ตอนที่ 864 ชิงบัลลังก์

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 864 ชิงบัลลังก์

เหลียงอ๋องตกตะลึงอย่างหนัก เขาไม่แน่ใจว่าหลี่หมิงรุ่ยทำไปเพื่อตบตาไป๋จิ่นซิ่วหรือทรยศเขาแล้วจริงๆ

สองพ่อลูกหลี่เม่าและหลี่หมิงรุ่ยสบตากันนิ่ง หลี่เม่าเม้มปากแน่น รู้สึกเดือดดาลอยู่ในใจ ทว่า ไม่นานโทสะก็ค่อยๆ สงบลง…เขาเข้าใจจุดประสงค์ของบุตรชายขึ้นมาทันที ความโกรธในแววตาหายไป ความภาคภูมิใจและความชื่นชมเข้าแทนที่

มีเพียงเขาและบุตรชายยืนอยู่กันคนละฝั่งเท่านั้น ไม่ว่าภายภาคหน้าเหลียงอ๋องหรือรัชทายาทได้ขึ้นครองราชย์ อย่างน้อยตระกูลหลี่ก็จะปลอดภัย

สละชีวิตของคนๆ เดียวเพื่อผลประโยชน์ของคนทั้งตระกูลคือการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า

เช่นนี้ดูเหมือนว่าชาตินี้เขาและบุตรชายจะมีโอกาสได้แข่งขันกันแล้ว ดูสิว่าผู้ใดจะพนันได้ถูกฝ่าย

หลี่เม่าแสร้งตวาดหลี่หลิงรุ่ยอย่างโมโห “หลี่หมิงรุ่ย! เหตุใดเจ้าจึงใส่ร้ายบิดาของตัวเองเช่นนี้ เจ้ายังมีความเป็นคนอยู่หรือไม่!”

ดวงตาของหลี่หมิงรุ่ยคลอไปด้วยน้ำตา ลำคอตีบตันยากจะกล่าวออกมา

เมื่อหลี่เม่าเห็นจักรพรรดิต้าจิ้นเบิกตาโพลงมองมาทางเขา หลี่เม่าจึงพยายทำท่าทีให้เป็นปกติที่สุด “ฝ่าบาท กระหม่อมจงรักภกักดีต่อฝ่าบาทมาตลอด ฝ่าบาทอย่าทรงเข้าพระทัยกระหม่อมผิดเพราะผู้อื่นนะพ่ะย่ะค่ะ”

“เข้าใจผิดอย่างนั้นหรือ!” สองสิ่งที่จักรพรรดิต้าจิ้นเกลียดมากที่สุดในชีวิตนี้คือการถูกผู้อื่นควบคุมและการถูกผู้อื่นหลอกลวง จักรพรรดิต้าจิ้นขบกรามแน่น กล่าวออกมาอย่างเดือดดาล “เจ้าร่วมมือกับเหลียงอ๋องก่อกบฏก็เป็นเรื่องเข้าใจผิดด้วยอย่างนั้นหรือ!”

“ทหารทุกคน ฝ่าบาทตรัสออกมาแล้วว่าเหลียงอ๋องและหลี่เม่ากบฏ!” ไป๋จิ่นซิ่วตะโกนลั่น

ตอนแรกทหารบางคนของกองทัพหย่วงผิงเริ่มไม่แน่ใจตอนที่เห็นเหลียงอ๋องพาจักรพรรดิต้าจิ้นออกมาปรากฏตัว ทว่า พวกเขาหวาดกลัวกองทัพที่จี้ถิงอวี๋พามาจึงกล่าวปลอบใจตัวเองให้เชื่อว่าเหลียงอ๋องกบฏตามที่ไป๋จิ่นซิ่วบอกจริงๆ บัดนี้จักรพรรดิต้าจิ้นตรัสออกมาด้วยองค์เองเช่นนี้ ทหารกองทัพหย่วนผิงจึงไม่คิดสงสัยอีก

เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของหลี่เม่า ไป๋จิ่นซิ่วจงใจกล่าวยั่วโมโหเหลียงอ๋องต่อ “เหลียงอ๋อง บัดนี้ท่านบังคับข่มขู่ฝ่าบาท เมื่อพวกข้าบุกเข้าไปในวังได้ พวกข้าจะจับท่านประหารด้วยทัณฑ์เลาะกระดูกเพื่อแก้แค้นให้ฝ่าบาทและองค์รัชทายาทแน่นอน!”

“เสด็จพ่อ หากท่านยังไม่ตรัสสิ่งใดออกมาเพื่อแก้สถานการณ์ เมื่อพวกเราถูกไป๋จิ่นซิ่วล้อมไว้เช่นนี้ต่อไป ไม่แน่พวกเราอาจต้านไว้ไม่ถึงตอนที่กองทัพเสริมเมืองผิงหยางมาถึง พระองค์จะไม่ได้เสด็จขึ้นไปบนหอบูชาเก้าชั้นนะพ่ะย่ะค่ะ! ไม่แน่ตอนนี้เด็กหญิงและชายหนึ่งพันคนอาจรอเสด็จพ่อและท่านราชครูเทพอยู่ที่หอบูชาเก้าชั้นแล้วก็ได้พ่ะย่ะค่ะ!” เหลียงอ๋องหันไปกล่าวกับจักรพรรดิต้าจิ้นที่มีสีหน้าบึ้งตึง

เมื่อจักรพรรดิต้าจิ้นได้ยินเช่นนี้ขึงกำมือที่แนบข้างลำตัวแน่น ดวงตาที่แดงฉานไปด้วยเส้นเลือดหรี่แคบลง “ไป๋จิ่นซิ่ว เจ้าจะถอยทัพออกไปหรือไม่!”

“ไป๋จิ่นซิ่วจะปกป้องฝ่าบาทและองค์รัชทายาทจนตัวตายเพคะ!”

จักรพรรดิมองไปทางรัชทายาทด้วยสายตาเย็นชา “จับตัวรัชทายาทไปแขวนไว้บนประตูอู่เต๋อ!”

รัชทายาทได้ยินจึงมองไปทางจักรพรรดิต้าจิ้นอย่างไม่อยากเชื่อ ขาทั้งสองข้างของเขาอ่อนแรง

“เสด็จพ่อ?!”

เหลียงอ๋องตะโกนลั่น “ยังมัวรีรออันใดอยู่อีก ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้จับรัชทายาทไปแขวนบนประตูอู่เต๋อ!”

“เสด็จพ่อ! เสด็จพ่อ! ช่วยลูกด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

รัชทายาทตะโกนเรียกจักรพรรดิต้าจิ้นด้วยความหวาดกลัวสุดขีด เขาสะบัดหนีสุดแรงเกิด ทว่า ก็ยังถูกคนผลักขึ้นไปบนกำแพงประตูอู่เต๋ออยู่ดี ใบหน้าของรัชทายาทอาบไปด้วยน้ำตา

กองกำลังรักษาพระองค์ที่อยู่บนกำแพงเมืองผูกเชือกไว้ที่ร่างของรัชทายาท จากนั้นผลักตัวรัชทายาทที่สั่นเทาเพราะความกลัวลงไปจากกำแพงทันที

ตัวรัชทายาทดึ่งลงไปในอากาศ เขาร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว จากนั้นค้างอยู่กลางอากาศเพราะถูกเชือกที่มัดอยู่รั้งเอาไว้ เขารู้สึกถึงของเหลวร้อนวูบบางอย่างไหลผ่านกางเกงและชายชุดที่ที่เปื้อนไปด้วยดินโคลนหยดลงไปด้านล่างทีละหยด ความโมโหจนสิ้นหวังและความหวาดกลัวผสมปนเปจนรัชทายาทร้องไห้ออกมาอย่างเสียการควบคุม “เสด็จพ่อ! เสด็จพ่อช่วยลูกด้วยพ่ะย่ะค่ะ ลูกยังไม่อยากตายพ่ะย่ะค่ะ!”

“เหลียงอ๋อง ท่านยังกล้ากล่าวว่าไม่ได้บีบบังคับฝ่าบาทอีกหรือ!” ไป๋จิ่นซิ่วผุดลุกขึ้นยืน จากนั้นชี้นิ้วไปยังเหลียงอ๋องที่อยู่บนกำแพงอู่เต๋อ “เสือที่โหดร้ายยังไม่กินลูกชายของตัวเอง ฝ่าบาทไม่มีทางทำเรื่องที่โหดร้ายราวกับสัตว์เดรัจฉานเช่นนี้กับสายเลือดแท้ๆ ของตัวเองแน่ มีเพียงเหลียงอ๋องที่อกตัญญูไร้ความเมตตาอย่างท่านเท่านั้นที่กล้าทำกับพี่ชายแท้ๆ ของตัวเองเช่นนี้!”

เหลียงอ๋องโมโหจนหัวเราะออกมา นึกไม่ถึงเลยว่าไป๋จิ่นซิ่วจะแสดงละครได้เก่งกว่าเขาเช่นนี้

“ไป๋จิ่นซิ่ว!” เมื่อนึกถึงหอบูชาเก้าชั้น จักรพรรดิต้าจิ้นก็ไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น เขาเอ่ยถามเสียงดังลั่น

“เจ้ายังไม่ถอยทัพอีกใช่หรือไม่!”

“หากฝ่าบาทและองค์รัชทายาทยังไม่ได้ออกไปจากวังหลวงอย่างปลอดภัย ไป๋จิ่นซิ่วจะอยู่คุ้มกันทั้งสองพระองค์ที่นี่โดยไม่จากไปที่ใดทั้งสิ้นเพคะ!” ไป๋จิ่นซิ่วกำดาบที่เอวแน่นพลางตะโกนลั่น “มีเพียงการช่วยทั้งสอพระองค์ออกมาได้ไป๋จิ่นซิ่วจึงจะแน่ใจว่าเหลียงอ๋องไม่ใช่กบฏ ไป๋จิ่นซิ่วจึงจะวางใจเพคะ”

บัดนี้ตัวประกันที่สำคัญที่สุดของเหลียงอ๋องก็คือจักรพรรดิต้าจิ้นและรัชทายาท เหลียงอ๋องจะปล่อยตัวจักรพรรดิต้าจิ้นและรัชทายาทออกมาได้เช่นไร

หึ…

จากความเข้าใจที่เหลียงอ๋องมีต่อจักรพรรดิต้าจิ้น เขาย่อมรู้ดีว่าเสด็จพ่อของเขาผู้นี้ทอดทิ้งได้แม้กระทั่งรัชทายาท ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงโอรสที่ไม่ได้รับการโปรดปรานอย่างเขาเลย

“เหลียงอ๋อง ในเมื่อท่านกล่าวว่าท่านไม่ใช่กบฏ ท่านกล้าปล่อยตัวฝ่าบาทและองค์รัชทายาทออกจากวังหลวงหรือไม่ เช่นนี้ไป๋จิ่นซิ่วจะมอบกำลังทหารทั้งหมดให้ฝ่าบาทเป็นคนควบคุมแต่เพียงผู้เดียว” ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวเสียงดังลั่น

ตีงูตีเจ็ดนิ้ว[1] ไป๋จิ่นซิ่วรู้ดีว่าเหลียงอ๋องไม่กล้า

“เราจะออกจากวัง!” จักรพรรดิต้าจิ้นกล่าวอย่างร้อนใจเพราะอยากออกไปดูหอบูชาเก้าชั้น

เหลียงอ๋องหันไปทางจักรพรรดิต้าจิ้น จากนั้นหัวเราะเสียงเย็น “เสด็จพ่อจะเสด็จไปยังหอบูชาเก้าชั้นแล้วทิ้งให้ลูกเผชิญหน้ากับไป๋จิ่นซิ่วหรือพ่ะย่ะค่ะ”

เหลียงอ๋องจะไม่รู้จักนิสัยของบิดาตัวอย่างอย่างนั้นหรือ เขาคิดแย่งชิงบัลลังก์…เหยียดหยามจักรพรรดิต้าจิ้นถึงเพียงนี้ หากเขาไม่มีข้อต่อรองไว้บีบบังคับเสด็จพ่อผู้นี้ เสด็จพ่อของเขาคงชำแหลกร่างเขาไปนานแล้ว

“เราจะยกบัลลังก์ให้เจ้าเดี๋ยวนี้เลย!” จักรพรรดิต้าจิ้นกล่าวเสียงเบาหวิว “ตกลงหรือไม่!”

“เสด็จพ่อ…บัดนี้กองทัพจ่ออยู่ที่ประตูวังหลวง ต่อให้เสด็จพ่อยกบัลลังก์ให้ลูกตอนนี้ก็ต้องดูด้วยว่าไป๋จิ่นซิ่วเชื่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ…” เหลียงอ๋องกวาดสายตามองไปทางไป๋จิ่นซิ่วที่ยืนอยู่ด้านล่างกำแพง “ที่สำคัญหากเสด็จพ่อเกิดเปลี่ยนพระทัยตอนหนีออกไปจากวังได้แล้วลูกจะทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”

รัชทายาทที่ถูกแขวนอยู่กลางอากาศยังคงส่งเสียงร้องไม่หยุด จักรพรรดิต้าจิ้นสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปอย่างเดือดดาล ชีวิตนี้เขาเกลียดการถูกควบคุมเป็นที่สุด เมื่อก่อนตอนไป๋เวยถิงยังมีชีวิตอยู่ เขาโดนควบคุมไปเสียทุกเรื่อง…

บัดนี้โอรสที่เขาคิดว่าอ่อนแอและจงรักภักดีต่อเขามากที่สุดกลายเป็นคนที่อันตรายต่อเขามากที่สุด

เหลียงอ๋องมองไป๋จิ่นซิ่วนิ่ง จากนั้นกล่าวเสียงดังลั่น “แขวนรัชทายาทไว้เช่นนั้น ไป๋จิ่นซิ่วถอยทัพเมื่อใดค่อยปล่อยตัวรัชทายาทลงมา!”

กล่าวจบเหลียงอ๋องเดินจากไปทันที

หลี่เม่าเดินตามหลังเหลียงอ๋องไปติดๆ เขากล่าวกับเหลียงอ๋องเสียงเบาหวิว “องค์ชาย จะรอช้าต่อไปไม่ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายต้องหาวิธีให้ฝ่าบาทยกบัลลังก์ให้พระองค์โดยเร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ กองทัพผิงหยางคงกำลังเดินทางมาเมืองหลวงแล้ว หากกองทัพผิงหยางเดินทางมาถึงแล้วถูกไป๋จิ่นซิ่วเกลี้ยกล่อมให้ช่วยเหลือฝ่าบาทออกไปจากวังหลวงก่อน เมื่อฝ่าบาทหลุดจากควบคุมของพวกเรา พวกเราจะแพ้ทันทีพ่ะย่ะค่ะ! มีเพียงฝ่าบาทยกบัลลังก์ให้องค์ชาย จากนั้นสวรรคตลงก่อนที่กองทัพผิงหยางจะมาถึงเท่านั้น องค์ชายจึงจะขึ้นครองราชย์อย่างชอบธรรมในสายตาของกองทัพผิงหยางพ่ะย่ะค่ะ!”

เหลียงอ๋องชะงักฝีเท้าหันไปมองหลี่เม่า สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายกลัวว่าหากเราล้มเหลวท่านจะถูกพวกของไป๋จิ่นซิ่วชำแหละร่างสินะ! ท่านเป็นคนยุให้เสด็จพี่รองของข้าก่อกบฏจริงหรือไม่”

หลี่เม่ารู้ดีว่าองค์ชายรองมีความสำคัญต่อเหลียงอ๋องมากเพียงใด เขารีบประมวลผลรับมืออยู่ในใจอย่างรวดเร็ว

[1] ตีงูตีเจ็ดนิ้ว หมายความว่าตีงูต้องตีให้แม่นในตำแหน่งที่หลังหัว 7 นิ้วจีน งูถึงจะสยบทันที อุปมาว่า ไม่ว่าจะพูดคุยสนทนา กระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือปฏิบัติงานใดๆ ต้องจับจุดใจความสำคัญให้แม่น