บทที่ 905 เลิศล้ำหมื่นยุค

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 905 เลิศล้ำหมื่นยุค

ระยะเวลาห้าปีผ่านไปเร็วยิ่ง หานฮวงมาเรียกเจียงเจวี๋ยซื่ออย่างอดรนทนไม่ไหว

“เจ้ามาท้าข้าสู้อีกแล้วหรือ”

เจียงเจวี๋ยซื่อขมวดคิ้วมองเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า

คิดจะเอาชนะตนให้ได้ในเวลาห้าปี โอหังเกินไปแล้วกระมัง!

หานฮวงกล่าวว่า “มาเถอะ ข้ารับรองกับท่านพ่อไว้ว่าจะเอาชนะเจ้าได้ในห้าปี หากรอต่อไปจะเกินกำหนดแล้ว”

เจียงเจวี๋ยซื่อมองหานเจวี๋ย เห็นว่าหานเจวี๋ยไม่ได้เอ่ยวาจา จึงได้แต่ยอมรับคำท้า

เพียงแต่เสียงของหานเจวี๋ยกลับแว่วขึ้นในหูเขา “เอาชนะเขาให้ได้ ทุ่มพลังทั้งหมดซะ”

เจียงเจวี๋ยซื่อมองหานฮวงที่มีสีหน้าฮึกเหิมและคาดหวัง อดไม่ได้ที่จะโอดครวญอยู่ในใจ

เมื่อเข้าสู่แบบจำลองการทดสอบ เจียงเจวี๋ยซื่อชิงเอ่ยขึ้นมาก่อนว่า “ศิษย์น้องเล็ก คุณสมบัติของเจ้าแข็งแกร่งจริงๆ หากเปลี่ยนเป็นระดับเสรีคนอื่น อาจจะถูกเจ้าก้าวข้ามได้ภายในห้าปีจริงๆ แต่หากคิดจะก้าวข้ามข้า นั่นเป็นไปไม่ได้เลย ในระดับเสรียังไม่มีใครสู้ข้าได้!”

หานฮวงซัดฝ่ามืออกไป ฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกร!

เจียงเจวี๋ยซื่อวาดสองมือเป็นวงกลม สำแดงกลับชาติกำเนิดมหาโชคออกไปก่อน จากนั้นสำแดงฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกร ทรงพลังกว่าหานฮวงมากนัก!

สองฝ่ามือปะทะกัน หากว่าอยู่ในแดนเซียน แดนเซียนสลายเป็นเถ้าธุลีในชั่วพริบตาแน่นอน

การต่อสู้นี้จบลงเร็วยิ่ง ไม่ถึงยี่สิบลมหายใจ

หานฮวงลืมตาขึ้น สีหน้ามืดครึ้มอย่างยิ่ง

เจียงเจวี๋ยซื่อละอายใจอยู่บ้าง ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มวัยสิบห้าปีคนหนึ่ง

หานเจวี๋ยเอ่ยขึ้นว่า “การประลองระหว่างพวกเจ้าทั้งสองสิ้นสุดลงเท่านี้ เจียงเจวี๋ยซื่อ เจ้าไปฝึกบำเพ็ญต่อเถอะ ไม่ต้องสนใจเขา”

เจียงเจวี๋ยซื่อลุกขึ้นมาพลางกล่าวว่า “อาจารย์ ข้าก็สมควรกลับไปเพียรบำเพ็ญเช่นกันขอรับ คุณสมบัติของศิษย์น้องเล็กสมคำร่ำลือโดยแท้ หากว่าให้เวลาอีกห้าปี ข้าต้องแพ้แน่นอน ข้าก็ต้องกลับไปเร่งฝึกบำเพ็ญเช่นกัน เพื่อพิสูจน์มหามรรคให้ได้ในเร็ววัน”

หานเจวี๋ยพยักหน้ารับ โบกมือส่งเจวียงเจวี๋ยซื่อกลับไป

ถึงจะได้ยินคำพูดของเจียงเจวี๋ยซื่อ แต่สีหน้าของหานฮวงมิได้อ่อนลงเลย

เขายังคงได้รับความสะเทือนใจมหาศาล

พูดไว้ดิบดีว่าจะเอาชนะเจียงเจวี๋ยซื่อให้ได้ภายในห้าปี แต่กลับทำไม่ได้ นี่เป็นความสะเทือนใจครั้งแรกในชีวิตของเขา

หานเจวี๋ยเก็บแสงเทพ ถอนหายใจเอ่ยไปว่า “ฮวงเอ๋อร์ ตอนนี้เข้าใจความหมายที่พ่อบอกแล้วกระมัง เจียงเจวี๋ยซื่อคนนั้นดูคล้ายสัตว์เลื้อยคลาน แต่ความจริงแล้วกลับครอบครองมหาโชคไว้ ว่ากันในอีกแง่หนึ่งคือ คุณสมบัติของเขาไม่ด้อยไปกว่าเจ้าเลย”

หานฮวงเงยหน้าขึ้นพลางเอ่ยถาม “มหาโชคคือสิ่งใดขอรับ”

“ต่อไปเจ้าก็จะรู้เอง ตอนนี้ระดับของเจ้าต่ำเกินไป พูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ พ่อหวังเพียงว่าเจ้าจะไม่คลางแคลงในตัวเอง และไม่ดูแคลนสรรพสิ่ง”

พอได้ยินคำพูดที่แสนอ่อนโยนของบิดา หานฮวงสูดหายใจเข้าลึกๆ พยักหน้ารับอย่างเชื่องช้า

สองพ่อลูกพูดคุยกันต่อไปอีกสักพัก หานฮวงเดินออกไปนอกอาราม ไปหาหานชิงเอ๋อร์

ไม่ได้พบกันห้าปี หานชิงเอ๋อร์สัมผัสได้ชัดเจนว่าหานฮวงแข็งแกร่งขึ้นมากนัก กลิ่นอายทั่วร่างทำให้เหล่าศิษย์ที่อยู่ไกลออกไปขวัญผวากันทั้งสิ้น

“เป็นอะไร พี่ดูไม่มีความสุขเลย”

หานชิงเอ๋อร์ถาม นางมองแวบเดียวก็ทราบถึงสภาพอารมณ์ของหานฮวงแล้ว

ในใจนางไม่สบอารมณ์ยิ่ง เจ้ามีคุณสมบัติเลิศล้ำถึงเพียงนี้แล้ว ยังไม่มีความสุขอีกหรือ

หานฮวงนั่งลงตรงหน้านาง เอ่ยว่า “ข้าแพ้เจียงเจวี๋ยซื่อ”

หานชิงเอ๋อร์ได้ฟังก็ตกใจ

นางยอมรับว่าเจียงเจวี๋ยซื่อแข็งแกร่งมากจริงๆ แต่พอได้ยินผลลัพธ์นี้ ก็ยังคงตกใจมากอยู่ดี

ถึงอย่างไรในใจของนาง พี่รองคนนี้ของนางก็คือสัตว์ประหลาด

หานชิงเอ๋อร์เอ่ยปลอบใจ “ไม่เป็นไรหรอก ถึงอย่างไรเจียงเจวี๋ยซื่อก็ฝึกบำเพ็ญมาหลายหมื่นปี พี่เพิ่งบำเพ็ญได้แค่ไม่กี่ปีเท่านั้น”

หานฮวงกล่าวว่า “ไม่เลย เขาร้ายกาจจริงๆ แต่ข้าจะก้าวข้ามเขาไปให้ได้ ข้ามาเพื่อบอกลาเจ้า ต่อไปนี้ข้าจะไม่มาเล่นเป็นเพื่อนเจ้าแล้ว ข้าเตรียมจะปิดด่านฝึกบำเพ็ญ เช่นเดียวกับท่านพ่อในสมัยก่อน”

หานชิงเอ๋อร์จ้องมองหานฮวงด้วยความแปลกใจ พบว่าเด็กคนนี้เอาจริง

นางอดสงสัยไม่ได้ ที่แท้เจียงเจวี๋ยซื่อแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่ ไม่น่าเชื่อว่าจะกระตุ้นเด็กคนนี้ได้ถึงเพียงนี้

หานฮวงลุกขึ้น มุ่งหน้าไปหาสิงหงเสวียนและชิงหลวนเอ๋อร์ แจ้งเรื่องนี้ต่อท่านแม่ทั้งสอง ถึงอย่างไรเขาก็ยังเยาว์วัย กำลังเตรียมจะปิดด่านเป็นครั้งแรก ย่อมรู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิต

สิงหงเสวียนและชิงหลวนเอ๋อร์ล้วนรู้สึกขบขัน แต่ยังคงเอ่ยกำชับเขาอย่างเป็นจริงเป็นจังหลายประโยค

เมื่อเป็นเช่นนี้ หานฮวงจึงกลับไปอยู่ข้างกายหานเจวี๋ย สองพ่อลูกปิดด่านฝึกบำเพ็ญไปด้วยกัน

….

เพียงพริบตาเดียว เวลาผ่านไปเจ็ดพันสี่ร้อยสามสิบห้าปี

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น มองหานฮวงที่อยู่ข้างกายซึ่งเติบใหญ่แล้ว แววตาฉายแววชื่นชม

หานฮวงที่ปิดด่านอย่างจริงจังตบะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด บรรลุระดับเสรีระยะปลายแล้ว จะสำเร็จมหามรรคในสามหมื่นปี ย่อมเป็นไปได้แน่นอน ในจุดนี้เหนือกว่าบิดาอย่างเขาไปแล้ว

“ฮวงเอ๋อร์”

หานเจวี๋ยเรียกเบาๆ

หานฮวงลืมตาขึ้น เอ่ยถาม “ท่านพ่อมีเรื่องใดหรือขอรับ”

จากนั้นเขาก็ยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย นับตั้งแต่ปิดด่าน สองพ่อลูกไม่พูดคุยกันเลย เขาเองก็จมจ่อมอยู่ในสภาวะฝึกบำเพ็ญอย่างไม่อาจถอนตัวได้เช่นกัน

ความรู้สึกที่แข็งแกร่งขึ้นเช่นนี้ช่างรู้สึกดีมากจริงๆ ดฮณ๊ฯดฯฌซ,

“พ่อจะเจ้าไปพบคนผู้หนึ่ง”

หานเจวี๋ยเอ่ยขึ้น ก่อนจะพาหานฮวงเคลื่อนย้ายไปยังเขตเซียนร้อยคีรี จากนั้นก็กระโจนขึ้นสู่ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม

ปัจจุบันนี้ชั้นฟ้าที่สามสิบสามรองรับการมาเยือนของอริยะมหามรรคได้แล้ว แต่มีเพียงระดับที่ต่ำกว่าอริยะลงไปถึงจะเข้าออกอย่างอิสระได้

หานเจวี๋ยพาหานฮวงมายังตำหนักเอกภพ ยามนี้จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายและจอมอริยะเสวียนตูกำลังสนทนากันอยู่

หานฮวงเดินตามหลังหานเจวี๋ย ในใจนึกอยากรู้อยากเห็น

ที่นี่คือที่ไหนกัน

หลังจากเข้าสู่ตำหนักเอกภพ สายตาของหานฮวงมองไปที่ร่างของจอมอริยะเสวียนตูและจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย เขารับรู้ได้ว่าสองคนนี้แข็งแกร่งมาก น่าจะเป็นระดับเสรีเช่นกัน

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายมองไปที่หานฮวงก่อน ดวงตาพลันเปล่งประกาย

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายและจอมอริยะเสวียนตูลุกขึ้นมาทันที

“ฮ่าๆ หานเจวี๋ย นี่คือบุตรชายของเจ้าหรือ คล้ายเจ้าจริงๆ”

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายกล่าวด้วยความสะท้อนใจ จอมอริยะเสวียนตูมองหานฮวง รู้สึกตื่นเต้นระคนแปลกใจ

ระดับเสรี!

นี่ก็คือผู้ที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์พิเศษเมื่อหลายพันปีก่อนอย่างนั้นหรือ

บุตรชายของอริยะสวรรค์เกรียงไกร

อายุยังไม่ถึงหมื่นปีก็แข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ

หานเจวี๋ยเดินเข้าไปหาทั้งสองคน เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ถูกต้อง เขามีนามว่าหานฮวง ฮวงเอ๋อร์ ยังไม่มาคารวะผู้อาวุโสทั้งสองอีกหรือ ท่านนี้คือจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย เป็นผู้ที่มีบุญคุณช่วยสนับสนุนผลักดันพ่อ ท่านนี้คือจอมอริยะเสวียนตู เป็นสหายที่ดีของพ่อ”

จอมอริยะเสวียนตูที่มีสีหน้าเฉยเมยมาโดยตลอด พอได้ยินคำว่าสหายที่ดีก็ยิ้มหน้าบาน

“หานฮวงคารวะผู้อาวุโสทั้งสอง”

หานฮวงประสานหมัดคำนับ เพียงแต่สีหน้ากลับไม่ได้มีความเคารพมากนัก ในส่วนนี้ จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายและจอมอริยะเสวียนตูล้วนไม่ถือสา กลับมอบสมบัติวิเศษเป็นของขวัญในการพบหน้าอย่างกระตือรือร้น

ทั้งสองล้วนใจกว้างยิ่ง ต่างมอบสมบัติวิญญาณฟ้าบุพกาลให้

ยอดสมบัติเช่นนี้พวกเขามีอยู่ไม่มากนัก

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเหลือบมองจอมอริยะเสวียนตูแวบหนึ่ง ในใจรับรู้ได้ถึงภัยคุกคาม

แม้ว่าจอมอริยะเสวียนตูจะปวดใจยิ่งนัก แต่เขาทราบดีว่าสมบัติวิเศษชิ้นนี้ไม่มีประโยชน์ต่อตนมากนัก ถึงอย่างไรเขาก็ไม่จำเป็นต้องออกไปรบอยู่แล้ว ไม่สู้นำมาซื้อใจว่าที่ผู้ครองตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุคแห่งฟ้าบุพกาลดีกว่า

ใช่แล้ว ในใจของจอมอริยะเสวียนตู หานฮวงถือเป็นเลิศล้ำหมื่นยุคแล้ว

แม้ว่าจะเป็นชิงเทียนเสวียนจี ก็ยังห่างชั้นเทียบกันกับหานฮวงไม่ได้!

เป็นครั้งแรกที่หานฮวงได้รับสมบัติวิเศษ ก่อนหน้าตอนที่สู้กับเจียงเจวี๋ยซื่อก็เคยเห็นสมบัติวิเศษมาก่อน ดังนั้นเขาจึงดีใจมาก

“ขอบพระคุณผู้อาวุโสทั้งสอง!”

หานฮวงรับสมบัติวิเศษไป เอ่ยด้วยความตื่นเต้นยินดี สายตาที่มองจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายและจอมอริยะเสวียนตูอ่อนโยนลง

พวกหานเจวี๋ยทั้งสามแย้มยิ้มแล้วนั่งลง เริ่มพูดคุยกัน

คุยกันได้ไม่เท่าไร ก็หันเหมาที่เรื่องของหานฮวง

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเอ่ยยิ้มๆ “ฮวงเอ๋อร์ อยากออกไปท่องฟ้าบุพกาลหรือไม่ เมื่อก่อนพี่ใหญ่ของเจ้าก็เคยติดตามเรา”

………………………………………………………………