บทที่ 878 ปรึกษาเกี่ยวกับการใส่ความนาง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 878 ปรึกษาเกี่ยวกับการใส่ความนาง

บทที่ 878 ปรึกษาเกี่ยวกับการใส่ความนาง

หูปาเป็นเพียงพ่อค้าหาบเร่ที่เดินทางไปทั่วอาณาจักร เขามีความสามารถที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้อย่างไร ไม่เคยรู้ว่าเขาซื้อมันเทศมาจากที่ไหน และนำไปส่งขายที่เมืองหลิวเจีย

ครั้นนึกถึงสิ่งนี้ กู้ฉวนลู่ก็นึกถึงความเป็นไปได้

เป็นไปได้หรือไม่ว่า มันเทศนี้เป็นของครอบครัวของกู้เสี่ยวหวาน?

เมื่อกู้ฉวนลู่นึกถึงความเป็นไปได้นี้ เขาเกือบจะกระโดดขึ้นด้วยความตกใจ

เมื่อคิดว่าหลิวชิงซานเคยอาศัยอยู่ในบ้านของกู้เสี่ยวหวานมาระยะหนึ่ง ถ้าบ้านของกู้เสี่ยวหวานมีมันเทศนี้ หลิวชิงซานจะต้องเคยเห็นมันมาก่อนอย่างแน่นอน และเขาจะต้องรู้วิธีการกินมันโดยธรรมชาติ

หลิวชิงซานรู้เรื่องเกี่ยวกับครอบครัวของกู้เสี่ยวหวาน และต้องรู้ด้วยว่าครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานปลูกมันเทศ มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่เขาจะเป็นหัวขโมยที่ขโมยมันเทศจากบ้านของกู้เสี่ยวหวาน และจากนั้นก็ไปพบหูปาเพื่อคุยเรื่องข้อแลกเปลี่ยนกัน

จากนั้นตนเองก็ซื้อมันเทศมาจากหูปา

ในเวลานั้น กู้ฉวนลู่ยังคงรู้สึกแปลก ๆ เหตุใดหูปาคนนี้ถึงปฏิเสธที่จะไปที่ร้านจิ่นฝู ร้านอาหารที่ดีที่สุดในเมืองหลิวเจีย นั้นเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่กล้าไป และกลัวกู้เสี่ยวหวานจะรู้ว่ามันเทศที่บ้านถูกขโมยไป การที่ตนเองได้รับของมาจากหูปา เช่นนี้แล้วหูปาไม่ได้กำลังหันปลายดาบมาใส่ตัวเองหรอกหรือ

ครั้นนึกถึงสิ่ง กู้ฉวนลู่ก็คิดออกแล้ว

ตอนนั้นเองที่กู้ฉวนลู่ตระหนักว่า กู้เสี่ยวหวานถึงพูดอย่างมีเลศนัยในตอนนั้น และตัวเองจึงถามกู้เสี่ยวหวานว่า นางสงสัยว่าเขาขโมยมันเทศของนางไปหรือ?

นางพยายามจะตรวจสอบว่าตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับหูปาและหลิวชิงซานที่ขโมยมันเทศจากบ้านนางหรือเปล่า

กู้ฉวนลู่รู้สึกประหลาดใจ แต่โชคดีที่เขาไม่ได้พูดอะไรในเวลานั้น

และเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

ถ้าเขารู้ว่าสิ่งนี้ถูกขโมยมาจากบ้านของกู้เสี่ยวหวาน เขาคงห้ามไม่ให้เถ้าแก่ซื้อมัน

กู้เสี่ยวหวานเพาะปลูกพืชสิ่งนี้ แน่นอนว่ามันจะต้องมีประโยชน์อย่างมาก

เพราะหลิวชิงซานเคยอาศัยอยู่ในบ้านของกู้เสี่ยวหวาน ดังนั้นเขาจึงรู้จักวิธีการกินเช่นกัน

หากรู้มากกว่านี้ ตอนนี้สถานการณ์ร้านซุ่นซินจะเป็นอย่างไร

กู้ฉวนลู่ทั้งโกรธทั้งเกลียด เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เขาก็คิดวิธีที่ดี ๆ ขึ้นในทันใด

ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจอาหารตรงหน้าอีกต่อไป และมุ่งหน้าไปที่ร้านซุ่นซินเพื่อพบกับเถ้าแก่หวัง

เถ้าแก่หวังมองไปยังแถวที่แน่นขนัดหน้าร้านจิ่นฝู ผู้คนจำนวนมากกำลังต่อแถวกันอยู่หน้าร้านจิ่นฝู

มันเทศนี้อร่อยและพกพาสะดวก หากคนรวยไม่อยากออกจากบ้านในยามเช้า พวกเขาจะนำกล่องอาหารและขอให้คนรับใช้มาที่ร้านจิ่นฝูเพื่อซื้อสิ่งที่พวกเขาต้องการกิน และนำกลับไปที่บ้าน

ด้วยวิธีการนี้ ร้านจิ่นฝูทำงานได้จำนวนไม่น้อย และด้วยความสะดวกรวดเร็วเช่นนี้ ยังดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้นเรื่อย ๆ

ดูเหมือนว่าจะเรียกว่า ซื้อกลับบ้าน

ไม่รู้ใครเป็นคนคิดขึ้นมา

อย่างไรก็ตาม วิธีนี้มีประโยชน์เฉพาะเมื่อต้องรับมือกับร้านจิ่นฝู ซึ่งไม่สามารถจัดการกับลูกค้าทั้งหมดได้

เช่นเดียวกับร้านซุ่นซินของเขา ร้านของเขาต้องการให้ลูกค้านั่งลงและรับประทานอาหารได้

เมื่อกินสิ่งนี้แล้วจะเกิดความอยากกินอาหารจานอื่น ดีกว่าการจ่ายแบบรอบเดียวจบ

เถ้าแก่หวังถอนหายใจและรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก

ไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมา กู้ฉวนลู่เสาะหาทุกที่ และเถ้าแก่หวังยังถามคนรู้จักในทั่วทุกสารทิศเพื่อดูว่ามีมันเทศนี้ขายที่ไหนบ้าง แต่หลังจากสอบถามมาหลายครั้งแล้วก็ไม่มีผู้ใดรู้

มันเทศเหล่านี้ดูเหมือนจะตกลงมาจากฟากฟ้า และหล่นทับเถ้าแก่หวังเป็นคนแรก ก่อนที่เขาจะรู้ว่ามันคืออะไร ก็ถูกเก็บขึ้นมาเสียก่อน

หัวใจของเถ้าแก่หวังเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

หากแต่จะมีประโยชน์ใดถ้าเอาแต่เกลียดชัง

หากเขารู้เรื่องเร็วกว่านี้ มันเทศที่เหลืออยู่ไม่กี่พันชั่งในเวลานั้นก็คงไม่ถูกขายออกไป

เงินหนึ่งร้อยตำลึงเงิน เฮ้อ…

ยิ่งเถ้าแก่หวังคิดถึงเรื่องนี้มาเท่าไร ความโกรธก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้นเท่านั้น เขาคว้าถ้วยชาตรงหน้าเขา และกำลังจะโยนมันออกไปข้างนอก แต่หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน เขาก็วางมันลงอีกครั้ง หากถ้วยชาตกลงมาจะต้องเสียเงินซื้อใหม่อีก มันไม่คุ้มกันเลยเสีย

เขาทำได้เพียงหยิบหนังสือด้านข้างขึ้นมาแล้วโยนออกไปข้างนอก

และมันโดนกู้ฉวนลู่ที่เข้ามาจากข้างนอกพอดี

กู้ฉวนลู่โดนของโยนใส่

โชคดีที่มันเป็นแค่หนังสือ และไม่ได้ทำให้ร่างกายเจ็บปวดเท่าไร

กู้ฉวนลู่รับหนังสือได้ทันเวลา

เถ้าแก่หวังเห็นว่ากู้ฉวนลู่ปรากฏตัว จึงจ้องมองเขาด้วยความโกรธ

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาได้บูชากู้ฉวนลู่ราวกับเทพสวรรค์โดยเปล่าประโยชน์ โดยหวังว่า

กู้ฉวนลู่จะนำมันเทศมาโดยเร็วที่สุด แต่เป็นเวลาหลายวันแล้วก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ

เถ้าแก่หวังเป็นคนใจร้อน และตอนนี้ความอดทนของเขาหมดลงแล้ว

เขาจะไว้หน้ากู้ฉวนลู่ต่อไปได้อย่างไร เขาทำเพียงจ้องมองไปอีกฝ่าย จากนั้นก็เบนสายตาไปทางอื่นและไม่พูดสิ่งใดออกมา

เมื่อเห็นท่าทางเย็นชาของเถ้าแก่หวัง ใบหน้าของกู้ฉวนลู่ก็กระตุกเล็กน้อย หากแต่ก็ยังพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “เถ้าแก่หวัง วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อบอกข่าวดีให้ท่านทราบ”

“ข่าวดีอะไรคุณชายกู้ หลานสาวของเจ้าตกลงที่จะให้มันเทศแก่เราหรืออย่างไร”

สิ้นประโยคของกู้ฉวนลู้ เถ้าแก่หวังก็ตอบกลับทันที และไม่รู้ว่าคุณชายกู้ที่เขาขานเรียนนั้นมีประโยชน์ขนาดไหน

กู้ฉวนลู่ยิ้มเย้ยหยันในใจ ไม่แปลกใจเลยที่เถ้าแก่หวังจะมีท่าทางหยิ่งยโส

กู้ฉวนลู่ส่ายหน้าและพูดว่า “ไม่ใช่”

“ไม่ใช่แล้วจะมาพูดทำไม” ก่อนที่กู้ฉวนลู่พูดจบ เถ้าแก่หวังก็ตะโกนขึ้นด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์

กู้ฉวนลู่ยิ้มอย่างอึดอัด “เถ้าแก่ ถึงจะไม่ใช่เรื่องนั้น แต่เรื่องนี้ก็ไม่ต่างกันมาก”

“ทำไมไม่ต่างกันมาก” ทันทีที่เถ้าแก่หวังได้ยินว่ายังมีความหวังอยู่ เขาก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที

กู้ฉวนลู่กล่าวว่า “เถ้าแก่หวัง ถ้าท่านลองคิดดูดี ๆ แล้วก็จะรู้ หลายวันมานี้พวกเราถามมาทุกหนทุกแห่งแล้ว แต่ไม่มีใครรู้จักมันเทศนี้เลย เกรงว่าหลายคนอาจจะไม่รู้เรื่องนี้”

เถ้าแก่หวังพยักหน้าและตอบรับเสียงต่ำ

“แต่เถ้าแก่หวัง หูปาจะมีมันได้อย่างไร” กู้ฉวนลู่ถามกลับ

เถ้าแก่หวังกลอกตา “แล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไร เจ้าเป็นคนจัดการไม่ใช่หรือ”

กู้ฉวนลู่พยักหน้า “ข้าไม่ได้ไปหาเขา แต่เขามาหาข้า ยิ่งกว่านั้น หูปาคงเป็นพ่อค้าหาบเร่ อย่างมากที่สุดก็แค่พ่อค้าเร่รายย่อยที่รับสินค้ามาขาย แต่คราวนี้เมื่อเขามาขาย ก็ขายมันเทศเป็นหมื่นชั่ง ลองคิดดูสิ ถ้ามีคนรู้ เขาจะเอามันมาแค่คนเดียวได้อย่างไร”