ตอนที่ 863 กลับตัวกลับใจ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 863 กลับตัวกลับใจ

วันที่สิบ เดือนห้า รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบแปด เหลียงอ๋องจับตัวจักรพรรดิต้าจิ้นและองค์รัชทายาทขึ้นไปบนกำแพงประตูอู่เต๋อ

องค์รัชทายาทที่ถูกเชือกมัดร่างอย่างแน่นหนาถูกผลักขึ้นไปบนกำแพง เมื่อเห็นหน้าจักรพรรดิต้าจิ้นก็ร้องไห้ออกมาทันที เขากระแทกร่างของทหารรักษาพระองค์ออกแล้ววิ่งเข้าไปหาจักรพรรดิต้าจิ้น จากนั้นคุกเข่าร้องไห้ “เสด็จพ่อ! เหลียงอ๋องไอ้คนสารเลว เจ้าทำกับเสด็จพ่อเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!”

จักรพรรดิต้าจิ้นถูกเหลียงอ๋องประคองขึ้นไปบนกำแพงเมือง ในใจรู้สึกเดือดดาลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขามองไปทางองค์รัชทายาทที่ร้องไห้จนตัวโยนด้วยแววตาเยือกเย็นจับใจ แววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของจักรพรรดิต้าจิ้นทำให้องค์รัชทายาทตกตะลึง

น้ำตาขององค์รัชทายาทค้างอยู่บนใบหน้า เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเสด็จพ่อจะมองมาที่เขาด้วยแววตาเช่นนี้

องค์รัชทายาทไม่รู้ว่าเสด็จพ่อมองมาที่เขาเช่นนี้เพราะคิดว่าเขาเป็นคนไม่ได้เรื่องใช่หรือไม่ ไม่รู้ว่าเสด็จพ่อกำลังโกรธที่เขาไม่สามารถช่วยพระองค์ออกไปได้ใช่หรือไม่

เมื่อจักรพรรดิต้าจิ้นปรากฏตัวบนกำแพงวังหลวง บรรดาแม่ทัพกองทัพหย่วนผิงต่างพากันลงจากหลังม้า จากนั้นคุกเข่าทำความเคารพจักรพรรดิต้าจิ้น

“ไป๋จิ่นซิ่ว! ผู้ใดสั่งให้เจ้านำทัพมาปิดล้อมวังหลวงกัน!” จักรพรรดิต้าจิ้นตวาดไป๋จิ่นซิ่วเสียงดังลั่น

“องค์รัชทายาทก่อกบฏ บัดนี้ถูกเหลียงอ๋องจับกุมตัวได้แล้ว เจ้ายังกล้ารวบรวมกองทัพมาก่อเรื่องเช่นนี้อีกหรือ ในสายตาของเจ้ายังมีจักรพรรดิอย่างเราอยู่หรือไม่!”

ไป๋จิ่นซิ่วมองไปทางเหลียงอ๋องแวบหนึ่ง จากนั้นกำหมัดกล่าวขึ้น “ฝ่าบาท หม่อมฉันทราบดีว่าเหลียงอ๋องทรงใช้ชีวิตขององค์รัชทายาทข่มขู่พระองค์ หม่อมฉันทำผิดต่อฝ่าบาท ต่อองค์รัชทายาทแล้วเพคะ! แม้ฝ่าบาทและองค์รัชทายาทจะกำชับให้หม่อมฉันจับตัวเหลียงอ๋องให้ได้ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม ทว่า หม่อมฉันไม่อาจสั่งให้กองทัพบุกโจมตีวังหลวงได้เพคะ! หม่อมฉันไม่อาจทนเห็นเหลียงอ๋องทำร้ายฝ่าบาทและองค์รัชทายาทอยู่เฉยๆ ได้เพคะ ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วงนะเพคะ หม่อมฉันจะพยายามทำทุกวิถีทาง ถึงแม้ต้องตายหม่อมฉันก็จะช่วยฝ่าบาทและองค์รัชทายาทออกมาให้ได้เพคะ!”

ไป๋จิ่นซิ่วแสดงละครแบบเดียวกับที่เหลียงอ๋องเคยแสดงที่หน้าประตูอู่เต๋อให้จักรพรรดิต้าจิ้นและเหลียงอ๋องเห็น

จักรพรรดิต้าจิ้นโมโหจนกล่าวสิ่งใดไม่ออก เขาเกือบตวาดออกมาอย่างโมโหว่านี่มันเรื่องอันใดกัน!

สีหน้าของเหลียงอ๋องยิ่งแย่ลงกว่าเดิม เขานึกไม่ถึงเลยว่าไป๋จิ่นซิ่วจะมีความสามารถในการลอกเลียนแบบเขาเช่นนี้

เมื่อองค์รัชทายาทที่ถูกมัดแน่นได้ยินเช่นนี้ ขอบตาของเขาจึงร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เขาสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของทหารแล้วพุ่งตัวไปด้านหน้า จากนั้นตะโกนบอกกับไป๋จิ่นซิ่วที่อยู่ด้านล่างกำแพง “ฮูหยินฉินไม่ต้องเป็นห่วงเรา! เจ้าจงช่วยเสด็จพ่อออกไปให้ได้!”

สีหน้าของจักรพรรดิต้าจิ้นเคร่งขรึมมากขึ้นกว่าเดิม เขาถลึงตาใส่องค์รัชทายาท จากนั้นกล่าวเสียงดัง “ผู้ใดต้องการให้เจ้าช่วยกัน! เจ้าสั่งให้กองทัพถอยไปเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นพวกเจ้าทุกคนจะถูกลงโทษในข้อหากบฏ แม่ทัพของกองทัพหย่วนผิงอยู่ที่ใด!”

“ทูลฝ่าบาท แม่ทัพหย่วนผิงเสียชีวิตในสนามรบแล้วเพคะ” ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวจบก็เงยหน้ามองไปทางจักรพรรดิต้าจิ้น จากนั้นกล่าวเสียงดัง “องค์รัชทายาทเป็นคนมอบราชโองการลับของฝ่าบาทให้หม่อมฉันไปตามทัพเสริมมาช่วยเหลือฝ่าบาท หม่อมฉันจึงไปตามกองทัพหย่วนผิงกลับมาช่วยเหลือ บัดนี้กองทัพไป๋แห่งซั่วหยางก็เดินทางมาถึงแล้ว หากหม่อมฉัน กองทัพไป๋และกองทัพหย่วนผิงช่วยเหลือฝ่าบาทและองค์รัชทายาทออกมาไม่ได้ หากสังหารเหลียงอ๋องไม่สำเร็จ พวกเราไม่มีวันถอยแน่นอนเพคะ!”

จักรพรรดิต้าจิ้นเบิกตาโพลง ไป๋จิ่นซิ่วกำลังข่มขู่เขาอย่างนั้นหรือ!

กองทัพไป๋อย่างนั้นหรือ! เหลียงอ๋องคำนวณอยู่ในใจแล้วว่าไป๋จิ่นซิ่วสามารถนำกองทัพหย่วนผิงและกองทัพไป๋แห่งซั่วหยางมาช่วยเหลือได้ ทว่า เขาไม่รู้จำนวนที่แน่นอนของกองทัพไป๋แห่งซั่วหยาง

เหลียงอ๋องขบกรามแน่น เดินไปด้านหน้า มองไปทางไป๋จิ่นซิ่ว จากนั้นกล่าวเสียงดัง “เสด็จพ่อตรัสแล้วว่าองค์รัชทายาทคือกบฏ ไป๋จิ่นซิ่ว เจ้ายังไม่รีบถอยทัพอีกหรือ!”

“หากองค์รัชทายาทเป็นกบฏจริง เหตุใดหม่อมฉันถึงไม่เห็นร่างของอัครมหาเสนาบดีผู้ซื่อสัตย์ต่อราชวงศ์อย่างหลู่เซียงอยู่บนกำแพงเมืองกับฝ่าบาทด้วยเพคะ เหตุใดจึงไม่เห็นร่างของแม่ทัพผู้จงรักภักดีอย่างเซี่ยอวี่จั่งและฝูรั่วซีอยู่ตรงนี้ด้วยเพคะ! หม่อมฉันเห็นเพียงเหลียงอ๋องและกบฏฟ่านอวี๋ไหวเท่านั้น เห็นเพียงผู้ที่เคยยุงยงให้องค์ชายรองก่อกบฏ ต่อมากลับมาร่วมมือกับพระองค์อย่างอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าเท่านั้น”

ไป๋จิ่นซิ่วหันไปทางหลี่เม่า “หลี่เม่า! ตอนนี้จดหมายหลักฐานที่เจ้าเขียนยุยงให้องค์ชายรองก่อกบฏในปีนั้นอยู่ในมือของข้า! โซ่วซานกงและท่านราชครูถานพิสูจน์ลายมือในอักษรแล้วว่าคือลายมือจริง บัดนี้คนทั่วหล้าต่างรับรู้แล้วว่าเจ้าเคยยุยงให้องค์ชายรองก่อกบฏ นำจดหมายออกมาที!”

หลี่เม่ากำมือแน่น ลำคอร้อนผ่าว

จี้ถิงอวี๋รับคำสั่ง เขาหันไปสั่งให้คนนำแผ่นผ้าที่มีลายมือของขุนนางซึ่งยังอยู่ในเมืองหลวงและประทับลายมือยืนยันว่าเหลียงอ๋องและหลี่เม่าเป็นกบฏออกมา จากนั้นกางออก…

ตราประทับของราชครูถานเด่นชัดอยู่บนแผ่นผ้า เขากล่าวว่าจดหมายคือหลักฐานที่ยืนยันว่าหลี่เม่าเคยร่วมมือกับองค์ชายรองก่อกบฏมาก่อน จากนั้นกลับลำมาร่วมมือกับเหลียงอ๋องต่อ พิสูจน์ชัดว่าเขาเป็นขุนนางกบฏของแคว้นต้าจิ้นจริงๆ

ถัดจากข้อความเหล่านั้นในแผ่นผ้าคือลายมือลงนามของบรรดาขุนนางที่ยังอยู่ในเมืองหลวงซึ่งยังไม่ถูกเหลียงอ๋องจับขังคุกเพราะคิดว่าไม่มีบทบาทสำคัญใดๆ

หลี่เม่ากำมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังแน่น เมื่อมีหลักฐานที่เขียนด้วยลายมือของราชครูถานและขุนนางอีกมากมาย หากเหลียงอ๋องก่อกบฏในครั้งนี้ไม่สำเร็จ เขาคงจบสิ้นแล้วจริงๆ

“หลี่เม่า หากเจ้าคิดว่าจดหมายที่โซ่วซานกงและท่านราชครูถานพิสูจน์ลายมือแล้วยังไม่เพียงพอ หากมีบุตรชายของเจ้าเป็นพยานอีกคนจะเพียงพอหรือไม่ บัดนี้หลี่หมิงรุ่ยถูกจับที่ซั่วหยางแล้ว หากเขาออกมาเป็นพยานว่าเจ้าสมรู้ร่วมคิดกับองค์ชายรองก่อกบฏในตอนนั้นจริงๆ อีกทั้งบัดนี้ยังร่วมกับเหลียงอ๋องก่อกบฏอีก เจ้ายังจะปากแข็งอยู่อีกหรือไม่!” ไป๋จิ่นซิ่วถามต่อ

เมื่อจี้ถิงอวี๋จับตัวหลี่หมิงรุ่ยกลับมายังเมืองหลวง เสิ่นไป่จ้งกลับมาพบไป๋จิ่นซิ่วอีกครั้ง…เขาขอร้องให้ไป๋จิ่นซิ่วไว้ชีวิตหลี่หมิงรุ่ยสักครั้ง เสิ่นไป่จ้งจะพาหลี่หมิงรุ่ยไปให้ไกลจากเมืองหลวงแห่งนี้

ไป๋จิ่นซิ่วจึงไปพบหลี่หมิงรุ่ยสักครั้ง หญิงสาวไม่ได้บังคับข่มขู่หลี่หมิงรุ่ยแต่อย่างใด นางเพียงแค่เล่าเรื่องที่ฉินหล่างสามีของนางเคยเผชิญมาให้หลี่หมิงรุ่ยฟัง นางบอกหลี่หมิงรุ่ยว่าตอนที่จงหย่งโหวฉินเต๋อเจามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเสบียงอาหารที่ส่งไปยังหนานเจียง ฉินหล่างนำหลักฐานทั้งหมดไปฟ้องร้องบิดาของตัวเอง เขาจึงปกป้องทุกคนของจวนฉินเอาไว้ได้

เมื่อหลี่หมิงรุ่ยฟังจบก็เข้าใจความหมายของไป๋จิ่นซิ่วขึ้นมาทันที สละชีวิตของบิดาเพียงคนเดียวจะสามารถปกป้องชีวิตของคนที่เหลือในตระกูลหลี่ได้

ตามหลักแล้ว หลี่หมิงรุ่ยคือบุตรชายคนโตของจวนหลี่ เขาได้รับการอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เล็กว่าให้เห็นแก่ผลประโยชน์ของตระกูลเป็นใหญ่ เมื่อถึงเวลาจำเป็น…หากต้องสละชีวิตของคนคนหนึ่งไปก็จำเป็นต้องทำ

นี่คือสิ่งที่หลี่เม่าพร่ำสอนหลี่หมิงรุ่ยมาโดยตลอด ทว่า หลี่หมิงรุ่ยไม่เข้าใจว่าเหตุใดไป๋จิ่นซิ่วจึงมาเล่าเรื่องเหล่านี้ให้เขาฟัง

จนถึงตอนนี้หลี่หมิงรุ่ยถึงได้รู้ว่าที่แท้เหล่าเวิงคนที่เคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้คือสหายคนสนิทของไป๋ฉีซานแห่งตระกูลไป๋

เขาเข้าใจในทันทีว่าเหตุใดไป๋จิ่นซิ่วจึงสามารถเตรียมการรับมือกับเหลียงอ๋องไว้ก่อนล่วงหน้าเช่นนี้ เขาเป็นห่วงเหล่าเวิงจึงให้เหล่าเวิงรีบหนีออกจากเมืองไปก่อน ทว่า เหล่าเวิงกลับไปรายงานให้ไป๋จิ่นซิ่วรู้เรื่องนี้

หลี่หมิงรุ่ยเสียใจที่เหล่าเวิงทรยศเขา ทว่า ในขณะเดียวกันก็รู้สึกโชคดี

เขาเข้าใจแล้วว่าการพ่ายแพ้ของเขาในครั้งนี้อาจเป็นโอกาสอีกครั้ง

บิดาของเขาอยู่ฝ่ายเหลียงอ๋อง ส่วนเขาอยู่ฝ่ายองค์รัชทายาท ไม่ว่าผลสุดท้ายเหลียงอ๋องหรือองค์รัชทายาทจะเป็นฝ่ายชนะ อย่างน้อยชีวิตของคนในตระกูลหลี่ก็ยังปลอดภัย คนที่ต้องเสียสละชีวิตมีเพียงบิดาหรือไม่ก็เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

หลี่หมิงรุ่ยถูกพาออกมา เขาไม่ได้ถูกมัดร่างกาย เสื้อผ้าของเขายังคงสะอาดสะอ้านเหมือนเดิม เขาเดินออกมาจากกลุ่มของทหาร เงยหน้ามองไปทางบิดาของตัวเอง “ท่านพ่อ กลับตัวกลับใจเถิดขอรับ…”