ตอนที่ 232-1 เผยไต๋ตัวปลอม

ปราสาทไซน่า ทหารในลานใหญ่กำลังแลกเปลี่ยนฝีไม้ลายมือกันอยู่ เสียงอาวุธกระทบกันและเสียงตะโกนร้องจากผู้คนโดยรอบทำให้ปราสาทเก่าแก่แห่งนี้มีความคึกคักขึ้นหลายส่วน

ในห้องบนชั้นสอง จีหมิงซิวเขียนข้อความลงบนแผ่นกระดาษเสร็จก็ม้วนอย่างดีแล้วเอาใส่ลงในกระบอกไม้ไผ่ขนาดประมาณนิ้วชี้

เฉียวเวยเดินเข้ามาแล้วปิดประตูเบาๆ นางนั่งลงข้างกายเขา มองกระบอกไม้ไผ่ใส่ม้วนกระดาษในมืออีกฝ่าย “จะรับตัวจิ่งอวิ๋นกับวั่งซูมาจริงๆ หรือ”

จีหมิงซิว “ดูจากสถานการณ์ในเวลานี้ นี่เป็นวิธีการที่ดีที่สุดแล้ว”

“จะอันตรายมากหรือไม่” เฉียวเวยถาม ถึงแม้นางอยากจะฉีกหน้ากากพวกตัวปลอมเหล่านั้นมาก แต่หากต้องแลกมาด้วยการไม่สนใจความปลอดภัยของลูกน้อยทั้งสอง นางยินดีคิดหาวิธีอื่นเสียยังดีกว่า!

จีหมิงซิวเข้าใจว่านางกำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ ในใจเขามีหรือจะไม่เคยใคร่ครวญถึงเรื่องเหล่านี้ เพียงแต่ว่านี่เป็นวิธีการที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว “พวกมันสืบเรื่องพวกเราละเอียดไปถึงขั้นต้าไป๋กับจูเอ๋อร์ ในเมืองหลวงน่ากลัวว่าจะมีแต่สายลับของพวกมันเต็มไปหมด แผนการในวันนี้ การพาตัวจิ่งอวิ๋นกับวั่งซูมาไว้ข้างกายต่างหากถึงเป็นวิธีการที่ปลอดภัยที่สุด”

เฉียวเวยคิดแล้วก็เห็นจริงดังว่า คนกลุ่มนั้นไม่เพียงรู้ว่าในครอบครัวนางมีใครบ้าง แต่แม้กระทั่งใครเลี้ยงตัวอะไร สัตว์เลี้ยงแต่ละตัวมีชื่อว่าอะไรก็ยังรู้โดยละเอียด เห็นได้ชัดว่าคงจับตาดูพวกนางมาไม่ใช่แค่วันสองวัน หากเป็นเช่นนี้สู้รับเด็กๆ มาที่นี่ไม่ดีกว่าหรือ “เพียงแต่หนทางจากที่นี่ไปถึงเมืองหลวงนั้นยาวไกลยิ่งนัก ไปมาแต่ละทีก็ต้องใช้เวลาไม่น้อย ระหว่างทางยังอาจเจอการไล่สังหารจากพวกเขาอีก”

จีหมิงซิวจับนกตัวเล็กที่เกาะนิ่งอยู่ตรงหน้าต่างขึ้นมา แล้วเอากระบอกไม้ไผ่อันเล็กผูกไว้กับขาของมัน “ข้าจะให้นกไปส่งจดหมายหาพรรคโลหิตพิฆาต วันเดียวก็ถึง พรรคโลหิตพิฆาตจะคุ้มครองจิ่งอวิ๋นกับวั่งซูให้มาถึงเมืองเฟยอวี๋ เวลานี้สือซีอยู่ที่ชนเผ่าเกาเยี่ว์ ชนเผ่าเกาเย่ว์อยู่ไม่ห่างจากเมืองเฟยอวี๋ ข้าส่งข่าวไปบอกเขาแล้วเช่นกัน เขาจะไปรับตัวจิ่งอวิ๋นกับวั่งซูระหว่างทาง นอกจากนี้อี้เชียนอินกับไซน่าอิงก็จะรีบไปพบพวกเขาที่เมืองเฟยอวี๋ด้วย”

“พรรคโลหิตพิฆาตไว้ใจได้หรือไม่” เฉียวเวยยังไม่ลืมว่าคนเหล่านั้นเคยถูกตนเล่นงานจนสภาพดูไม่ได้มาก่อน หากแม้แต่นางยังสู้ไม่ไหว แล้วจะรับมือคนชั่วจากชนเผ่าลึกลับเหล่านั้นได้อย่างไร

จีหมิงซิวเข้าใจทันทีว่านางคิดอะไรอยู่ “คนที่ลอบสังหารเจ้าไม่ใช่ศิษย์ชั้นในด้วยซ้ำ เจ้าว่าอย่างไรเล่า”

“จีอู๋ซวงดูถูกข้าเพียงนี้เชียวหรือ! ส่งศิษย์ชั้นนอกพวกนั้นมาลอบสังหารข้า?” เฉียวเวยพูดจบสายตาก็พลันเป็นประกาย “ลอบสังหารฮูหยินน้อย”

จีหมิงซิวระบายยิ้ม ปล่อยนกในมือให้บินไป

เวลานี้ทั้งสองคนยังไม่รู้ว่าบุตรนางที่พวกเขาเฝ้าคิดถึงได้มาอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งบนเกาะนิรนามแล้ว

คณะของพวกเขาขึ้นมาบนเกาะ เดินทางผ่านป่าไปพักหนึ่งก็มาถึงบ้านฟางผุๆ พังๆ หลังหนึ่ง ที่ว่ากันว่ากระต่ายเจ้าเล่ห์มีสามรังนั้น คนที่มีฐานะเช่นใต้เท้าเจ้าสำนักเช่นนี้ก็ย่อมสร้างรังให้ตนเองไว้หลายรังเช่นกัน

รังแห่งนี้อยู่ค่อนข้างห่างไกล ไม่มีผู้คนมาถึง นอกจากใต้เท้าเจ้าสำนักกับอาต๋าเอ่อร์แล้ว ก็ไม่มีใครเคยมาที่นี่อีก การมาพักอยู่ที่นี่สามารถหลบสายตาของทางการได้ดียิ่งนัก ทั้งยังปิดโอกาสการหลบหนีและร้องขอให้ผู้อื่นช่วยของพวกเขาด้วย

ข้าช่างฉลาดล้ำยิ่งนัก!

เฉียวเจิงทำหน้าหวาดกลัว “นี่คือที่ไหนกัน เจ้าไม่ได้บอกว่าจะพาพวกข้าไปหาจีหมิงซิวหรอกหรือ เหตุใดถึงพาพวกข้ามาอยู่ในป่าในเขาเช่นนี้”

ใต้เท้าเจ้าสำนักยิ้มชั่วร้าย “ก็เพราะพวกเจ้าถูกหลอกอย่างไรเล่า ข้าไม่ได้คิดจะพาพวกเจ้าไปหาจีหมิงซิวตั้งแต่แรก และไม่ได้รับคำไหว้วานใดๆ จากเขาด้วย ที่ข้าพาพวกเจ้ามาก็เพียงเพื่อจะทรมานพวกเจ้าเท่านั้น ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะใช้ที่นี่เป็นกรงขัง จับพวกเจ้าไปกักตัวเอาไว้ รอให้ข้าทรมานพวกเจ้าจนพอใจก่อน ค่อยลากพวกเจ้าไปขายในตลาดมืดอีกที หมอหนึ่งคนกับเด็กที่ขาวอวบราวกับหยกสองคน คิดแล้วคงขายได้เงินไม่เลว แน่นอนว่าหากจีหมิงซิวยอมใช้เลือดตัวเองซื้อตัวพวกเจ้า ข้าจะลองพิจารณาดูก็ได้”

เฉียวเจิงสั่นเทิ้มไปทั้งตัว “เจ้า…เจ้ามันน่ารังเกียจเกินไปแล้ว!”

“โบร๋ว…”

ห่างไปไม่ไกลมีเสียงหมาหอนดังลอยมา

วั่งซูตกใจจนโผเข้าไปซุกอยู่กับอกเฉียวเจิง “ท่านตา! ข้ากลัว! ข้าอยากกลับบ้าน!”

งูพิษแลบลิ้นพลางเลื้อยเข้ามาหา

จิ่งอวิ๋นก็ตกใจมากเช่นกัน โผเข้าหาเฉียวเจิงด้วยอีกคน “ท่านตา! ช่วยด้วย!”

เจ้าสัตว์น้อยตัวอื่นเห็นได้ชัดว่าไม่เคยอยู่ในสถานการณ์ที่น่าตกใจเพียงนี้เช่นกัน จูเอ๋อร์หน้าถอดสี กระโดดขึ้นไปอยู่บนไหล่เฉียวเจิง

ต้าไป๋กับเสี่ยวไป๋ก็กอดกันกลม ตัวน้อยๆ สั่นเทิ้มไปหมด

ใต้เท้าเจ้าสำนักรู้สึกสาแก่ใจยิ่งนัก เอามือเท้าสะเอวเงยหน้าหัวเราะลั่น “ฮ่าๆๆๆๆ… ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ… ฮ่าๆๆๆๆๆ…”

“เจ้าสำนัก เจ้าสำนัก เจ้าสำนัก!” อาต๋าเอ๋อร์ฟาดใต้เท้าเจ้าสำนักให้อย่างแรงทีหนึ่ง

ใต้เท้าเจ้าสำนักสะดุ้งโหยงก่อนจะหลุดจากภวังค์ เขากระแอมไอด้วยสีหน้าเรียบเฉย เบือนสายตาไปมองบ้านที่อยู่ตรงหน้า กลับได้เห็นว่าคนที่ควรยืนอยู่ในบ้านหายตัวกันไปหมด คิ้วคู่งามของใต้เท้าเจ้าสำนักพลันขมวดมุ่น “ไปไหนแล้วเล่า!”

อาต๋าเอ่อร์ชี้ไปทางด้านหลัง

ใต้เท้าเจ้าสำนักหันขวับไปมอง!

เฉียวเจิงเป็นหมอพเนจรมาสิบห้าปี กลับไม่เคยพบสถานที่เช่นนี้มาก่อน ทิวทัศน์งดงาม อากาศปรอดโปร่งเย็นสบาย มีเสียงนกเคล้ากลิ่นดอกไม้ ห่างไกลจากโลกภายนอก หนำซ้ำระหว่างทางที่มานี้เต็มไปด้วยสมุนไพรหายาก ที่อยู่ไกลยังไม่พูดถึง แต่แค่ละแวกบ้านฟางหลังนี้ก็มีหญ้าจื่ออิ๋งขึ้นเต็มไปหมดแล้ว น้ำลายเขาแทบจะไหลลงมาเต็มที

ฤดูหนาวของเมืองหลวงหิมะตกหนัก งูน้อยของมันหนีไปจำศีล เสี่ยวไป๋เลยเหงามาก แต่หลังจากมาที่นี่ เสี่ยวไป๋ก็ต้องตกใจเมื่อได้พบว่าบนพื้นบนต้นไม้ ตามซอกหิน มีงูน้อยอยู่เต็มไปหมด!

ดีใจเหลือเกิน!

ซ้ายตัวหนึ่ง ขวาตัวหนึ่ง เก็บลงตะกร้าให้หมด!

ต้าไป๋ก็จับหนูนาอย่างสนุกสนานเช่นกัน!

จูเอ๋อร์ปีนขึ้นต้นไม้ไปเด็ดผลไม้ จิ่งอวิ๋นทำหลุมดักสัตว์เล็กๆ เตรียมล่ากระต่ายตัวน้อยๆ มาทำเป็นอาหาร วั่งซู…วั่งซูหายไปไหน

สายตาใต้เท้าเจ้าสำนักพลันเคร่งขรึม “เจ้าเด็กอ้วนนั่นเล่า! คงไม่ได้หนีไปแล้วกระมัง!”

“แฮ่ก…แฮ่ก…แฮ่ก…หนักจังเลย!”

พอได้ยินเสียงหอบแฮ่กๆ ก็เห็นวั่งซูเดินออกมาจากในป่า มือนางลากสัตว์ขนาดมหึมาสีเทาๆ ออกมาด้วยตัวหนึ่ง

พอใต้เท้าเจ้าสำนักกับอาต๋าเอ่อร์เห็นเต็มสองตาว่าคืออะไร ทั้งสองก็รู้สึกเสียววาบไปทันที…