บทที่ 904 เจียงเจวี๋ยซื่อปะทะหานฮวง

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 904 เจียงเจวี๋ยซื่อปะทะหานฮวง

“ท่านพ่อมีลูกศิษย์ที่ร้ายกาจขนาดนี้ด้วยหรือ”

หานฮวงถามด้วยความแปลกใจ เขายังไม่เคยพบเหล่าศิษย์ของสำนักซ่อนเร้นมาก่อน

หานชิงเอ๋อร์พยักหน้าด้วยความหงุดหงิด

ตอนนี้แค่นางเห็นหานฮวงก็หงุดหงิดแล้ว การเปรียบเทียบกับคนอื่นช่างน่าโมโหโดยแท้

หานฮวงวิ่งกลับไปทันที ไปหาหานเจวี๋ย

พอหานเจวี๋ยทราบเรื่องนี้ ก็รู้สึกว่าใช้ได้เลย

หานฮวงมิใช่คู่ต่อสู้ของเจียงเจวี๋ยซื่อแน่นอน อีกทั้งตอนนี้หานฮวงแค่สิบขวบ เพียงพอจะสร้างความตะลึงให้เจียงเจวี๋ยซื่อได้ สร้างความรู้สึกวิกฤตให้แก่เจียงเจวี๋ยซื่อ

แสงเทพแผ่ออกมาจากร่างของหานเจวี๋ย หานฮวงเห็นเข้าก็เบิกตากว้าง ปากน้อยอ้าเผยอ

เขาเลียนแบบทันที แผ่แสงสีม่วงออกมาจากทั่วร่าง จากนั้นก็พินิจดูรูปลักษณ์ของตน ชอบใจยิ่งนัก

หานเจวี๋ยโบกมือ เคลื่อนย้ายเจียงเจวี๋ยซื่อเข้ามาในอารามเต๋า

เจียงเจวี๋ยซื่อกำลังนั่งสมาธิบำเพ็ญอยู่ ทันใดนั้นเขารับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของหานฮวง อดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้น

เวลานี้ หานฮวงกำลังจ้องมองเขาด้วยแววตาคุโชน

เขามองเห็นร่างของหานเจวี๋ย รีบคุกเข่าทำความเคารพ

“คารวะอาจารย์”

ถึงแม้หานเจวี๋ยจะไม่เคยเผยรูปโฉมที่แท้จริง แต่รูปลักษณ์ของอีกฝ่ายกลับทำให้เขายากจะลืมเลือนลง

หานเจวี๋ยเปิดปากเอ่ย “ที่เรียกเจ้ามาวันนี้ เพราะอยากให้เจ้าประลองกับศิษย์น้องเล็กของเจ้าสักหน่อย นี่คือบุตรชายของข้า หานฮวง เพิ่งครบสิบขวบ”

เจียงเจวี๋ยซื่อผงะไป ให้ตนประลองกับเด็กน้อยวัยสิบขวบคนหนึ่งหรือ

เขาพลันมีสีหน้าประหลาดใจ

เขาจ้องหานฮวงเขม็ง สีหน้ายากจะเชื่อ

เขากัดฟันถาม “เจ้าคือระดับเสรีหรือ”

หานฮวงเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “ถูกต้อง ข้าเกิดมาก็มีตบะระดับเสรีแล้ว”

หลังจากเหยียบย่างเข้าสู่มหามรรคต้นกำเนิด เขาย่อมเข้าใจในระดับขั้นพลังทั้งหมด

เมื่อเจียงเจวี๋ยซื่อได้ยิน ม่านตาพลันขยายตัว ระลอกความตกใจมหาศาลผุดขึ้นในใจ

เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปทางหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “เด็กคนนี้อยู่ในครรภ์หลายล้านปีกว่าจะคลอดออกมา เป็นระดับเสรีแต่กำเนิดจริงๆ”

เจียงเจวี๋ยซื่อเงียบไป

ในใจเขายังคงตื่นตะลึงยิ่ง

หากนับจากช่วงเวลาที่อยู่ในครรภ์ เช่นนั้นด้วยคุณสมบัติที่เขาสั่งสมมาหลายแสนชาติ พอเทียบกับหานฮวงแล้ว ไล่ตามไม่ทันเลย

จู่ๆ เขาก็เข้าใจคำพูดของหลิวเป้ยขึ้นมา หานเจวี๋ยไม่ได้ใส่ใจคุณสมบัติของเขาจริงๆ

“มาๆๆ พวกเรามาสู้กันเถอะ! ตั้งแต่ถือกำเนิดมา ข้าก็อยากสู้แล้ว แต่ไม่มีใครกล้าสู้กับข้าเลย!” หานฮวงเอ่ยด้วยความตื่นเต้น พูดจบก็เหวี่ยงหมัดใส่เจียงเจวี๋ยซื่อทันที ผลคือเพิ่งลงมือก็ถูกสกัดไว้แล้ว

เจียงเจวี๋ยซื่อขมวดคิ้ว ไม่คิดเลยว่าเด็กคนนี้จะไม่เข้าใจในเชิงยุทธ์เลย

พอลองคิดดูอีกที อีกฝ่ายเพิ่งสิบขวบ ไหนเลยจะรู้มากขนาดนั้น

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ไม่ได้จะให้พวกเจ้าสู้กันที่นี่ ข้าจะให้พวกเจ้าเข้าไปสู้กันในแดนมายา อยู่ในนั้น พวกเจ้าจะสู้กันได้เต็มที่ ไม่มีทางทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บไปจริงๆ อีกอย่างแดนมายาแห่งนี้ยังมีคู่ต่อสู้อื่นๆ ให้เลือกท้าประลองด้วย ล้วนเป็นคู่ต่อสู้ที่ข้าเคยเผชิญด้วยมาก่อน มีทุกระดับ”

พูดจบ เขาก็มอบสิทธิ์เข้าถึงแบบจำลองการทดสอบให้หานฮวงและเจียงเจวี๋ยซื่อ จากนั้นก็ดึงทั้งคู่เข้าไปต่อสู้ตัดสินกัน

เขาถ่ายทอดเสียงหาเจียงเจวี๋ยซื่อ “เด็กคนนี้ยังไม่รู้ความ เจ้าลงมือได้เต็มที่ ไม่จำเป็นต้องยั้งมือ”

เดิมทีเจียงเจวี๋ยซื่อยังคงลังเลยิ่งนัก แต่พอได้ยินประโยคนี้ เขาเข้าใจในทันใด

ที่แท้อาจารย์อยากสั่งสอนศิษย์น้องเล็ก

คิดๆ ดูก็ถูกแล้ว ระดับเสรีแต่กำเนิด เช่นนั้นจะโอหังเพียงใดกัน

หากไม่อบรบสั่งสอนให้ดี วันหน้าต้องก่อเรื่องใหญ่สะท้านฟ้าสะเทือนดินแน่

ความรู้สึกทระนงปรากฏขึ้นในใจเจียงเจวี๋ยซื่อ เขาเชื่อว่าในระดับเดียวกันคนที่สู้ตนได้มีน้อยยิ่ง ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงอีกฝ่ายที่เป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งเลย

การต่อสู้เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!

ฝ่ายที่ลงมือก่อนย่อมเป็นหานฮวง จากนั้นก็ถูกสะกดข่ม

หานเจวี๋ยคอยชมการต่อสู้ เขาแปลกใจที่พบว่ากายเนื้อของหานฮวงแข็งแกร่งยิ่ง แม้ว่าจะถูกโจมตี แต่เจียงเจวี๋ยซื่อก็ไม่สามารถสังหารเขาในเสี้ยววินาทีได้

เวลาผ่านไปสิบลมหายใจเต็ม เจียงเจวี๋ยซื่อสีหน้าแปลกพิกล เขารับรู้ได้ถึงความกดดันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

กายเนื้อของเด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเลย!

หานฮวงจ้องมองเจียงเจวี๋ยซื่อ กัดฟันเอ่ย “อีกรอบ!”

เจียงเจวี๋ยซื่อเหลือบมองหานเจวี๋ยแวบหนึ่ง เห็นหานเจวี๋ยพยักหน้าให้ จึงตกลงประลองต่อ

หลายชั่วยามผ่านไป

หานฮวงพ่ายแพ้ไปห้าสิบครั้ง แต่ช่วงเวลาที่เขายืนหยัดอยู่ได้ก็ยาวนานขึ้นเรื่อยๆ เจียงเจวี๋ยซื่อมองเขาด้วยสายตาที่ราวกับมองสัตว์ประหลาด

หานเจวี๋ยเอ่ยขึ้นว่า “พอแค่นี้เถอะ เจียงเจวี๋ยซื่อ เจ้าสามารถอยู่ฝึกฝนที่นี่ได้ ใช้แบบจำลองการทดสอบขัดเกลาตัวเอง รอจนเจ้าไม่อยากฝึกฝนประสบการณ์ต่อสู้แล้ว ข้าจะปล่อยเจ้าออกไป”

“ขอบพระคุณขอรับอาจารย์”

เจียงเจวี๋ยซื่อประสานหมัดคารวะ จากนั้นก็ไปนั่งสมาธิอยู่ด้านข้าง 艾琳小說

หานฮวงจ้องเขาอยู่ตลอด แววตาไม่โหดเหี้ยมและไม่หวาดกลัว แต่จริงจังยิ่ง จริงจังเย็นชา

เจียงเจวี๋ยซื่อรู้สึกเหมือนตนเป็นเหยื่ออย่างน่าประหลาด อดไม่ได้ที่จะกระวนกระวายใจ

ต่อไปจะต้องพยายามให้เต็มที่ จะปล่อยให้เด็กน้อยคนนี้ไล่ตามทันไม่ได้เด็ดขาด

หานเจวี๋ยมองหานฮวง เอ่ยถาม “อะไรกัน แพ้ไม่เป็นหรือ”

หานฮวงได้สติกลับมา มองหานเจวี๋ยแล้วเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้แพ้นะขอรับ หากให้เวลาข้า ข้าจะเอาชนะเขาได้ในไม่ช้าก็เร็ว”

“หากเจ้าเผชิญกับศัตรูในฟ้าบุพกาล ศัตรูจะปล่อยให้เจ้ามีเวลาเอาชนะเขาได้เช่นนั้นหรือ”

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างเฉยเมย วาจานี้ทำให้หานฮวงเงียบไป

เงียบอยู่ครู่หนึ่ง หานฮวงก็เอ่ยขึ้นว่า “ท่านพ่อ ถ่ายทอดพลังวิเศษให้ข้าด้วยเถิด ข้าจะเอาชนะเขาให้ได้ภายในห้าปี!”

โชคดีที่เจียงเจวี๋ยซื่อเข้าสู่แบบจำลองการทดสอบแล้ว มิเช่นนั้นหากได้ยินเข้า ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทีแบบไหน

หานเจวี๋ยจ้องมองเขา ถามว่า “หากทำไม่ได้สมควรจัดการอย่างไร”

หานฮวงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ต้องทำได้แน่!”

“ตอนนี้เขาร้ายกาจกว่าข้า แต่ข้ารู้สึกว่าเขาสู้ข้าไม่ได้ เขาเป็นแค่สัตว์เลื้อยคลานที่แข็งแกร่งตัวหนึ่งเท่านั้น”

หานเจวี๋ยเอ่ยติ “ศิษย์ร่วมสำนักนับเป็นญาติพี่น้อง จะเปรียบเป็นสัตว์เลื้อยคลานได้อย่างไร”

“ข้ารู้ขอรับ ข้าแค่พูดไปเพราะความแตกต่างระหว่างข้ากับเขา…ไอ๊หยา ท่านพ่อรีบถ่ายทอดพลังวิเศษให้ข้าเถอะขอรับ”

หานฮวงพูดไม่กระจ่างแล้ว โผเข้าหาอ้อมแขนของหานเจวี๋ย เริ่มออดอ้อน

หานเจวี๋ยยิ้ม จากนั้นเริ่มถ่ายทอดพลังวิเศษให้

ในไม่ช้า หานฮวงนั่งสมาธิอยู่ตรงหน้าหานเจวี๋ย เริ่มฟังอย่างตั้งใจ

ความเข้าใจของเทพมารอนธการแข็งแกร่งยิ่ง หานชิงเอ๋อร์ใช้เวลาร้อยปีกว่าจะเรียนรู้ฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกรเป็น ทว่าเขาใช้เวลาไม่กี่เดือนก็เข้าใจแล้ว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงพลังวิเศษอย่างอื่นเลย

สามปีต่อมา

หานเจวี๋ยยังเทศนาธรรมอยู่ ข้อความแถวหนึ่งพลันเด้งขึ้นมา

[จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

ยอมรับ

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ เริ่มแบ่งสมาธิทำสองเรื่อง เทศนาธรรมไปด้วย เข้าสู่แดนความฝันไปด้วย

แดนความฝันยังคงเป็นป่าละเมาะนอกสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ ไม่เปลี่ยนแปลงไป

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายหัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมาก่อนแล้วกล่าวว่า “หานเจวี๋ย เจ้าได้บุตรชายที่ยอดเยี่ยมอีกคนแล้วสินะ”

หานเจวี๋ยทราบดีว่าปรากฏการณ์ตอนหานฮวงถือกำเนิดมีผู้ทรงพลังมากมายรับรู้ได้ จึงตอบอย่างไม่ปิดบัง “เป็นเด็กซนคนหนึ่งเท่านั้น”

“เรารู้ว่าปกติเจ้ามักจะยุ่งง่วนกับการบำเพ็ญ หากว่าไม่มีเวลาดูแลบุตร ส่งมาให้เราก็ได้”

“เช่นนี้จะไม่…’

“ไม่รบกวนเลย!”

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายก้าวเข้ามา ดวงตาเปล่งประกาย

หานเจวี๋ยพูดไม่ออกเลย

เหตุใดถึงเอาแต่ปรารถนาในตัวบุตรชายข้าเล่า

เอาเถอะ บุตรชายของเขาก็คุณสมบัติเลิศล้ำจริงๆ

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างจนใจว่า “เด็กคนนี้ ท่านเลี้ยงไม่ได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายถามด้วยความแปลกใจ “เพราะอะไร เขามีอาจารย์แล้วหรือ”

หานเจวี๋ยจึงเล่าถึงนิสัยและทัศนคติของหานฮวง ความหมายในวาจาคือจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายไม่มีทางสยบหานฮวงได้

ไม่เหมือนกับหานทั่ว หานฮวงก้าวแรกสูงส่งยิ่ง ไม่ว่าใครก็ไม่คู่ควร

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเงียบไป

ใช่แล้ว

เสรีแต่กำเนิด ไม่เคยมีปรากฏมาก่อน ตัวตนระดับนี้ไหนเลยจะใช่คนที่เขาอยากจะเลี้ยงก็เลี้ยงได้เล่า

“เช่นนั้นเราไปเยี่ยมเขาได้หรือไม่” จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายถาม ยังไม่ยอมถอดใจ

หานเจวี๋ยตอบ “ย่อมได้พ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเป็นหนึ่งในสหายอันน้อยนิดของเขา ร่วมทางกับเขามาอย่างยาวนาน ที่หานเจวี๋ยยิ่งใหญ่แข็งแกร่งเช่นในทุกวันนี้ได้ จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายก็เคยลงทุนลงแรงไปมากเช่นกัน ตนไม่มีทางละเลยจักรพรรดิสวรรค์แน่นอน

“เราจะไปเยือนมรรคาสวรรค์ในอีกไม่ช้า!”

พอกล่าวจบ แดนความฝันก็สลายไป

………………………………………………………………