“เอาล่ะค่ะพ่อ” ปาจรีย์ถือกล่องพยาบาลขึ้น แล้วดึงแขนเสื้อของคุณพ่อประสิทธิ์เบาๆ “พ่ออย่าไปสนใจเขาเลยค่ะ”
เธอส่ายหน้าให้คุณพ่อประสิทธิ์ ความหมายในสายตาชัดเจนมาก ว่าเขาไม่ใช่ศัตรูของพงศกร
ยิ่งไปกว่านั้น ครอบครัวเขามีเรื่องบุญคุณความแค้นกับพงศกรอยู่แล้ว ตอนนี้ยังเป็นช่วงให้พงศกรปล่อยพ่อเขาไปอีก
และคาดว่าต่อไป เรื่องราวคงจะจบยากขึ้น
ถึงแม้ว่าระหว่างการแข่งขันกับพงศกรในใจของคุณพ่อประสิทธิ์ จะไม่อยากพ่ายแพ้ก่อน แต่เขาก็ไม่อยากให้ลูกสาวผิดหวัง
ดังนั้นท้ายที่สุด คุณพ่อประสิทธิ์ก็ได้แต่ถอนหายใจ ตอบตกลง
“พ่อคะ เรามานั่งทางนี้กัน ฉันจะทายาให้” ปาจรีย์ชี้ไปที่เก้าอี้สองตัวที่อยู่ไม่ไกล
คุณพ่อประสิทธิ์อืมเพื่อตอบรับ “ได้สิ ไปกัน”
สองพ่อลูกมาถึงที่เก้าอี้
หลังจากนั่งลง ปาจรีย์ก็เริ่มเปิดกล่องยา
เมื่อเห็นของด้านใน เธอก็รู้สึกยากลำบากขึ้นมาทันที เพราะเธอไม่รู้ว่าของพวกนี้ใช้ยังไง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือใช้อันไหนก่อน อันไหนใช้ทีหลัง ไม่รู้จริงๆ
เมื่อคุณพ่อประสิทธิ์เห็นลูกสาวจ้องค้างมองของด้านในกล่องยา ก็พอจะเข้าใจได้ ตบที่ไหล่ลูกสาว “ช่างเถอะปาจรีย์ ลูกดูสิ เลือดไม่ไหลแล้ว”
พูดอยู่ เขาก็เปิดมือ ให้ปาจรีย์ดู
เป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ เลือดไม่ค่อยไหลแล้ว
แต่รอยแตกของผิวหนังยังอยู่ เลือดที่ไหลอยู่ก่อนหน้านี้ ก็จับตัวกันเป็นก้อนเลือกอยู่บนนั้น เห็นแล้วน่ากลัวมาก
ปาจรีย์ส่ายหัวแล้วพูด “ไม่ได้ค่ะ ช่างไม่ได้ ถ้าแผลติดเชื้ออักเสบขึ้นมาจะทำยังไง?”
รอยแตกนั้น ใหญ่มากด้วย
และผิวที่ข้อนิ้ว ก็แตกหมด
เพราะฉะนั้น ไม่พันผ้าไว้ไม่ได้
เมื่อมองท่าทางแน่วแน่ของลูกสาว คุณพ่อประสิทธิ์รู้สึกอุ่นใจ
เพราะลูกสาวห่วงใยเขา มีความกตัญญู
“เอาแบบนี้แล้วกันค่ะ ไปตามหมอ” คุณพ่อประสิทธิ์แนะนำ
ปาจรีย์กัดริมฝีปาก “ก็ได้เท่านี้แหละค่ะ”
พูดจบ เธอก็กอดกล่องยาแล้วยืนขึ้น เตรียมจะออกไป
ทันใดนั้น พงศกรที่เอาแต่มองไปนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่หันหน้ากลับมา แล้วเอ่ยปากขึ้น “ฆ่าเชื้อก่อน แล้วค่อยพันแผล”
“ห้ะ?” เมื่อได้ยินที่เขาพูด ปาจรีย์ก็หยุดฝีเท้าลง
พงศกรที่เข้าใจว่าปาจรีย์ได้ยินไม่ชัด จึงเม้มปากแล้วพูดอีกครั้ง
ปาจรีย์ยังคงเหมือนเดิม สายตามองค้าง “คุณ……คุณกำลังสอนฉันทำแผลเหรอ?”
พงศกรนัยน์ตาเป็นประกาย แล้วไม่พูดต่อ
คุณพ่อประสิทธิ์พ่นลมอย่างเย็นชา “ปาจรีย์ ลูกพูดอะไรเหลวไหล เขาจะสอนลูกงั้นเหรอ?เขาแทบจะอยากให้ครอบครัวเราตายไปเลยสิดี จะมาใจดีได้ยังไง”
เมื่อได้ยินที่คุณพ่อประสิทธิ์พูด พงศกรก็ขมวดคิ้ว
ตายไปทั้งครอบครัว?
ที่แท้ ตระกูลสวนจันทร์ ก็มองเขาแบบนี้นี่เอง
คุณพ่อประสิทธิ์ที่ไม่รู้ว่าพงศกรกำลังคิดอะไรอยู่ ก็โบกมือใส่ปาจรีย์ “ปาจรีย์ ไปตามหมอเถอะ อย่าไปสนใจเขาเลย”
“เดี๋ยวค่ะพ่อ” ปาจรีย์ส่ายหน้า ไม่ไป แต่กลับนั่งลง มองที่พงศกร “คือ……คุณหมอพงศกรคะ เมื่อกี้นี้คุณ สอนฉันว่าต้องทำยังไงจริงๆ ใช่ไหมคะ?ถ้าหากว่าริง ช่วยวานคุณสอนต่อหน่อยได้ไหมคะ?”
พูดจบ เธอก็โค้งคำนับให้เขา
เมื่อคุณพ่อประสิทธิ์เห็นภาพนี้ ก็ร้อนใจ รับจับปาจรีย์ขึ้น “ปาจรีย์ลูกทำอะไร ลูกกำลังขอร้องเขาเหรอ?”
“พ่อคะฉัน……”
ขณะที่ปาจรีย์กำลังอธิบายว่าตัวเองไม่ได้ขอร้องเขา แต่ไหว้วาน
พงศกรก็เอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง “ใช้เบตาดีนก่อน หรือแอลกอฮอล์ เอามือของพ่อเธอ ทำความสะอาดก่อน”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ปาจรีย์ก็ตาเป็นประกาย ยิ้มให้พงศกร “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะคุณหมอพงศกร”
พูดจบ เธอครุ่นคิดใหม่อีกครั้ง หลังจากนั้นก็หาแอลกอฮอล์กับเบตาดีนตามที่เขาบอก
ตรงข้าม คุณพ่อประสิทธิ์มองพงศกรอย่างประหลาดใจ ในสายตามีแต่ความไม่เข้าใจ “ไอ้หนุ่ม……”
ไอ้หนุ่มนี่ ไม่คิดเลยว่าจะสอนปาจรีย์ทำแผลให้เขา พระอาทิตย์ขึ้นทิศตะวันตกเหรอ?
“แอลกอฮอล์……เบตาดีน?” ปาจรีย์หาไป และพูดพึมพำไป
แต่เธอไม่รู้จักเบตาดีน แต่เธอรู้จักแอลกอฮอล์ แต่ที่นี่เหรอ เหมือนจะไม่มีแอลกอฮอล์
และขณะที่ปาจรีย์กำลังจะบอกว่าไม่มีแอลกอฮอล์นั้น พงศกรที่อยู่บนเตียง ทันใดนั้นก็ถอนหายใจอีกครั้ง “ขวดที่ซ้ายมือเธอนั่นแหละ คือเบตาดีน”
“ซ้ายมือ?” ปาจรีย์ชะงัก หลังจากนั้นก็มองไปที่ซ้ายมือตัวเอง เห็นด้านในขวดแก้วเล็กๆ เป็นน้ำสีน้ำตาลดำ หยิบขึ้นมา แล้วให้เขาดู “อันนี้เหรอ?”
“อืม” พงศกรตอบกลับเสียงนิ่งๆ
ปาจรีย์เอียงหัวมองขวดเบตาดีนสักพัก “ทำไมถึงเป็นสีนี้ล่ะ เห็นแล้วอย่างกับยาพิษ”
เมื่อได้ยินที่พูด คุณพ่อประสิทธิ์ก็กระแอม “ไม่แน่อาจจะเป็นยาพิษก็ได้ เขาอยากทำร้ายพ่อ”
เขาชี้ไปที่พงศกร
เป็นครั้งแรกที่พงศกรรู้สึกได้ว่าอาการหมดคำพูดคืออะไร ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูด “ถ้าผมอยากทำร้ายคุณ คุณไม่มีชีวิตอยู่แบบนี้หรอก ผมเป็นหมอ มีวิธีเยอะแยะที่ทำให้พวกคุณหายไปอย่างไร้ร่องรอย”
“นาย ……” คุณพ่อประสิทธิ์โกรธ
“พ่อคะ” ปาจรีย์ดึงแขนเสื้อของคุณพ่อประสิทธิ์อีกครั้ง แล้วส่ายหน้าให้คุณพ่อประสิทธิ์ สื่อว่าอย่าไปว่าเขา
ถึงแม้เธอก็ไม่ค่อยชอบพงศกรเหมือนกัน แต่เธอก็ต้องยอมรับ ว่าที่พงศกรพูดคือความจริง
หมอ สามารถเข้าถึงยาและการใช้สารเคมีเป็นจำนวนมาก
ดังนั้น หมอจึงสามารถทำได้ ที่จะทำให้คนคนหนึ่ง หายไปอย่างเงียบๆ และใครก็ไม่สามารถตามหาเจอ
แต่นี่เพราะอะไร เมื่อเธอได้ยินเขาให้เธอไปหาของเพื่อมาฆ่าเชื้อที่มือพ่อนั้น ถึงได้ไม่สงสัยอะไรสักอย่าง แล้วไปหา
คิดอยู่ ปาจรีย์ก็มองไปที่คุณพ่อประสิทธิ์ “พ่อคะ เขาพูดถูก ถ้าเขาอยากทำแบบนี้กับเราจริง พวกเราคงตายไปนานแล้วจริงๆ
คุณพ่อประสิทธิ์เงียบขรึม ไม่พูดอะไร
เขาเองก็ไม่ใช่คนที่โง่จริง ไม่มีทางที่จะไม่รู้เรื่องนี้
แค่เพราะเขาเห็นว่าสิ่งที่พงศกรพูดออกมามันไม่น่าฟัง เลยโกรธแบบนี้เท่านั้นเอง
ปาจรีย์ตบลงบนมือของคุณพ่อประสิทธิ์ แล้วพูดอีก “แล้วก็พ่อคะ พ่อคิดว่า หมอจะเอายาพิษ มาวางไว้ที่ห้องผู้ป่วยแบบสุ่มสี่สุ่มห้าเหรอคะ?ถึงต่อให้เขาโกหกเราจริง ว่าข้างในไม่ใช่เบตาดีน มันก็ไม่ใช่ยาที่เอาไว้ทำร้ายคนหรอกค่ะ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกังวลนะ”
คุณพ่อประสิทธิ์ถอนหายใจอีกครั้ง “เอาล่ะๆ ”
บนเตียงผู้ป่วย พงศกรก็มองปาจรีย์อย่างประหลาดใจมากเช่นกัน คิดไม่ถึงอย่างเห็นได้ชัด ว่าเธอจะพูดแทนเขา
เขาที่เดิมที่คิดว่า จะลืมเขาแล้ว ลืมปาจรีย์ที่รักเขา และทำได้แค่ให้เขาเป็นคนแปลกหน้า เป็นศัตรู
แต่ไม่คิดเลยว่า เธอจะพูดแทนเขา
พงศกรกลับตาลง เพิ่อปิดบังอารมณ์ในสายตา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เปิดจุกออก ใช้ก้านสำลีจุ่มลงไปในน้ำ แล้วเช็กรอบปากแผลพ่อเธอเบาๆ เช็ดเสร็จ แล้วใช้สเปรย์ที่ขวามือเธอ พ่นลงที่ปากแผล”
เขาพอจะเข้าใจแล้ว เธอแยกชื่อยาไม่ออก
ดังนั้นพูดง่ายๆ ว่า ยาอยู่ตรงไหน หลังจากนั้นแล้วบอกให้เธอทำตามก็พอแล้ว
“เดี๋ยวก่อน คุณพูดช้าลงหน่อย” ปาจรีย์ไม่ได้คาดหวัง ว่าเขาจะพูดขั้นตอนถัดไปในทันที สักพัก ยังไม่ทันได้เตรียมดี ดังนั้นตอนนี้จึงลนขึ้นมา หักจุกขวดไป แล้วหาสเปรย์ที่เขาบอกไป
เมื่อพงศกรเห็นเธอเป็นแบบนั้น ทันใดนั้นก็ถอนหายใจอีกครั้งเบาๆ “ลนอะไร ทีละอย่างสิ หักจุกขวดก่อน แล้วฉันค่อยพูดอย่างหลัง”
ปารจีย์ก็รู้ว่าที่ตัวเองลนเมื่อกี้นี้ ทำให้เขาเหนื่อยใจ ลนด้วยความอาย อายจนหน้าแดง เสียงเบาราวกับแมลงพูด “ขอโทษด้วยค่ะ”
พงศกรไม่พูดอะไร พูดแค่ว่า “ยังไม่หัก?ให้ฉันหักไหม?”
“ฉันหัก ฉันหัก” ปาจรีย์รีบพยักหน้า หลังจากนั้นจึงไปหักขวด
คุณพ่อประสิทธิ์มองที่พงศกร พ่นเสียงเย็นชาอย่างไม่พอใจ “นายจะดุทำไม ปาจรีย์ไม่ใช่หมอ มีที่ไหนที่จะทำเป็นโดยที่นายไม่ต้องบอก?”