ตอนที่ 858 แพร่หลาย

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 858 แพร่หลาย

“แม่ทัพหลิวกล่าวว่ากล้าใช้ชีวิตของตัวเองรับประกันว่าฮ่องเต้ไม่ได้จะนำชีวิตของเด็กเหล่านี้ไปปรุงยา ทว่า เหตุใดแม่ทัพจึงกล้าใช้ชีวิตของตัวเองรับประกันกัน! เด็กๆ คืออนาคตของแคว้นในวันข้างหน้า ผู้ใดจะรู้ว่าวันข้างหน้าแม่ทัพยอดฝีมือหรือเสนาบดีคนเก่งของแคว้นจะมาจากเด็กเหล่านี้หรือไม่ ชีวิตของแม่ทัพหลิวเพียงคนเดียวมีค่ากว่าชีวิตของเด็กหนึ่งพันคนนี้อย่างนั้นหรือ! เหตุใดท่านจึงกล้ากล่าวออกมาว่าจะใช้ชีวิตของตัวเองรับประกันกัน!”

ใบหน้าของหลิวหงตึงเครียดยิ่งกว่าเดิม เขากล่าวสิ่งใดไม่ออกแม้แต่คำเดียว

“อำนาจของราชวงศ์อย่างนั้นหรือ! ถึงเวลานั้นราชวงศ์ใช้อำนาจต้องการชีวิตเด็กเหล่านี้ จักรพรรดิต้องการชีวิตของเด็กเหล่านี้! การตายของแม่ทัพหลิวจะทำให้เด็กเหล่านี้ฟื้นคืนชีพได้อย่างนั้นหรือ!” ไป๋ชิงเหยียนถามเสียงเย็น “แม่ทัพหลิวลืมไปแล้วหรือว่าตอนนั้นเหลียงอ๋องเคยใช้เด็กปรุงยาวิเศษให้ฮ่องเต้มาก่อน พวกเราล้วนรับรู้การกระทำของเหลียงอ๋อง ทว่า ผู้ใดเป็นคนสั่งให้เหลียงอ๋องทำกัน! เหตุใดฮ่องเต้จึงปกป้องเหลียงอ๋อง แม่ทัพหลิวลืมไปแล้วอย่างนั้นหรือ!”

“แม่ทัพอย่างพวกเราทำสงครามไปเพื่อสิ่งใดกัน เพื่อปกป้องคุ้มครองชาวบ้าน! ทว่า ท่านดูสิ ท่านดูสิ่งที่อยู่ตรงหน้าท่านสิ!” ไป๋ชิงเหยียนชี้ไปทางชาวบ้านที่มีสีหน้าโกรธแค้นทั้งน้ำตา “พวกเขาคือชาวบ้านที่พวกเราสละชีวิตปกป้องเอาไว้ ทว่า ฮ่องเต้กลับไม่เห็นค่าชีวิตของพวกเขา ไม่เห็นค่าชีวิตของเด็กเหล่านี้ หากท่านทอดทิ้งชาวบ้านโดยไม่สนใจใยดีเพียงเพราะหวาดกลัวอำนาจของราชวงศ์ ท่านจะมีหน้าไปพบสหายที่เสียชีวิตไปแล้ว มีหน้าไปพบเหล่าทหารที่เสียชีวิตในสนามรบได้อย่างไร!”

น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนหนักแน่นและดังกังวาน หลิวหงเกือบคล้อยตามถ้อยคำของหญิงสาว

“แม่ทัพหลิวรู้ดีว่าข้าว่าฮ่องเต้ของพวกเราเป็นคนเช่นไร พระองค์เห็นแก่ตัว ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง…”

“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว!” หลิวหงเอ่ยขัดคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียน ตวาดเสียงดังลั่นด้วยแววตาวาวโรจน์ “ท่านอย่าลืมว่าท่านคือขุนนางของแคว้นต้าจิ้น! คือองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่ฝ่าบาททรงพระราชทานแต่งตั้งขึ้นมา!”

“ข้าไม่เป็นองค์หญิงเจิ้นกั๋วแล้ว!” ไป๋ชิงเหยียนโยนแส้ในมือทิ้ง จากนั้นหันไปเผชิญหน้ากับหลิวหงซึ่งๆ หน้า “ทายาทตระกูลไป๋ถูกสอนให้รักและปกป้องชาวบ้านตั้งแต่เกิด กองทัพไป๋จะไม่ถอดเกราะออกจนกว่าตัวตายเพราะต้องการให้ชาวบ้านมีชีวิตอยู่อย่างไร้ความกังวลในใต้หล้าที่มีแต่ความสงบสุข พวกข้าไม่ได้ทำเพื่ออำนาจของราชวงศ์ใดทั้งสิ้น! ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อยอมตายเพื่อชาวบ้านที่จ่ายภาษีเลี้ยงดูพวกเรามา ไม่ใช่เพื่อราชวงศ์! ผู้ใดทำร้ายชาวบ้านเหล่านี้ ผู้นั้นคือศัตรูของไป๋ชิงเหยียน คือศัตรูของตระกูลไป๋และกองทัพไป๋ทั้งกองทัพ!”

บรรยากาศระหว่างหลิวหงและไป๋ชิงเหยียนตึงเครียดและดุเดือดขึ้นมาทันที

ชาวบ้านที่คุกเข่าอยู่ขอร้องไป๋ชิงเหยียนอยู่ที่พื้นมองออกทันทีว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ทุกคนต่างเงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียน…ดวงตาคลอไปด้วยน้ำตาและแสงแห่งความหวัง องค์หญิงเจิ้นกั๋วกำลังปกป้องพวกเขาด้วยชีวิต!

บรรพบุรุษของชาวบ้านทุกคนในต้าจิ้นต่างกล่าวว่าตระกูลไป๋คือกระดูกสันหลังของแคว้นต้าจิ้น กล่าวว่าตระกูลไป๋คือคือเสาหลักของแคว้น กล่าวว่ากองทัพไป๋คือกองทัพที่รักและปกป้องชาวบ้านอย่างแท้จริง

“องค์หญิงเจิ้นกั๋วท่านจะ…จะ…” หลิวหงไม่กล้ากล่าวคำว่า “กบฏ” ออกมาเพราะเขาไม่แน่ใจว่าทหารยอมจำนนของต้าเหลียงแสนกว่านายรวมถึงหยางอู่เช่อที่เดินทางกลับมาต้าจิ้นด้วยจะฟังคำสั่งของเขาหรือไม่

ไม่…ทหารยอมจำนนเหล่านี้ไม่มีทางฟังคำสั่งของเขา แค่ดูจากปฏิกิริยาของหยางอู่เช่อเมื่อครู่ก็รู้แล้วว่าหยางอู่เช่อฟังคำสั่งขององค์หญิงเจิ้นกั๋วเพียงคนเดียวเท่านั้น

“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว!” นายอำเภอเมืองชุนมู่เขย่งปลายเท้าชะโงกคอยาวตะโกนเรียกไป๋ชิงเหยียนผ่านกลุ่มทหารที่นั่งอยู่บนหลังม้าสูงของหยางอู่เช่อ “องค์หญิงเจิ้นกั๋ว กระหม่อมคือนายอำเภอของเมืองชุนมู่ กระหม่อมขอเข้าเฝ้าองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนที่ยืนเอามือไขว้หลังหันไปมองทางประตูจวนว่าการ จากนั้นกล่าวขึ้น “ให้เขาเข้ามา!”

หลิวหงได้แต่ข่มความโกรธอยู่ในใจ ทว่า เขามีตัวคนเดียวอีกทั้งไม่กล้าบีบจนองค์หญิงเจิ้นกั๋วกล่าวคำว่ากบฏออกมา เขาจึงได้แต่ยืนคิดว่าควรทำเช่นไรต่อไปดีอยู่ด้านข้าง

นายอำเภอชุนมู่เบี่ยงกายหลบดาบคมของหยางอู่เช่อ จากนั้นเดินแขม่วท้องผ่านช่องว่างเล็กๆ ระหว่างทหารเข้ามาด้านในจวนว่าการ จากนั้นสะบัดชายชุดนั่งคุกเข่าทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน

“องค์หญิงเจิ้นกั๋วได้โปรดวินิจฉัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ เมืองหลวงมีราชโองการสั่งให้กระหม่อมรวบรวมเด็กชายและหญิงจำนวนร้อยคนส่งไปยังหอบูชาเก้าชั้นก่อนวันที่สี่ เดือนห้า! ทว่า เมืองชุนมู่ของเราไม่มีเด็กมากขนาดนั้นจริงๆ กระหม่อมและแม่ทัพหลี่ผู้คุ้มกันเมืองรวบรวมเงินซื้อตัวเด็กมาอีกสิบกว่าคนแล้ว ทว่า พวกเราคงส่งเด็กเหล่านี้ไปหอบูชาเก้าชั้นไม่ทันวันที่สี่ เดือนห้าแน่พ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมใช้เงินที่มีทั้งหมดขอร้องให้ทางการมารับตัวเด็กเหล่านี้ช้าลงสักหน่อย ทางการจึงตกลงว่าขอเพียงออกเดินทางในช่วงบ่ายวันนี้ พวกเขาจะช่วยแก้ต่างให้พวกกระหม่อมต่อหน้าพระพักตร์พ่ะย่ะค่ะ บัดนี้เหลือเพียงแค่เด็กสองคนที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วช่วยชีวิตไว้เท่านั้น พวกเราก็จะออกเดินทางได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

นายอำเภอเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน “กระหม่อมไม่เป็นห่วงชีวิตของตัวเอง กระหม่อมแค่กลัวว่าหากฝ่าบาทพิโรธขึ้นมา ชาวบ้านเมืองชุนมู่จะพลอยเดือดร้อนกันไปหมดพ่ะย่ะค่ะ”

ระหว่างเดินทางมาที่นี่นายอำเภอรู้เรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนช่วยชีวิตเด็กสองคนนั้นที่นอกเมืองหมดแล้ว

“องค์หญิงเจิ้นกั๋วคงไม่ทราบว่านอกจากเมืองชุนมู่แล้ว เมืองหลงหยาง เมืองผู่เหวิน เมืองโยวฮว่าต่างก็ต้องรวบรวมเด็กจำนวนหนึ่งร้อยคนส่งไปเช่นเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ เมื่อนายอำเภอและแม่ทัพคุ้มกันเมืองหลงหยางขัดขืนราชโองการ พวกเขาไม่เพียงถูกขุนนางที่มาประกาศราชโองการตัดศีรษะเท่านั้น ครอบครัวของพวกเขาก็โดนด้วยเช่นกัน ชาวบ้านเมืองหลวงหยางที่พาเด็กหนีไปตอนกลางคืนถูกจับตัวกลับไปได้ จากนั้นพวกเขาและเพื่อบ้านละแวกเดียวกันล้วนถูกประหารทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ!” นายอำเภอกล่าวถึงตรงนี้ก็ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด เขาเสียใจมากจริงๆ

“ฝ่าบาทยังมีราชโองการเกณฑ์บุรุษที่ร่างกายกำยำและอยู่ห่างจากเมืองหลวงไม่เกินหนึ่งร้อยลี้ไปช่วยสร้างหอบูชาเก้าชั้นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ทรงรับสั่งให้บุรุษเหล่านั้นเดินทางไปถึงในเวลาที่กำหนดมิเช่นนั้นเขาและครอบครัวต้องตายสถานเดียว ชาวบ้านถูกสังหารไปจำนวนไม่น้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

หลิวหงเบิกตาโพลง เขากำมือที่ไขว้อยู่ทางแน่นจนสั่น เหตุใดจึงใช้วิธีที่โหดร้ายกับชาวบ้านถึงเพียงนี้กัน!

กฎบ้านเมืองเช่นนี้ถูกยกเลิกไปนานแล้วเพราะมันโหดร้ายและรุนแรงเกินไป ทว่า บัดนี้กลับแพร่หลายขึ้นอีกครั้งในแคว้นต้าจิ้น

“กระหม่อมคิดว่าฝ่าบาทอาจไม่ได้จะนำเด็กเหล่านี้ไปปรุงเป็นยาวิเศษจึงตัดสินใจส่งเด็กเหล่านี้ไป แม้ความหวังจะมีเพียงน้อยนิด ทว่า ก็ยังดีกว่าชาวบ้านทั้งเมืองถูกประหารพ่ะย่ะค่ะ” นายอำเภอกล่าวถึงตรงนี้ก็คลานเข่าไปด้านหน้า จากนั้นก้มศีรษะคำนับชาวบ้านที่ซ่อนลูกหลานของตัวเองไว้ทางด้านหลัง “ข้าทำผิดต่อทุกท่าน ข้าเป็นนายอำเภอของเมืองนี้ ทว่า ข้าไม่สามารถปกป้องเด็กๆ ของเมืองชุนมู่ไว้ได้”

สิ้นเสียงของนายอำเภอ จู่ๆ ก็มีเสียงเด็กคนหนึ่งเอ่ยเรียกบิดาของตัวเอง จากนั้นวิ่งเข้ามาหานายอำเภอ

ชาวบ้านจึงนึกออกว่าเด็กชายอายุเจ็ดปีผู้นั้นคือบุตรชายของนายอำเภอ!

เมื่อนายอำเภอเห็นหน้าบุตรชายของตัวเอง น้ำตาของเขาไหลพรากทันที เขากอดบุตรชายของตัวเองพลางร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด จากนั้นกล่าวกับชาวบ้าน “ที่ข้าซื้อตัวเด็กเหล่านั้นไม่ใช่เพราะต้องการนำมาแทนที่บุตรชายของข้า ทว่า เป็นเพราะเด็กในเมืองชุนมู่ของเรามีไม่เพียงพอจริงๆ”

เด็กชายวัยเจ็ดขวบร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของนายอำเภอ กลุ่มเด็กที่ถูกซื้อตัวมายืนนิ่งอยู่ด้านข้างอย่างทำตัวไม่ถูกเพราะพวกเขาไม่มีบิดามารดามาปลอบใจ