บทที่ 877 มีเรื่องปิดบัง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 877 มีเรื่องปิดบัง

บทที่ 877 มีเรื่องปิดบัง

กู้ซินเถากล่าวด้วยความภาคภูมิใจ น้ำเสียงที่เรียกท่านพี่หย่วนอ่อนโยนและดูสนิทสนม ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองจะดีมาก

เมื่อกู้ฉวนลู่ได้ยินสิ่งนี้ ก็พลันรู้สึกโล่งใจ “ซินเถา เจ้าเป็นเด็กดี แต่นี่เป็นเรื่องของพ่อ เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ และไม่ต้องรบกวนนายน้อยเจียงหรอก”

มันไม่คุ้มที่จะรบกวนเจียงหย่วนด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ ครั้นกู้ซินเถาได้ยินว่ากู้ฉวนลู่บอกให้ทั้งสองอยู่กันดี ๆ ใบหน้าของนางก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดง “ท่านพ่อ”

ใบหน้าของนางแดงก่ำเหมือนลูกท้อสุก ท่าทางของนางเขินอาย

เมื่อกู้ฉวนลู่เห็นใบหน้าแดงก่ำของกู้ซินเถา เขาเข้าใจโดยธรรมชาติว่าตอนนี้ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่น และมันทำให้เขารู้สึกสบายใจมาก

เขาทนทุกข์ทรมานจากความโกรธของเถ้าแก่หวัง และสักวันหนึ่งเขาจะระบายความคับแค้นนี้ออกมา

อีกฝ่ายก็เป็นเพียงเจ้าของร้านอาหารไม่ใช่หรือ ในอนาคต ตนเองจะเป็นถึงพ่อตาของนายน้อยเจียง มาดูกันว่าเถ้าแก่หวังจะทำอะไรกับเขาได้

กู้ฉวนลู่รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อหันไปมองกู้จือเหวิน ใบหน้าของเขาดูอ่อนโยนขึ้น

จากนี้ไปลูกชายของเขาจะเป็นขุนนาง จากนี้ไปเมื่อเถ้าแก่หวังเจอเขา จะต้องเขามากอดขาประจบสอพลออย่างแน่นอน

ยิ่งกู้ฉวนลู่คิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้นราวกับว่าเถ้าแกหวังกำลังก้มศีรษะคำนับเขา

“สามี แต่อวี้เจิ่นมาจากร้านจิ่นฝู และแย่งกิจการทั้งหมดของเจ้าไปแล้ว” ซุนซื่อถามหลังจากได้ยินสิ่งนี้

กู้ฉวนลู่พยักหน้าตอบรับ และพูดด้วยความโกรธ “อวี้เจิ่นนั้นคือมันเทศ ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกับทองนึ่งจากร้านซุ่นซิน ตอนนี้ร้านซุ่นซินไม่มีของในคลังสินค้าเลย จะซื้อก็ไม่สามารถซื้อได้ เถ้าแก่หวังต้องการยืมอวี้เจิ่นจากร้านจิ่นฝู และทำอาหารชนิดเดียวกันออกมา เผื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นมาบ้าง” กู้ฉวนลู่ถอนหายใจ เกลียดอีกฝ่ายจนอยากให้ตายตกไปเสีย

ในเวลานั้น ตนเองเตือนเถ้าแก่หวังว่าอย่าขายมันเทศ ห้ามขายมันเด็ดขาด แต่อีกฝ่ายไม่ฟังเลยแม้แต่น้อย

หลังจากวางขายออกไป ครั้นเมื่อเกินปัญหา ตอนนี้เอาแต่มาโทษกู้ฉวนลู่ที่ไม่พยายามหยุดตนเองในเวลานั้น ดังนั้นจึงขายสิ่งมีค่าออกไปในราคาถูกแสนถูก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภายหลัง ได้เรียนรู้ว่าตราบเท่าที่มันเทศนี้ถูกเก็บไว้อย่างเหมาะสม มันก็เก็บได้เป็นระยะเวลาหนึ่งปี

หนึ่งปี…

พวกเขากังวลว่ามันเทศเหล่านั้นจะเน่าเสีย แบบนั้นพวกเขาจะไม่กังวลได้อย่างไร

เถ้าแก่หวังเสียใจอย่างสุดซึ้ง แต่เมื่อเห็นว่าร้านจิ่นฝูเต็มไปด้วยลูกค้าทุกวัน และในทุกวันร้านซุ่นซินมีลูกค้าเพียงประปราย เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เถ้าแก่หวังก็เกลียดมัน

เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า วันหนึ่งตนเองจะจับกู้เสี่ยวหวานมา และหลอกล่อนางมาที่ร้านของเขา

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าผู้หญิงคนนี้คือข่าวดี

เมื่อไม่มีกู้เสี่ยวหวานอยู่ ความนิยมของร้านจิ่นฝูจะตกต่ำลง และเมื่อนั้นร้านซุ่นซินก็ยังสามารถแข่งขันกับร้านจิ่นฝูได้

แต่เวลานี้ ร้านจิ่นฝูได้ครอบครองลูกค้าที่มีชื่อเสียงและมีอำนาจเกือบทั้งหมดในเมืองหลิวเจีย

สำหรับร้านอาหารอื่น ๆ นอกจากครอบครัวธรรมดาแล้ว บางคนก็เป็นลูกค้าที่มาจากต่างเมือง

ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะอธิบายว่าน่าสงสาร

ครั้นได้ยินแบบนี้ ซุนซื่อก็กล่าวว่า “เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร? เจ้าบอกว่ามันเทศนี้เป็นสิ่ง เดียวกับอวี้เจิ่นในร้านจิ่นฝูหรือ”

“จะไม่ใช่ได้อย่างไร” กู้ฉวนลู่ถามกลับอย่างโกรธเคือง

ทันใดนั้น ซุนซื่อก็นึกบางอย่างขึ้นได้ สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “นั่น…”

แต่หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางก็ก้มหัวลงและหยุดพูดทันที

กู้ฉวนลู่เห็นท่าทางการแสดงออกนาง เมื่อเห็นว่านางมีความสุขอยู่ชั่วขณะหนึ่งก่อนจะก้มศีรษะลง เขาจึงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย

เมื่อเห็นว่าซุนซื่อดูเหมือนมีสิ่งใดจะพูด กู้ซินเถาจึงเอ่ยโดยไม่คิดว่า “ท่านแม่ ท่านมีวิธีดี ๆ อะไรก็พูดออกมาเลย”

กู้ฉวนลู่เหล่มองซุนซื่อด้วยสายตาเย็นชา

ซุนซื่อรู้สึกคลุมเครือเล็กน้อยในหัวใจ และโทษตัวเองที่พูดขัดจังหวะในเมื่อครู่

แต่ตอนนี้สายเกินไปแล้วที่จะปิดปากเงียบ

การแสดงออกของซุนซื่อเต็มไปด้วยความลังเล และท่าทางของนางก็ไปกระตุ้นความโกรธของกู้ฉวนลู่ “พูดในสิ่งที่เจ้าต้องการพูดเร็วเข้า อย่ามาอึกอัก”

ซุนซื่อตกใจจนจะตกเก้าอี้

หลังจากผ่านพ้นปีใหม่มา นางก็รับรู้ถึงอารมณ์ของกู้ฉวนลู่เป็นอย่างดี ถ้าไม่พูดตอนนี้เกรงว่าจะถูกเขาตำหนิเอาได้ในภายหลัง

ซุนซื่อเรียบเรียงคำพูดในใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความอึกอัด

แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พลันคิดได้ว่าตนเองต้องการจะพูดสิ่งใด จากนั้นพูดว่า “เมื่อสองสามวันก่อน ข้าเคยได้ยินหลิวชิงซานพูดบางอย่างออกมาหลังจากการดื่ม”

“พูดอะไร” อีกสามคนถามพร้อมกัน พร้อมจ้องมองไปยังซุนซื่อ

ใบหน้าของซุนซื่อยังดูปกติไม่เปลี่ยนแปลง แต่ฝ่ามือกับจิกลงบนแขนเสื้อแน่น เพราะเกรงว่าหากแสดงท่าทีผิดปกติออกไป ทุกคนจะสังเกตเห็น

“เขาบอกว่าเขาขายของบางอย่าง และทำเงินได้มากมาย” ซุนซื่อกล่าว “ข้าได้ยินว่าเขาทำเงินได้มากมาย เมื่อคิดถึงในช่วงเวลานี้ เขาใช้ชีวิตและกินดื่มที่บ้านเราโดยไม่เสียเงิน ตอนที่เจ้าให้เงินเขา และข้าคิดจะขอเงินคืนจากเขา แต่พอข้าเอ่ยปาก เขากลับไม่ยอมตกลง”

“หึ ไอ้เศษสวะนั่น เงินอยู่ในกระเป๋าของเขา เจ้าคาดหวังว่าเขาจะคายมันออกมาให้เจ้าอย่างนั้นหรือ!” กู้ฉวนลู่ตะคอกอย่างเย็นชา

ทันใดนั้น ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างได้ “เจ้าพูดว่าอะไรนะ เขาขายสินค้าบางอย่างหรือ? สิ่งนั้นคืออะไร?”

ซุนซื่อส่ายศีรษะ “ข้าไม่ได้ถาม และเขาก็ไม่ได้พูดด้วย”

“เจ้ามันโง่เง่าเสียจริง” กู้ฉวนลู่รู้สึกเสียใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าซุนซื่อซื่อไม่รู้ว่ามันคืออะไร “แล้วเขาพูดอะไรอีก”

ซุนซื่อแสร้งทำเป็นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นส่ายหน้า “วันธรรมดา ข้าไม่ได้คุยอะไรกับเขา นั่นคือสิ่งที่เขาพูดเองหลังจากดื่มเหล้าที่โต๊ะอาหารในย็นวันนั้น”

กู้ฉวนลู่พยักหน้า

หลิวชิงซานหายตัวไปอย่างลึกลับ

หูปาก็หายตัวไปอย่างอธิบายไม่ได้เช่นกัน

กู้ฉวนลู่รู้สึกเพียงว่ามีความเชื่อมโยงที่อธิบายไม่ได้ระหว่างสองคนนี้ การหายไปของทั้งสองคนน่าจะเกิดจากเหตุผลเดียวกัน

กู้ฉวนลู่เรียนหนังสือมาบ้าง ดังนั้นสมองของเขาจึงมีความยืดหยุ่นมากกว่าคนอื่นโดยธรรมชาติ

เมื่อนึกถึงการถามทุกคนในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา พวกเขาไม่รู้ว่ามันเทศนี้คืออะไร แต่มีเพียงครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานเท่านั้นที่มีมันเทศนี้