้สึกพึงพอใจขึ้นเรื่อยๆ

ต้องกล่าวเลยว่าคุณสมบัติของเด็กคนนี้แข็งแกร่งโดยแท้ อาจจะเทียบชั้นกับท่านอาจารย์ของเขาได้จริงๆ

ชิงเทียนเสวียนจีเอ่ยด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง “อริยะท่านเรียกพบข้าด้วยเรื่องใด หรือคิดจะรับข้าเป็นศิษย์ ข้ากราบอาจารย์แล้ว จะไม่กราบอาจารย์คนที่สองอีก ถึงแม้อริยะท่านจะแข็งแกร่งกว่าท่านอาจารย์ข้า แต่ข้าไม่อาจลืมรากเหง้าได้!”

จี้เซียนเสินยิ้มออกมา เอ่ยว่า “เหตุใดข้าต้องเป็นอาจารย์ของเจ้าเล่า ในเมื่อข้าคือปรมาจารย์ของเจ้า”

ชิงเทียนเสวียนจีตะลึงงัน แม้ว่าเผ่าสวรรค์จะมีอริยะ แต่ก็ไม่ได้สืบสายเดียวกันเสมอไป เขาไม่คิดเลยว่าอาจารย์ของตนจะอยู่ในสายของอริยะด้วย

เขาค้อมกายคำนับทันที เอ่ยว่า “น้อมพบปรมาจารย์”

จี้เซียนเสินเอ่ยถาม “เห็นกันอยู่ชัดเจนว่าเจ้ามีจิตเมตตานัก เหตุใดต้องทำตัวโอหังเย่อหยิ่ง เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของผู้อื่นด้วย”

ชิงเทียนเสวียนจีเงยหน้าตอบว่า “ปรมาจารย์ ข้าแตกต่างไปจากคนพวกนั้นที่อาศัยอำนาจข่มเหงคน รวมถึงรังแกคนอ่อนแอ ตัวข้าชอบพุ่งเป้าไปยังบุตรแห่งสวรรค์ ข้าอยากรู้ว่าบนโลกนี้จะยังมีผู้ใดที่มีพรสวรรค์ทัดเทียมข้าหรือไม่! ”

เขาเอ่ยวาจานี้ออก สีหน้าเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง

จี้เซียนเสินพูดไม่ออกเลย หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่อาจหาญมาพูดจากับอริยะเช่นนี้ คงตายไปนานแล้ว 艾琳小說

เพียงแต่เจ้าเด็กคนนี้ บอกว่าคนอื่นอาศัยอำนาจข่มเหงคน แต่ตัวเองก็อาศัยพรสวรรค์รังแกคนเช่นกัน

“นับจากวันนี้ไป เจ้าต้องอยู่ฝึกบำเพ็ญในอาณาเขตเต๋าของข้าไปหมื่นปี อีกหมื่นปีให้หลังค่อยกลับแดนเซียน”

จี้เซียนเสินเอ่ยอย่างจริงจัง เขามีแผนการแล้ว

เขาต้องการให้ชิงเทียนเสวียนจีเข้าร่วมงานชุมนุมฟ้าบุพกาล!

ถึงแม้เด็กคนนี้จะเริ่มต้นช้า แต่มีคุณสมบัติแข็งแกร่งเหมือนอาจารย์ของเขา กลายเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งแห่งฟ้าบุพกาลได้ในไม่กี่ล้านปี

ชิงเทียนเสวียนจีลังเลเล็กน้อย ยังคงตอบไปว่า “ขอรับ ขอบพระคุณปรมาจารย์”

จี้เซียนเสินโบกมือขวา เบาะกลมใบหนึ่งร่วงลงมาตรงหน้าเขา ชิงเทียนเสวียนจีเข้าใจเจตนา เดินเข้าไปนั่งลง

….

วันเวลาเคลื่อนคล้อยไป หมื่นปีผ่านไปในชั่วพริบตา

หานเจวี๋ยยังอยู่ในระหว่างปิดด่าน แต่ชิงเทียนเสวียนจีออกจากปิดด่านแล้ว

ในระยะเวลาหมื่นปี นอกจากฝึกบำเพ็ญมรรควิถีแล้ว จี้เซียนเสินถ่ายทอดพลังวิเศษให้ชิงเทียนเสวียนจีไม่น้อยเลย

ตบะของชิงเทียนเสวียนจีเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด บรรลุระดับปฐมเทพขั้นหกแล้ว ขาดอีกก้าวเดียวก็จะบรรลุถึงเซียนทองต้าหลัว นี่เป็นเพราะเขาเสียเวลาไปกับการร่ำเรียนและทำความเข้าใจพลังวิเศษไม่น้อยเลย มิเช่นนั้นเขาคงบรรลุเซียนทองต้าหลัวในหมื่นปีได้ไม่ยาก

ชิงเทียนเสวียนจีเหาะออกมาจากวังบรรพชนสวรรค์ เขาเปลี่ยนชุดแล้ว สวมชุดฝึกยุทธ์ บุคลิกเลิศล้ำ แต่มองรูปลักษณ์คนก็รู้สึกได้ถึงความทระนงของบุตรแห่งสวรรค์แล้ว

เขาไม่ได้ออกจากชั้นฟ้าที่สามสิบสามในทันที แต่เตร็ดเตร่ในละแวกนี้ต่อ

ก่อนหน้านี้มาอย่างรีบร้อนเกินไป เขายังไม่เคยสำรวจชั้นฟ้าที่อริยะพำนักอยู่เลย

ชั้นฟ้าที่สามสิบสามกว้างใหญ่ไพศาลอย่างยิ่ง มีอาณาเขตเต๋าหลายสิบแห่ง

ยามที่ชิงเทียนเสวียนจีเหาะไปมาอยู่นั้น ก็ได้พบผู้แสวงมรรคเข้าเป็นครั้งคราว ผู้แสวงมรรคเหล่านั้นล้วนมองเขาด้วยความแปลกใจ

ระดับเทพก็กล้ามายังชั้นฟ้าที่สามสิบสามอย่างนั้นหรือ

รนหาที่ตายโดยแท้!

ผู้บำเพ็ญที่มายังสถานที่แห่งนี้ได้ อย่างต่ำสุดก็เป็นเซียนทองต้าหลัว มิเช่นนั้นก็ไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้มาแสวงหามรรควิถีจากอริยะ

ชิงเทียนเสวียนจีไม่ทราบความคิดของพวกเขา ต่างไม่เข้ารบกวนซึ่งกันและกัน

หลังจากตระเวนไปตามอาณาเขตเต๋าของอริยะทั้งหมดแล้ว ชิงเทียนเสวียนจีก็โน้มตัวพุ่งลงสู่แดนเซียน

เดินทางผ่านสวรรค์สิบกว่าชั้นฟ้า เงาร่างหนึ่งก็โถมเข้ามาหาเขา สกัดชิงเทียนเสวียนจีไว้

เป็นสตรีหน้าตางดงามในชุดกระโปรงเซียนสีแดง ผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็กน้อย บนร่างมีคราบโลหิตเป็นดวงๆ สีหน้าหวาดผวา

“สหายเต๋าโปรดช่วยข้าด้วย!”

สตรีในชุดกระโปรงเซียนเอ่ยกับชิงเทียนเสวียนจีด้วยน้ำเสียงร้อนรน

ชิงเทียนเสวียนจีขมวดคิ้ว

สตรีในชุดกระโปรงเซียนเอ่ยว่า “ข้าคือเทพเซียนในมรรคาสวรรค์ ล่วงเกินศิษย์ของนิกายเจี๋ยเข้า พวกเขาตามล่าสังหารข้าอยู่”

ชิงเทียนเสวียนจีเอ่ยว่า “อ่อ”

“ขอเพียงสหายเต๋ายอมช่วยข้า วันหน้าจะตอบแทนอย่างดีแน่นอน!”

“ไสหัวไป!”

ชิงเทียนเสวียนจีเอ่ยด้วยความหงุดหงิด สตรีในชุดกระโปรงเซียนได้ยินแล้วก็ผงะไป

ในเวลานี้เอง ศิษย์นิกายเจี๋ยสิบกว่าคนเหยียบกระบี่เหินเข้ามา

“นางมาร จะหนีไปไหน!”

ชายวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มถือเจดีย์วิเศษไว้ในมือ ตวาดด้วยความโกรธ

พอสิ้นเสียงเขา มีลำแสงสีเขียวพุ่งออกมาจากเจดีย์วิเศษ มุ่งเข้าหาชิงเทียนเสวียนจีและสตรีในชุดกระโปรงเซียน

ชิงเทียนเสวียนจีเพ่งสายตาเล็กน้อย หันไปมอง ดวงเนตรแนวตั้งตรงหว่างคิ้วลืมตาขึ้นมา แสงสีทองพุ่งออกมาจากดวงเนตร ทำลายล้างแสงสีเขียวจากเจดีย์วิเศษนั้น

“เจ้าเป็นใคร กล้ามาขวางกิจของนิกายเจี๋ย!”

ชายวัยกลางคนตะคอกถามด้วยความโกรธ ศิษย์คนอื่นๆ ของนิกายเจี๋ยพากันหยุดนิ่ง ตั้งท่ารอแล้ว

สตรีในชุดกระโปรงเซียนเอ่ยด้วยความร้อนใจ “สหายเต๋า พวกเขาหมายปองสมบัติวิเศษของข้า ท่านต้องช่วยข้านะ…”

ยังพูดไม่ทันจบดี ชิงเทียนเสวียนจีก็หันไปซัดฝ่ามือใส่ โจมตีนางจนกระอักเลือดกระเด็นออกไป พุ่งทะลุชั้นเมฆ

ชิงเทียนเสวียนจีเอ่ยด้วยสีหน้าเหยียดหยาม “หนวกหู! หากไม่มีฝีมือก็อย่าริอ่านท่องแดนเซียน!”

เขาหันมามองศิษย์นิกายเจี๋ยเหล่านั้น กล่าวว่า “ชีวิตนี้ข้าชิงชังหมาหมู่ข่มเหงผู้อ่อนแอที่สุด วันนี้มาพบข้าเข้า นั่นคือถึงคราวของพวกเจ้าแล้ว ข้าจะให้บทเรียนพวกเจ้าอย่างลึกล้ำ พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันได้เลย!”

………………………………………………………………