บทที่ 896 เจตจำนงถูกกักขัง

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 896 เจตจำนงถูกกักขัง

เมื่อเผชิญหน้ากับชิงเทียนเสวียนจีที่จองหองลำพองตัวเช่นนี้ เหล่าศิษย์นิกายเจี๋ยย่อมโกรธเกรี้ยวเป็นธรรมดา พากันหยิบสมบัติวิเศษออกมา สำแดงเวทโจมตีชิงเทียนเสวียนจี

“มาเลย! วันนี้จะให้พวกเจ้าได้เห็นว่าสิ่งใดที่เรียกว่าพลังไร้พ่าย!”

ชิงเทียนเสวียนจีเอ่ยด้วยรอยยิ้มบ้าคลั่ง ดวงเนตรกลางหว่างคิ้วเปิดขึ้นมาอีกครั้ง แสงเทพสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมาจากดวงเนตรของเขา รวดเร็วสุดขีด ทะลวงผ่านร่างของศิษย์นิกายเจี๋ยทั้งกลุ่ม

วินาทีนั้น ทั่วนภาปกคลุมด้วยเงาแสงเทพวูบไหว เงาแสงทุกสายมีอิริยาบถแตกต่างกันไป ราวกับเป็นกระบวนท่าที่แยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง

ศิษย์นิกายเจี๋ยสิบกว่าคนขยับเขยื้อนไม่ได้ ทั้งหมดล้วนเบิกตากว้าง สีหน้าราวกับไม่อยากจะเชื่อ

ชิงเทียนเสวียนจียิ้มเยาะหยัน ก่อนหันหลังจากไป

เขาเพิ่งลงจากยอดเมฆไป หมอกโลหิตก็ควบรวมเหนือศีรษะ เสียงร้องโหยหวนแว่วระงม

….

ณ อาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม ภายในอารามเต๋า

หานเจวี๋ยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ลืมตาขึ้นเช่นนี้แปลว่าครบหนึ่งแสนปีแล้ว

โลกอนธการขยายตัวอยู่ตลอด ปราณอนธการก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ปราณเทพมารเหล่านั้นแยกตัวออกไปแล้ว ต่างอยู่ห่างกันยิ่ง

หากว่าโลกอนธการสามารถกลายเป็นอนธการที่แท้จริงได้ เทพมารสามพันตนจะก่อกำเนิดได้สำเร็จ บางทีในส่วนลึกของวิญญาณหานเจวี๋ยอาจจะบุกเบิกเริ่มต้นยุคสมัยหนึ่งขึ้นมา

หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเจ้านวฟ้าบุพกาล

ฟ้าบุพกาลที่เขาอยู่หรือจะอยู่ในส่วนลึกของวิญญาณเจ้านวฟ้าบุพกาลเช่นกัน

หากเป็นเช่นนี้ ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว

หานเจวี๋ยสามารถควบคุมทุกซอกมุมในโลกอนธการได้ ถึงขั้นที่สามารถใช้เจตจำนงควบคุมห้วงมิติรวมถึงกฎเกณฑ์อื่นๆ ได้ หากว่ามีเทพมารที่คุกคามเขาได้ปรากฏขึ้นมา แค่เขาใช้ความคิด ก็สามารถใช้โลกอนธการสังหารอีกฝ่ายได้แล้ว

โลกของเขา เขามีอำนาจควบคุมอย่างเด็ดขาด

‘ไม่อาจล่วงเกินเจ้านวฟ้าบุพกาลได้ และไม่อาจทำลายฟ้าบุพกาลได้ เว้นแต่ข้าจะบรรลุระดับผู้สร้างมรรคาแล้ว’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ จากนั้นก็เรียกกล่องจดหมายออกมาตรวจดู

[เต้าจื้อจุนศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารมรรคา] x8921092

[ศิษย์ของท่าน…]

….

[จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[หวงจุนเทียนสหายของท่านเข้าสู่ก้นบึ้งฟ้าบุพกาล]

[เทพมหาทัณฑ์สหายของท่านวิญญาณล่องสู่นอกฟ้าบุพกาล ตระหนักในความหมายที่แท้จริงแห่งฟ้าบุพกาล พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[โจวฝานศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[จอมเทพข่งเซวี่ยสหายของท่านเข้าสู่แดนบรรพกาล]

[จอมเทพข่งเซวี่ยสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ เจตจำนงถูกกักขัง]

….

ระยะนี้แวดวงสหายเริ่มเกิดคลื่นลมแล้ว มีคนได้รับบาดเจ็บมากมาย

หานเจวี๋ยถูกความเคลื่อนไหวของเทพมหาทัณฑ์ดึงดูดความสนใจ ออกไปนอกฟ้าบุพกาลแถมยังตระหนักในความหมายที่แท้จริงแห่งฟ้าบุพกาล นี่มันเรื่องอะไรกัน

ไม่ง่ายเลยกว่าเทพมหาทัณฑ์จะได้กลายเป็นผู้นำดวงจิตมหามรรค เหตุใดถึงไม่ฝึกบำเพ็ญอย่างสงบ ยังออกไปตะลอนอีกหรือ

ว่ากันตามจริง หานเจวี๋ยยังคงชมชอบเทพมหาทัณฑ์ยิ่งนัก มีเทพมหาทัณฑ์อยู่ ฟ้าบุพกาลก็คงสงบสุขไปอีกนานนัก

หากว่าเป็นเช่นนี้ต่อไปได้เรื่อยๆ ต่อให้หานเจวี๋ยก้าวข้ามระดับผู้สร้างมรรคาไปแล้ว ก็ไม่มีทางแตะต้องเทพมหาทัณฑ์ ปล่อยให้เขาดำรงตำแหน่งผู้นำดวงจิตมหามรรคต่อไป

หานเจวี๋ยสังหรณ์ใจอย่างน่าประหลาดว่าการกระทำนี้ของเทพมหาทัณฑ์จะทำให้เกิดเหตุพลิกสถานการณ์!

เฮ้อ!

ไม่สนแล้ว!

หานเจวี๋ยตรวจดูจดหมายต่อไป

จอมเทพข่งเซวี่ยวิ่งโร่ไปที่แดนบรรพกาล นี่เป็นเพราะเหตุใดกัน

หานเจวี๋ยจดจำไว้ในใจ

หลังจากตรวจดูจดหมายเสร็จ เจตจำนงของหานเจวี๋ยก็พุ่งขึ้นไปเหนือฟ้าบุพกาล เขาเริ่มสอดส่องฟ้าบุพกาล ทอดสายตาไปยังแดนบรรพกาล

จากมุมมองกว้างๆ จากฟ้าบุพกาล แดนบรรพกาลอยู่ห่างจากมรรคาสวรรค์ไม่ไกล ล้วนอยู่ในอาณาเขตของนักพรตเต๋าเสินเผา ดฮณ๊ฯดฯฌซ,

แดนบรรพกาลลึกลับอย่างยิ่ง เป็นหนึ่งในสถานที่ปิดกั้นการสอดส่องในฟ้าบุพกาล

หานเจวี๋ยมองสำรวจแดนบรรพกาลอย่างละเอียด ต้องการมองให้ทะลุแดนบรรพกาล

แดนบรรพกาลคล้ายจะถูกหมอกดำกลุ่มหนึ่งปกคลุมอยู่ มองเห็นหางอันหนึ่งกำลังสะบัดส่ายอย่างเลือนราง แต่ก็ดูคล้ายภาพมายา

‘ในแดนบรรพกาลมีสิ่งใดกัน ไม่น่าเชื่อว่าจะกักขังเจตจำนงของอริยะมหามรรคได้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นยอดมหามรรคกระมัง’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

หากไม่มียอดมหามรรค ก็ไม่สามารถปิดกั้นการสอดส่องของยอดมหามรรคได้

สังเกตการณ์อยู่พักหนึ่ง เจตจำนงของหานเจวี๋ยก็กลับสู่กายเนื้อ

เขาเคลื่อนย้ายจากอาณาเขตเต๋าแห่งที่สามมายังเขตเซียนร้อยคีรี โบกมือขวา เคลื่อนย้ายซูฉี จี้เซียนเสิน หลงเฮ่า หลี่เสวียนเอ้า หานอวี้ ฉินหลิง ฟางเหลียงและหยางเทียนตงมายังอารามเต๋า

มิติในอารามเต๋าของที่นี่ได้รับการขยับขยายแล้ว เพียงพอจะรองรับคนมากมายขนาดนี้ได้

เมื่อเหล่าอริยะลืมตาขึ้น มองเห็นหานเจวี๋ย ก็ตกใจรีบคุกเข่าลงทันที

ในใจพวกเขารู้สึกตกตะลึงยิ่ง

พวกเขาทราบว่าหานเจวี๋ยแข็งแกร่งยิ่ง แข็งแกร่งกว่าพวกตนมากนัก แต่ไม่คิดเลยว่าจะพวกตนจะถูกพาตัวมายังอารามเต๋าของหานเจวี๋ยโดยไม่ทันรู้ตัว นี่มันเกินไปแล้ว

หานเจวี๋ยเอ่ยขึ้นว่า “วันนี้จะถ่ายทอดพลังวิเศษให้พวกเจ้า พลังวิเศษนี้ข้าสร้างขึ้นเพื่อสำนักซ่อนเร้น ห้ามแพร่งพรายต่อภายนอก และห้ามแพร่งพรายต่อศิษย์ของพวกเจ้าด้วย หากพบเข้า ข้าจะจัดการพวกเจ้า”

พอเอ่ยวาจานี้ออกไป เหล่าอริยะมีท่าทีจริงจังขึ้นมา พากันรับประกัน

ในใจพวกเขาเกิดความคาดหวัง พลังวิเศษที่ทำให้หานเจวี๋ยเอ่ยกำชับอย่างเคร่งครัดเช่นนี้ได้ ต้องเลิศล้ำแน่

หานเจวี๋ยเริ่มเทศนาธรรม

ร้อยปีให้หลัง เมื่อเหล่าอริยะได้สติขึ้นมา ต่างพบว่ากลับมาอยู่ในอาณาเขตเต๋าของตัวเองแล้ว

พวกเขานึกย้อนถึงฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกร ก็อดที่จะตื่นตะลึงไม่ได้

เป็นพลังวิเศษที่ทรงพลังนัก!

จิตใจของพวกเขาเร่าร้อนขึ้นมา เคารพยำเกรงในตัวหานเจวี๋ยยิ่งกว่าเดิม

อีกด้านหนึ่ง ในอาณาเขตเต๋าหลัก หานเจวี๋ยยังคงไม่จากไป แต่กำลังสอดส่องแดนเซียนอยู่

หนึ่งแสนปีผ่านไป ชิงเทียนเสวียนจีเป็นครึ่งอริยะแล้ว แต่ยังไม่ได้พิสูจน์มรรค

สาเหตุเป็นเพราะช่วงนี้มรรคาสวรรค์ยังไม่มีตำแหน่งอริยะเพิ่มขึ้น ชิงเทียนเสวียนจีถือกำเนิดในมรรคาสวรรค์ เติบใหญ่ในมรรคาสวรรค์ จะต้องอาศัยดวงชะตามรรคาสวรรค์เพื่อสำเร็จอริยะ

หานเจวี๋ยกลับต่างออกไป ในอดีตเขาฝึกบำเพ็ญในอาณาเขตเต๋ามาโดยตลอด ทรัพยากรทุกอย่างได้มาจากระบบ ยามที่ดวงชะตามรรคาสวรรค์ถ่ายทอดมาหาเขา เขาก็จะสะกดเอาไว้ในโลกอนธการ

ส่วนพวกเต้าจื้อจุนและโจวฝานต่างออกจากมรรคาสวรรค์ไป แสวงหาโอกาสวาสนาด้วยตัวเอง อาศัยพลังพิสูจน์มรรค

ชิงเทียนเสวียนจีก็อยากออกจากมรรคาสวรรค์เช่นกัน แต่เหล่าอริยะไม่ยอมปล่อยไป คุณสมบัติของเด็กคนนี้ยอดเยี่ยมเกินไป จะปล่อยให้โลกอื่นๆ ชิงตัวไปไม่ได้

พวกเขาเกลี้ยกล่อมปลอบใจชิงเทียนเสวียนจี บอกว่าหากมีตำแหน่งอริยะจะมอบให้เขาแน่นอน

ชิงเทียนเสวียนจีถูกโน้มน้าวอยู่หลายครั้ง ทำได้เพียงรอคอยต่อไป

ต่อให้ตำแหน่งอริยะใหม่จะปรากฏขึ้นเร็วแค่ไหนก็ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งเช่นกัน ตอนนี้ชิงเทียนเสวียนจีทนรอไม่ไหวแล้ว

หานเจวี๋ยเห็นตอนที่ชิงเทียนเสวียนจีปลอมแปลงตัวอยู่พอดี มุ่งหน้าไปยังเมืองฟ้าบุพกาล ต้องการเดินทางผ่านเส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาลออกไป

ชิงเทียนเสวียนจีเป็นครึ่งอริยะแล้วพลังเวทที่ใช้ปลอมแปลงย่อมแกร่งกล้า มีเพียงอริยะที่มองออก จนใจที่ยามนี้มีอริยะจับตามองเขาอยู่ตลอด

เทพสูงสุดหนานจี๋มาขวางเขาไว้ พาเขาไปยังอาณาเขตเต๋าของตน พูดคุยกับเขาอย่างเป็นมิตร สนทนาธรรมกับเขา ถ่วงเวลาเอาไว้

ชิงเทียนเสวียนจีไม่สะดวกจะหักหน้าอีกฝ่าย ทำได้เพียงกัดฟันสนทนาธรรมต่อไป

หานเจวี๋ยเห็นฉากนี้แล้วขบขันยิ่งนัก

‘เห็นทีว่าคนพวกนี้อยากให้เขาเข้าร่วมงานชุมนุมฟ้าบุพกาลกระมัง’

หานเจวี๋ยคิดขึ้นมาเงียบๆ ว่าเขาไม่คิดจะรับชิงเทียนเสวียนจีไว้เป็นศิษย์ บ่วงกรรมของเด็กคนนี้ยิ่งใหญ่เกินไป ใหญ่จนเขาไม่กล้าเผยเรื่องนี้ต่อเหล่าอริยะ

แต่เขาก็ไม่มีทางปล่อยให้ชิงเทียนเสวียนจีได้ครอบครองความโดดเด่นในงานชุมนุมฟ้าบุพกาล

หากเป็นเช่นนั้น ไยจะมิใช่เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลวางหมากได้ถูกต้องแล้วหรอกหรือ

หากรอจนชิงเทียนเสวียนจีได้เป็นตัวแทนของมรรคาสวรรค์ชนะจนได้ตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุคมาครอง ชื่อเสียงและตำแหน่งของอีกฝ่ายจะทะยานขึ้นอย่างฉับพลัน ไม่แน่ว่าอาจจะกลายเป็นผู้กุมอำนาจในมรรคาสวรรค์ด้วย หากว่าหานเจวี๋ยคิดจะใช้คุกสวรรค์อนธการกับอีกฝ่าย เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลจะต้องรับรู้ถึงได้แน่

ก่อนที่จะบรรลุถึงระดับผู้สร้างมรรคา หานเจวี๋ยไม่อาจแตะต้องชิงเทียนเสวียนจีตรงๆ ได้

ดังนั้นเขาต้องคิดหาทางอื่น!

ให้เจียงเจวี๋ยซื่อยืนเหนือกว่าชิงเทียนเสวียนจี!

ชาตินี้เจียงเจวี๋ยซื่อยังอายุไม่ถึงร้อยล้านปี มีคุณสมบัติพอจะเข้าร่วมงานชุมนุมฟ้าบุพกาล

หานเจวี๋ยกลับมายังอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม เริ่มเข้าฝันเจียงเจวี๋ยซื่อ

………………………………………………………………