บทที่ 847 มีคนกำลังมอง

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

ตื่นแล้วเหรอ

เมื่อนัทธีได้ยินเสียงลูกสาวตะโกน ก้มไปมอง ก็เห็นดวงตากลมโตสีดำแวววาวคู่นั้นของเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขน

มองดูดวงตาที่กะพริบตาไปมาของสุขใจ โดยมีน้ำลายไหลออกมาเป็นฟอง จึงทำให้นัทธียิ้มเบาๆ“ตื่นแล้วจริงๆด้วย”

ไอริณหึๆอย่างภาคภูมิใจ “เป็นไอริณที่เห็นน้องตื่นนะคะ”

“ไอริณเก่งมาก และเป็นพี่สาวที่ดีมากๆ” นัทธีมองไอริณแวบหนึ่ง แล้วพูดอย่างรักใคร่เอ็นดูเหลือเกิน

อารัณหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาสองแผ่นแล้วยื่นให้นัทธี “ให้ครับคุณพ่อ เอาไปเช็ดปากให้น้องนะครับ น้ำไหลและฟองน้ำนมไหลออกมาอีกแล้วครับ”

“โอเค” นัทธีรับกระดาษทิชชู่จากลูกชายคนโต และเอ่ยชมลูกชายคนโต “อารัณก็เป็นพี่ชายที่ดีจริงๆ รู้จักดูแลน้องๆด้วย”

แม้อารัณจะเป็นมีความคิดโตเกินวัย แต่ยังไงก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ เมื่อได้ยินคำชมจากพ่อแม่ แก้มแดงด้วยความเขิน

เขายกแขนขึ้นมากอดอก แสร้งทำเป็นไม่สนใจ “ยังดีมั้งครับ”

นัทธียิ้มพลางส่ายหัว จากนั้นก็เอากระดาษทิชชู่มาเช็ดริมฝีปากให้สุขใจ

สุขใจยังเล็ก เพิ่งจะสามเดือนกว่า ยังไม่ถึงสี่เดือน

หากเปลี่ยนเป็นการเกิดของเด็กปกติแล้ว ก็คงจะยังอยู่ในท้องแม่ในตอนนี้

ดังนั้นอย่าว่าแต่ฟังเสียงโลกภายนอกเข้าใจเลย แม้แต่มองสิ่งของให้ชัดเจนก็คงยังไม่ได้

แต่ว่า นี่ก็ไม่สามารถขัดขวางความสุขของสุขใจได้

ตอนที่นัทธีเช็ดริมฝีปากให้เขา ริมฝีปากเล็กๆของเขาก็ยิ้มขึ้นมา

เมื่อนัทธีเห็นเช่นนี้ ม่านตาก็เบิกกว้างเล็กน้อยในทันที ใบหน้าที่เย็นชาอยู่เสมอ ได้แสดงออกให้เห็นถึงความตื่นเต้นเล็กน้อยที่มันพบยากนัก

“เมื่อกี้ สุขใจยิ้มเหรอ” นัทธีพูดอย่างดีใจ

ไอริณและอารัณพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า

“ ใช่ค่ะยิ้ม ไอริณเห็นแล้วค่ะ น้องยิ้มแล้วจริงๆค่ะ”

“ ผมก็เห็นด้วยครับ” อารัณจับมือเล็กๆของสุขใจ “ น้องต้องรู้แล้วเเน่ว่าอีกสักพักก็จะได้เจอหม่ามี๊ จึงยิ้มดีใจออกมาครับ”

“ อารัณก็คิดว่าเป็นแบบนั้นค่ะ” ไอริณพูดอย่างเห็นด้วย “ เมื่อมาถึงที่ที่หม่ามี๊อยู่ น้องก็ตื่นทันที น้องต้องรู้ว่าจะได้เจอหม่ามี๊แล้วแน่เลยค่ะ”

“ พวกลูกพูดถูกแล้ว” นัทธีเอากระดาษทิชชู่ที่เช็ดให้สุขใจทิ้ง แล้วลูบใบหน้าเล็กๆของสุขใจอย่างเห็นด้วย “ เด็กมักจะรับรู้ได้ไวอยู่แล้ว สุขใจไม่เคยเจอหม่ามี๊พวกลูกมาก่อน เพราะฉะนั้น น้องคงอยากรีบเจอหม่ามี๊ของพวกลูกให้ไวๆ”

“ พวกเราก็อยากเจอหม่ามี๊ไวๆด้วยค่ะ” พูดแล้ว ไอริณก็ดึงแขนนัทธีเบาๆ “ คุณพ่อค่ะ พวกเรารีบลงจากรถแล้วเข้าไปกันเถอะค่ะ พวกเราอยากเจอหม่ามี๊แล้ว และสุขใจก็อยากเจอหม่ามี๊ด้วย หม่ามี๊ก็คงอยากเจอพวกเรา และอยากเจอสุขใจมากด้วยค่ะ”

“ ไอริณพูดถูกครับ พวกเรามาที่นี่ ก็เพื่ออยากทำเซอร์ไพรส์ให้หม่ามี๊ ให้หม่ามี๊รู้ว่าสุขใจออกมาแล้ว ต่อไปนี้ก็จะอยู่ด้วยกันกับพวกเรา ตอนนี้ผมอยากให้หม่ามี๊เจอสุขใจไวๆครับ หม่ามี๊เจอสุขใจแล้ว ต้องดีใจมากแน่นๆครับ” อารัณพูด

เมื่อเห็นลูกทั้งสองอยากรีบลงจากรถมากมายขนาดนี้ นัทธีก็ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง พยักหน้าตกลง “ โอเค งั้นก็เข้าไปกันเถอะ แต่ตอนนี้หม่ามี๊พวกลูกกำลังแข่งขันอยู่ พวกเราห้ามไปรบกวนหม่ามี๊นะ ตอนนี้ไปรอหม่ามี๊ที่ห้องพักก่อน รอหม่ามี๊เเข่งเสร็จแล้ว ค่อยไปเจอหม่ามี๊”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เด็กสองคนที่ดูตื่นเต้นในตอนแรกกลับก้มหน้าอย่างผิดหวังทันที

“ หา ที่แท้หม่ามี๊ยังแข่งอยู่นี่เอง”

“ นี่ก็ช่วยอะไรไมได้แล้ว ใครให้พวกมาในเวลาที่เหมาะสมล่ะ” อารัณถอนหายใจพลางกางมือเล็กทั้งสองข้างออก

ไอริณเห็นเด็กน้อยที่มีฟองน้ำนมไหลออกมาจากริมฝีปากโดยไม่ร้องไม่โวยวายที่อยู่ในอ้อนแขนของนัทธี“ หนูยังอยากให้หม่ามี๊เจอสุขใจไวๆค่ะ”

“ ไม่เป็นไร รอหม่ามี๊แข่งเสร็จก่อนค่อยเจอก็เหมือนกันนะ” นัทธียื่นมือข้างหนึ่งออกมา โดยลูบปลอบใจลูกทั้งสองตามลำดับ

เด็กทั้งสองคนพยักหน้า “ คงต้องให้มันเป็นแบบนี้แล้วล่ะ”

นัทธีออกเอาออก “ มารุต พาคุณชายน้อยกับคุณหนูน้อยลงจากรถ ไปที่ห้องพักก่อน”

“ครับ” มารุตที่นั่งข้างคนขับผู้ที่ต้องค่อยเห็นครอบครัวนี้โชว์ความรักมาตลอดเวลาได้ไอเบาๆ แล้วตอบรับ

เมื่อกี้เขาเห็นครอบครัวของท่านประทานนั้นแสนสุข ในใจก็รู้สึกอิจฉาเหลือเกิน จึงแอบสาบาน ว่าหลังจากที่ตัวเองกับเชอรีแต่งงานกันแล้ว ก็จะมีลูกสามคน แล้วอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างมีความสุขเหมือนกับท่านประธาน คงมีความสุขน่าดูแน่นอน

มารุตแอบหัวเราะคิกคักในใจ หลังจากลงจากรถ ก็อุ้มอารัณกับไอริณลงจากรถตามลำดับ จูงมือไว้คนละข้าง มุ่งเดินไปที่ห้องแข่งขัน

นัทธีอุ้มสุขใจลงจากรถเป็นคนสุดท้าย แล้วเดินเข้าไปห้องแข่งขันโดยมีกลุ่มบอดี้การ์ด และแม่นมติดตามไปด้วย

ในห้องการแข่งขันได้มีเจ้าหน้าที่ได้รับการแจ้งเตือนแล้วกำลังรอพวกเขาอยู่ เมื่อเห็นการมาของพวกเขาแล้ว ก็รีบพาพวกเขาไปที่ห้องพักที่จัดเตรียมไว้ทันที

ห้องพักนั้นใหญ่มาก เทียบเท่ากับห้องสวีทขนาดเล็กที่มีพื้นที่ประมาณร้อยกว่าตารางเมตร มีพวกห้องครั้งและห้องนอนต่างๆด้วย

นัทธีให้บอดี้การ์ดเฝ้าอยู่ข้างนอกห้องพัก ไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้

เพราะมีเด็กถึงสามคน เขาจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ หากมีลูกคนใดคนหนึ่งเกิดเรื่อง จะเสียใจก็คงไม่ทันแล้ว

“อุ้มสุขใจเข้าไปให้นมที่ข้างในเถอะ” นัทธีส่งสุขใจให้พี่เลี้ยงแล้วพูด

วารุณีนั้นคลอดก่อนกำหนด หลังจากที่ให้กำเนิดสุขใจแล้ว สุขใจก็เข้าตู้อบในโรงพยาบาลทันที แม้แต่ผู้ปกครองก็ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ ดังนั้นจึงไม่สามารถให้นมสุขใจได้ เลยฉีดยาหย่านมให้

ตอนนี้สุขใจออกจากตู้อบได้แล้ว และออกจากโรงพยาบาลแล้ว จึงต้องหาพี่เลี้ยงที่ทำหน้าที่ให้นมสุขใจโดยเฉพาะ และทำหน้าที่ดูแลสุขใจในอนาคตด้วย

เพราะเขากับวารุณีต่างก็มีงานที่ต้องรับผิดชอบ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่เลี้ยงลูกโดยไม่ทำอะไร

“ได้ค่ะคุณนัทธี” เมื่อพี่เลี้ยงได้ยินคำสั่งของนัทธี ก็รับสุขใจมาอย่างระมัดระวัง แล้วอุ้มสุขใจเข้าไปในห้องนอน

ไอริณตามไปอย่างกระโดดโลดเต้น

เธอติดน้องชายแจ อยากอยู่ใกล้น้องชาย แทบยี่สิบสี่ชั่วโมง

อารัณไม่ได้ตามไปด้วย

เพราะเขาคิดว่า ตอนนี้คือผู้ชาย จะไปดูคนอื่นให้นมได้ยังไง

ดังนั้นยืนอยู่ด้านอก เฝ้าดูการแข่งขันของวารุณี ผ่านกล้องวงจรปิดกับนัทธีดีกว่า

“คุณพ่อ คือหม่ามี๊ครับ” อารัณชี้ไปยังผู้หญิงคนที่สวยที่สุด ในทีวีจอขนาดใหญ่ตรงหน้า

แล้วพูดอย่างดีใจ

นัทธีจ้องผู้หญิงคนนั้นไม่ละสายตา พยักหน้าเบาๆ

“เห็นแล้วครับ”

“หม่ามี๊สวยจังครับ หม่ามี๊เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกเลยครับ” อารัณกางมือทำท่าลูกโลก แล้วเอามืออวบๆทั้งสองข้างเท้าคาง จ้องมองวารุณีที่อยู่ในจออย่างดีใจพลางชื่นชม

นัทธียิ้มเบาๆ “ถูกที่สุด”

แม้คำว่าสวยที่สุดในโลกนี้จะบรรยายเกินจริง

แต่ในใจของสองพ่อลูก วารุณีคือผู้หญิงที่สวยที่สุดอย่างแน่นอน

เชื่อว่าในใจของเธอ ทั้งสองพ่อลูกนี้ก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน

ตอนนี้วารุณีกำลังล้อมนางแบบคนหนึ่งอยู่ โดยใช้สายวัดกำลังวัดสัดส่วนต่างๆของร่างกายนางแบบ

ลีน่าที่อยู่ข้างกาย ก็กำลังวัดรอบคอข้อแขนและส่วนต่างๆอยู่เช่นนั้น

เมื่อวัดไปวัดมา จู่ๆวารุณีก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง จึงหยุดการเคลื่อนไหว เงยหน้าจ้องมองกล้องวงจรปิดที่อยู่เหนือศีรษะ

ลีน่าสังเกตเห็นการกระทำของเธอ ก็เงยหน้ามองตาม

หลังจากมองแล้ว ก็ไม่อะไร จึงถามอย่างสงสัย “วารุณี มีอะไรเปล่า มองอะไรอ่ะ”

“ฉันรู้สึกเหมือนมีคนกำลังมองฉันอยู่” วารุณีกะพริบตาพลางพูด

“กำลังมองเธออยู่เหรอ” ลีน่าเลิกคิ้ว จากหลังก็เงยหน้ามองกล้องวงจรปิดอีกแวบหนึ่ง “ คงไม่ใช่พวก โรคจิตมั้ง”

“มีพวกโรคจิต ที่ไหนล่ะ” วารุณีจะหัวเราะก็ไม่ออกร้องไห้ก็ไม่ได้ ที่หัวเราะก็ไม่ออกร้องไห้ก็ไม่ได้ เพราะการหยอกล้อของลีน่า“ทำไมจะไม่มี แกสวยขนาดนี้ พวกโรคจิตที่จ้องแก มีเยอะจะตาย ฉันไม่ได้พูดมาตลอด ว่ามีนักออกแบบมากมายชอบแก มีทั้งผู้ชายผู้หญิงเลยนะ”

“หยุดเล่นได้แล้ว” วารุณีพูดผลักเธอออกอย่างอารมณ์เสีย จากนั้นก็วนกลับมาเรื่องเดิม “หากฉันเดาไม่ผิด น่าจะเป็นนัทธีกำลังมองฉันอยู่”