แน่นอน ตั้งแต่ต้น เธอก็ไม่ควรคาดหวังและตั้งความหวังอะไรกับเขาอยู่แล้ว
พงศกรมองเห็นท่าทีของปาจรีย์ ก็รู้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แววตาหมองลง ในใจก็รู้สึกไม่สบายเล็กน้อย “คุณแน่ใจขนาดนั้นเลย ว่าผมจะไม่ให้คุณเก็บเด็กนี้ไว้” ปาจรีย์เงยหน้ามองเขา“หากคุณยอมให้ฉันเก็บเด็กไว้ ตั้งแต่แรก คุณก็คงไม่แน่วแน่ที่จะให้ฉันเอาเด็กออกหรอก เมื่อกี้แค่ไม่ให้ฉันเอาเด็กนี้มาเป็นข้อแลกเปลี่ยนเท่านั้นถูกไหมคะ”
พงศกรเม้มปาก “คุณพูดถูกแล้ว ผมไม่ได้รอคอยอยากพบเด็กนี้อยู่แล้ว แต่ถ้าคุณอยากเก็บเอาไว้ ก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้นะ ”
“แค่ฉันตอบตกลง คุณพ่อฉันก็จะติดคุกใช่ไหมคะ”ปาจรีย์ยิ้มเยาะ
พงศกรหรี่ตา “ไม่ใช่อย่างแน่นอน คุณสามารถเก็บเด็กนี้ไว้ได้ และผมก็ไม่ให้พ่อคุณติดคุกด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ม่านตาปาจรีย์ก็เบิกกว้าง จ้องเขาไม่กะพริบตา“คุณพูดอะไรนะคะ คุณสามารถให้ฉันเก็บเด็กไว้ได้ และไม่ให้คุณพ่อฉันติดคุกด้วยเหรอ ”
คุณพ่อประสิทธิ์ที่อยู่ข้างๆก็จ้องมองพงศกรด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “ไอ้พงศกร แกมีแผนอย่างอื่นซ่อนอยู่ใช่ไหม ”
พงศกรเม้มปากพูดอย่างแผ่วเบา “ถ้าผมมีแผนอย่างอื่นซ่อนอยู่ ผมก็คงเริ่มมันตั้งนานแล้ว ไม่มาพูดแบบนี้กับพวกคุณหรอกครับ”
คำพูดนี้ทำให้คุณพ่อประสิทธิ์สำลักที่คอ จนพูดไม่ออก
มือทั้งสองข้างปาจรีย์จับที่ราวเตียงผู้ป่วยไว้แน่น “คุณพงศกร คุณจริงจังใช่ไหมคะ ยอมให้ฉันเก็บเด็กไว้ และไม่ให้คุณพ่อฉันติดคุกด้วยใช่ไหมคะ”
เธอถามอีกรอบ
ครั้งนี้ พงศกรยอมตอบให้ พยักหน้าพลางพูด “แน่นอน”
“แต่ว่า คุณต้องมีเงื่อนไขอย่างอื่นใช่ไหมคะ” ปาจรีย์มองเขา
เธอไม่เชื่อเด็ดขาดว่าโลกนี้ยังมีเรื่องที่ง่ายๆ แบบมีขนมตกมาจากฟ้าด้วยไม่ต้องทำอะไรแบบนี้ มันเกิดขึ้นได้เพียงในละครเท่านั้นแหละ ในชีวิตจริง มันไม่มีอยู่จริงหรอกนะ
ยิ่งไปกว่านั้น คือเขาเกลียดตัวเอง และเกลียดตระกูลจิรดำรงค์มากขนาดนี้ จะให้เธอเก็บเด็กนี้ไว้ และปล่อยคุณพ่อไปโดยไม่มีเงื่อนไขได้ยังไง
ดังนั้น เขาต้องมีจุดประสงค์อื่นแน่นอน
และมันก็เป็นไปตามที่คาดไว้ไม่มีผิด พงศกรหรี่ตาลงเล็กน้อยพลางพูด“คุณพูดถูกแล้ว ผมมีเงื่อนไขอย่างอื่นจริงด้วย แต่ตอนนี้ยังคิดไม่ออก รอผมนึกออกแล้ว ผมจะบอกให้นะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ปาจรีย์ก็รู้สึกโล่งใจไปชั่วคราว ที่แท้เป็นเพราะว่ายังนึกไม่ออก
แบบนี้ก็ดี เธอกังวลแค่ว่า เขาจะเสนออะไรอย่างอื่นออกมาอีก ที่เป็นเงื่อนไขที่ให้เธอกับตระกูลจิรดำรงค์ลำบากใจ
แม้ไม่รู้ว่าเงื่อนไขที่เขาจะเสนอออกมาในตอนหลังนั้นมันจะทำให้เธอลำบากใจไหม แต่ตอนนี้เขายังไม่ได้เสนอออกมา เธอจะถือว่าไม่รู้แล้วกัน
ยังไงซะ ก็ขอให้ลูกกับพ่อปลอดภัยไว้ก่อน
“ถ้างั้นคุณพงศกร ตอนนี้ที่คุณยังไม่เสนอเงื่อนไขที่ปล่อยลูกและคุณพ่อฉันออกมา คุณคงไม่โทรแจ้งตำรวจใช่ไหมคะ”ปาจรีย์กัดริมฝีปากล่างไว้ ถามอย่างคาดหวัง
พงศกรอือตอบ “แน่นอน แต่ว่าระยะเวลาต่อจากนี้ เธอต้องอยู่ที่นี้คอยดูแลผม จนกว่าผมจะแข็งแรงออกจากโรงพยาบาล”
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่”ปาจรีย์ยังไม่ได้ตอบตกลง คุณพ่อประสิทธิ์ก็แสดงสีหน้าไม่พอใจ
เขาเดินตรงไปอยู่ตรงหน้าพงศกรอย่างโมโห สองตาจ้องมองพงศกรด้วยความโมโห ราวกับพงศกรทำเรื่องชั่วร้ายจนไม่สามารถให้อภัยได้ คว้าคอเสื้อผู้ป่วยของพงศกร พูด “แกกล้าใช้ปาจรีย์มาดูแลแกงั้นเหรอ แกรู้ไหมว่าเธอกำลังท้อง แกจงใจใช่ไหม จงใจให้ปาจรีย์ดูแลแก จากนั้นก็ทรมานเธอจนแท้งใช่ไหม”
เมื่อปาจรีย์ได้ยินเช่นนี้ จู่ๆสีหน้าก็ซีดขึ้นมา จ้องมองพงศกรด้วยแววตาสงสัย
ไม่พูดไม่ได้เลย มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะคิดเช่นนี้ได้
พงศกรเข้าใจสายตานี้ของปาจรีย์ ในใจทั้งหงุดหงิดและโมโห
เธอคิดว่านี่คือจุดประสงค์ของเขางั้นเหรอ
พงศกรหลับตา เพื่อพยายามระงับความหงุดหงิดภายในใจไว้ เงยหน้ามองคุณพ่อประสิทธิ์ด้วยสายเรียบเฉย“ถ้าเป็นนั้นแล้วจะทำไมครับ ผมเพียงแค่อยากให้เธอรินน้ำรินชาให้เท่านั้น ไม่ได้ทำงานหนักอะไรสักหน่อย แบบนี้ยังทำให้เธอแท้งได้เหรอครับ ”
“ไม่ว่าจะจริงไม่จริง ที่พวกคุณซ้อมผมจนเป็นแบบนี้ การที่ผมให้พวกคุณดูแล เพราะรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง มันเป็นเรื่องที่ผิดเหรอครับ”พงศกรถามกลับ
คุณพ่อประสิทธิ์ขมวดคิ้ว ยังอยากพูดอะไรอยู่ แต่ปาจรีย์จับแขนห้ามเขาไว้ “พอได้แล้วค่ะคุณพ่อ ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ”
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็มองไปที่พงศกร“ดูแลคุณใช่ไหมคะ ฉันรู้แล้ว ฉันตกลงค่ะ”คุณพ่อประสิทธิ์มองปาจรีย์อย่างตกใจ
ปาจรีย์ยิ้มให้เขา “คุณพ่อ ไม่เป็นไรค่ะ เขาพูดถูกค่ะ พวกเราซ้อมเขาจนเป็นแบบนี้แล้ว ควรที่จะรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเองค่ะ แถม เขายอมไม่แจ้งความแล้ว และยังยอมให้หนูเก็บลูกไว้อีก งั้นพวกเราก็ควรทำอะไรสักหน่อย ไม่ว่าจะเป็นคนรับใช้หรือยังไง หนูก็ยอมค่ะ”
“แต่พ่อกลัวว่าเขาจะจงใจใช้งานลูกหนักๆ ทรมานลูก จนทำให้ลูกแท้ง”คุณพ่อประสิทธิ์ขมวดคิ้วพลางพูด
นี่คือสิ่งที่เขากังวลที่สุด
ปาจรีย์มองไปยังพงศกร “หนูรู้ถึงความกังวลคุณพ่อดีค่ะ แต่พวกเราลองเชื่อใจเขาดูสักครั้งไหมคะ”
ในขณะที่พูดอยู่ เธอก็หันไปพูดกับพงศกร “คุณพงศกร ไม่ทราบว่าฉันต้องเริ่มดูแล ตั้งแต่พรุ่งนี้หรือวันนี้คะ”
“คุณว่าไงล่ะ”พงศกรใช้สายตาลึกซึ้งจ้องเธอ
ปาจรีย์เลื่อนตามองต่ำ “ฉันรู้แล้วค่ะ ฉันจะเริ่มมันตอนนี้เลยค่ะ คุณพ่อคะ”
เธอหันกลับ ไปมองคุณพ่อประสิทธิ์ “คุณพ่อช่วยหนูจัดการห้องพักญาติผู้ป่วยในโรงพยาบาลหน่อยนะคะ คืนนี้หนูจะนอนที่โรงพยาบาลค่ะ คุณพ่อกลับไปก็แจ้งคุณแม่ให้ด้วย อย่าให้คุณแม่เป็นห่วงหนูนะคะ”
“ปาจรีย์……”คุณพ่อประสิทธิ์เห็นเธอจะทำเช่นนี้จริงๆ ก็ขมวดคิ้วอย่างหนัก ยังอยากพูดห้ามเล็กน้อย แต่เห็นแววตาจริงจังของเธอ คุณพ่อประสิทธิ์ก็พูดอะไรไม่ออกทันที
สุดท้าย คุณพ่อประสิทธิ์ก็ถอนหายใจ พยักหน้าตอบตกลง “รู้แล้ว เดี๋ยวพ่อไปจองห้องให้ลูกเอง”
เมื่อพูดจบ เขาก็จ้องเขม็งใส่พงศกรทันที “ไอ้พงศกร ทางที่ดีแกอย่างใช้แผนอะไรมาทรมานปาจรีย์ หากเกิดอะไรกับปาจรีย์ ฉันใช้ชีวิตแก่ๆนี้ ฆ่าแกให้ตายแน่ ”
พงศกรเม้มปาก ไม่พูดอะไร
หลังจากที่คุณพ่อประสิทธิ์จากไป ภายในห้องผู้ป่วยก็เหลือเพียงปาจรีย์กับพงศกรตามลำพัง
สองวันนี้ ปาจรีย์ก็ไม่ใช่ไม่เคยอยู่ตามลำพังกับพงศกรสองคน แต่เป็นเพราะตอนนั้นพงศกรยังหลับอยู่ ดังนั้นเธอจึงไม่มีความรู้สึกอย่างอื่น
แต่ตอนนี้ เขาฟื้นแล้วเธอกับเขาอยู่ภายในห้องเดียวกัน ทำให้เธอเกิดความรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
จึงไม่รู้ว่าจะอยู่ร่วมกันกับเขายังไง ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร และควรทำอะไรดี
พูดง่ายๆคือ จะตรงไหนๆก็รู้สึกแปลกๆ
จนสุดท้ายปาจรีย์สูดหายใจเข้าลึกๆ หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วมองผู้ชายที่อยู่บนเตียงผู้ป่วย พยายามฝืนยิ้ม จนในที่สุดก็ยิ้มออกมา“เอ่อคือ……คุณพงศกร ฉันสามารถไปโทรศัพท์หน่อยได้ไหมคะ ฉันจะรีบกลับมา ไม่ไปไหนค่ะ”
พงศกรจ้องมองโทรศัพท์ที่อยู่ในมือเธอ “โทรหาใคร”
“โทรหาวารุณีค่ะ”ปาจรีย์กำโทรศัพท์ในมือแน่น แต่ไม่ได้ปิดบัง ตอบไปตามตรง “วารุณีรู้สถานการณ์ของคุณแล้ว เป็นห่วงคุณมาก เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะยังไง ตอนนี้คุณฟื้นแล้วฉันก็ควรแจ้งข่าวให้เธอหน่อยค่ะ ”
“แล้วให้เธอกับนัทธีส่งคนมาจับตามองผม เพื่อป้องกันไม่ให้ผมทำอะไรพวกคุณ”พงศกรพูดออกมาอย่างประชดประชัน
แววตาปาจรีย์ประกายเล็กหน่อย “ ขอโทษด้วยค่ะ บาดแผลที่คุณสร้างไว้ให้กับตระกูลจิรดำรงค์มันลึกเกินไปจริงๆ หากคุณจะทำอะไรฉัน ฉันรับได้ค่ะ แต่พ่อแม่ฉัน ฉันจำเป็นต้องปกป้องพวกเขาค่ะ เพราะฉันไม่มีความสามารถนี้ ดังนั้นฉันจึงจำเป็นต้องพึ่งพาวารุณีค่ะ”
“คุณพูดเช่นนี้ ไม่กลัวฉันไม่พอใจ แล้วยกเลิกข้อตกลงเมื่อกี้หรือไง”พงศกรหรี่ตาจ้องมองเธอ