บทที่ 846 สุขใจเดินทางไปต่างประเทศ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“ใช่ไหมล่ะ แกที่เป็นแม่ยังพูดแบบนี้เลย งั้นฉันก็วางใจแล้ว”ลีน่าหัวเราะ “นอกจากจี้นำโชคแเล้ว ฉันยังเตรียมของขวัญให้อารัณกับสุขใจด้วย”

“อารัณกับสุขใจเหรอ”วารุณตะลึง “ทำไมฉันไม่รู้”

ลีน่าโบกมือ “มันเป็นเซอร์ไพรส์ไง ดังนั้นฉันจึงไม่ได้บอกแก ฉันให้จี้นำโชคกับไอริณแล้ว จะไม่เตรียมของให้อารัณกับสุขใจได้ไง พวกเขาคือสามพี่น้องนะ และเป็นลูกของเธอด้วย จะลำเอียงได้ยังไง เพราะฉะนั้นก็ต้องเตรียมให้หมดทุกคน ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าวารุณีก็เต็มไปด้วยปลาบปลื้ม “ลีน่า ขอบใจแกนะ”

“ขอบใจอะไรกัน” ลีน่ายิ้มพูด “แม้ตำแหน่งแม่บุญธรรมของอารัณและไอริณ จะถูกปาจรีย์แย่งไปแล้ว แต่ฉันคือแม่บุญธรรมของสุขใจนะ ก็ถือว่าเป็นแม่บุญธรรมของอารัณและไอริณด้วย แม่บุญธรรมจะให้ของขวัญลูกบุญธรรม มันไม่ใช่เรื่องที่สมควรเหรอ หากแกรู้สึกเกรงใจ ก็รอในอนาคตฉันคลอดลูก แกก็ให้ของขวัญลูกฉันสักชิ้นก็พอ”

วารุณียิ้มพลางพยักหน้า “ได้สิ ก็ตกลงกันแบบนี้แล้วนะ ฉันก็จะเป็นแม่บุญธรรมลูกแกนะ”

“งั้นก็ดีสิ ลูกฉันมีแกกับประธานนัทธีที่รวยแบบนี้เป็นพ่อแม่บุญธรรม ฉันดีใจจนจะบ้าแล้ว” ลีน่าพูดด้วยตาเป็นประกาย

วารุณีจะไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี “เห็นแก่เงิน”

ลีน่าหัวเราะคิกคัก“เห็นแก่เงินก็เห็นแก่เงินดิ บนโลกใบนี้ใครไม่รักเงิน เพื่อเงิน อะไรก็ทำได้ อย่างเช่นคนอย่างจุ๊บแจงไง”

เมื่อได้จุ๊บแจงสองคำนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของวารุณีก็จางหายไปมาก นัยน์ตามีความขยะแขยงออกปรากฏขึ้นมา

ลีน่าโบกมือ “ไม่พูดถึงเธอแล้ว เดี๋ยวซวย”

“แกเป็นคนพูดถือเธอเองนะ” วารุณีมองตาขวางใส่เธอ

เธอยิ้มอย่างแห้งๆ “ฉันปากไวไปหน่อย”

“พอแล้ว” วารุณีส่ายหน้าอย่างจนปัญญา แล้วถาม “แกเตรียมของขวัญอะไรให้อารัณกับสุขใจ”

“เป็นพวกเครื่องประดับ ที่ใส่บนคอแหละ เพราะของไอริณคือจี้นำโชคที่ใส่ประดับบนคอ ฉันครุ่นคิดแล้ว ในเมื่อพวกเขาคือสามพี่น้อง งั้นก็ให้ของที่คล้ายๆกันให้แล้วกัน แบบนี้ถึงจะยุติธรรมกับพวกเธอ ดังนั้นจึงออกแบบจี้หยกรูปโน๊ตบุ๊คและลูกคิดเล็กๆให้อารัณ เพราะอารัณมีความเป็นแฮกเกอร์สูง ต่อไปก็ผู้สืบทอดของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป อันนี้เลยเหมาะกับอารัณที่สุด ” ลีน่าพูด

วารุณัพยักหน้า “ถูกต้อง มีความหมายที่แฝงไว้แบบนี้เอง”

“ใช่แล้ว” ลีน่ายิ้มพลางพูด “ส่วนของสุขใจ สุขภาพสุขใจไม่ค่อยดี ดังนั้นฉันจึงออกจี้หยกเจ้าแม่กวนอิมให้ แม้จะไม่ได้ดูพิเศษเหมือนของอารัณ แต่สำหรับสุขใจแล้วอันนี้เหมาะสมที่สุดแล้ว ขอให้คุ้มครองให้สุขใจกลับมามีสุขภาพที่แข็งแรงเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ”

เมื่อได้ยินเพื่อนรักพูดเช่นนี้ ในใจวารุณีก็รู้สึกอบอุ่น นัยน์ตาแดงก่ำด้วยความซาบซึ้ง “ลีน่า ขอบใจนะ”

“เอ๊ะ” ลีน่ามองเธอย่างไม่พอใจ “ก็บอกแล้วไง ว่าฉันคือแม่บุญธรรมของเด็กๆ ขอบใจอะไรกัน”

วารุณีเห็นลีน่าแกล้งทำเป็นหงุดหงิด วารุณีก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง “โอเคๆๆๆ ฉันไม่ขอบใจแล้ว”

“แบบนี้สิถึงจะถูก” แบบนี้ลีน่าถึงจะพอใจ

วารุณีโยนกระป๋องกาแฟที่ดื่มหมดแล้วลงในถังขยะที่อยู่ไม่ไกลนัก “ฉันก็ว่าช่วงนี้แกทำไปออกไปข้างนอกบ่อยๆ ตอนที่ฉันถามแก แกก็จะตอบแบบมีลับลมคมใน ที่แท้ก็เป็นเพราะกำลังเตรียมของขวัญให้ลูกฉันนี่เอง”

“ใช่แล้ว” ลีน่าพยักหน้า “ที่วิลล่าไม่มีเครื่องตัดพวกจิวเวลรี่แบบโดยเฉพาะ เพราะฉะนั้นฉันจึงต้องหาสตูดิโอข้างนอก ขอยืมเครื่องตัดของพวกเขาเพื่อทำของขวัญให้พวกเด็กๆให้เสร็จ”

“ทำเธอลำบากเธอเลย” วารุณีมองไปยังเธอ

“ไม่เป็นไร” ลีน่ายักไหล่ “ไม่ใช่งานหนักอะไรสักหน่อย อีกอย่างฉันทำงานนี้อยู่แล้ว แถมยังเป็นการทำให้เด็กๆที่ชอบอีก ดังนั้นมันไม่รู้สึกลำบากเลยนะ เพียงแค่เด็กๆชอบ มันก็คุ้มค่าแล้ว”

“วางใจเถอะ พวกเขาต้องชอบอยู่แล้ว” วารุณียิ้มพูด

สุขใจยังเล็ก ยังตอบเองไม่ได้

แต่อารัณกับไอริณ เธอเชื่อว่าลูกๆของเธอ ต้องเห็นค่าของขวัญที่คนอื่นให้อย่างแน่นอน

“ได้ยินแกพูดแบบนี้ ฉันก็วางใจแล้ว”ลีน่าบิดขี้เกียจ

ไม่นาน เวลาครึ่งชั่วโมงก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว พิธีกรที่ดำเนินการแข่งขันก็ปรากฏตัวขึ้น บนเวที

ผู้คนที่สนทนาอยู่ด้านล่าง ต่างก็เงียบไปทันที

เพราะพวกเขารู้ ว่าการที่พิธีกรปรากฏตัวขึ้นนั้น หมายความว่าการแข่งขันเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว

เป็นไปอย่างที่คิด ทันทีที่ที่พิธีกรขึ้นเวที ก็ประกาศทันทีว่าการแข่งขันเริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว จากนั้น หน้าจอขนาดใหญ่ด้านบน ก็แสดงหัวข้อในการแข่งขัน

เมื่อทุกคนเห็นหัวข้อในการแข่งขันแล้ว ก็เข้าสู่โหมดการแข่งขันทันที

อีกด้านหนึ่ง สนามบิน

เครื่องบินส่วนตัวของนัทธีหยุดจอดลงในลานจอดส่วนตัวที่สนามบิน มีคนกลุ่มหนึ่งประมาณสิบกว่าคนเดินลงมาจากด้านบน

นำทีมโดย บอดี้การ์ดสองคน

ด้านหลังบอดี้การ์ดทั้งสองคน คือนัทธี

เขาไม่ได้เป็นเหมือนแต่ก่อน ที่จูงมือเด็กสองคนลงจากเครื่องบิน แต่คืออุ้มเด็กคนหนึ่งไว้

เด็กคนนั้นถูกห่อตัวไว้ อย่างแน่นหนา

เด็กคนนั้น คือสุขใจ

หากวารุณีอยู่ตรงนี้ แล้วเห็นสุขใจไม่นอนอยู่ในตู้อบ กลับถูกนัทธีอุ้มไว้ในอกเช่นนี้ ต้องตื้นตันจนร้องไห้ออกมาแน่นอน

เพราะนี่หมายความว่า สุขใจไม่ต้องพึ่งตู้อบ สามารถใช้ชีวิตแบบปกติภายใต้แสงแดด และในอากาศได้แล้ว กลายเป็นเด็กที่ใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งตู้อบอีกต่อไป

แต่ตอนนี้วารุณีไม่สามารถเห็นได้ เพราะเธออยู่ในการแข่งขันอยู่

“คุณพ่อค่ะ” เวลานี้เอง ก็มีเสียงเด็กดังมาจากด้านหลังนัทธี

นัทธีหันไปมอง คือไอริณ

ไอริณจับมือมารุตไว้พลางมองเขา “คุณพ่อค่ะ น้องเป็นยังไงบ้างคะ ไม่ได้เมาเครื่องบินเหมือนไอริณแบบนั้นใช่ไหมคะ”

เธอถามอย่างเป็นห่วง

นัทธีตอบอย่างอ่อนโยน “ไม่ครับลูก สุขใจสบายดีครับ”

ไอริณดูโล่งอก “ดีแล้วค่ะ งั้นไอริณก็วางใจแล้ว ไอริณกลัวน้องจะป่วยอีก ถ้าน้องป่วยขึ้นมา หม่ามี๊กับคุณพ่อก็จะเป็นห่วงเป็นอย่างมาก”

“วางใจได้เลย ต่อไปนี้น้องจะไม่ป่วยแล้วนะ” นัทธีก้มมองเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในอ้อใอกของตัวเอง

ไอริณพยักหน้า “งั้นดีแล้วค่ะ ดีแล้ว”

ไอริณเป็นพี่สาวที่แสนดี นัทธียื่นมือข้างหนึ่งออกไป ลูบศีรษะไอริณเบาๆ

อารัณรีบพูดทันที “ยังมีผมนะครับ ผมก็เป็นพี่ชายที่แสนดีด้วยครับ ตอนอยู่ยนเครื่องผมกลัวน้องจะหนาว ให้แอร์โฮสเตสเอาผ้าห่มให้น้องตลอดเวลาเลยนะครับ”

“อารัณทำดีมากเช่นกันเลย” นัทธีลูบศีรษะอารัณเบาๆ

อารัณหัวเราะอย่างดีอกดีใจ

“โอเค ไปกันเถอะ การแข่งขันของหม่ามี๊ของลูกๆคงจะเริ่มกันแล้ว พวกเราไปเชียร์หม่ามี๊ที่สนามแข่งกันเถอะ” นัทธีเก็บโทรศัพท์แล้วมองนาฬิกาข้อมือแวบหนึ่ง พบว่าสายมากแล้ว จึงพูด “มารุต ดูแลคุณชายน้อยและคุณหนูน้อยให้ดีๆ”

“วางใจได้เลยครับท่านประธาน” มือทั้งสองข้างของมารุตจูงมือเด็กไว้

นัทธีอือตอบอย่างพอใจ“ไปกันเถอะ”

คนกลุ่มหนึ่ง ที่อยู่ในสนามบินต่างก็มองด้วยสายตาตะลึง อิจฉาและสงสัย ขึ้นขบวนรถหรู และมุ่งหน้าไปที่ห้องแข่งขัน

บนถนน สุขใจหลับตลอดทาง ด้วยหลับสบาย

ไอริณค่อยจูบใบหน้าเล็กๆของสุขใจบ่อยๆ ดูรักสุขใจเป็นอย่างมาก

หากไม่ใช่เพราะสุขใจยังหลับตลอดทาง ไอริณอยากปลุกสุขใจให้ตื่น แล้วชวนสุขใจเล่น

เธอนั้นติดน้องชายมาก แต่ร่างกายน้องชายไม่แข็งแรง จึงไม่สามารถเล่นกับเธอได้ตลอด เธอจึงทำได้เพียงทุกวันตอนที่น้องชายตื่น ถึงจะชวนน้องชายเล่นสักพักเท่านั้น

แต่ทุกวันเวลาตอนที่น้องชายตื่นนั้นมันน้อยมาก นี่จึงทำให้ความหวังที่มีต่อน้องชายของเธอไม่เป็นจริงเสียที

“คุณพ่อครับ ถึงแล้วครับ” จู่ๆอารัณก็ชี้ไปด้านหน้าแล้วตะโกน

นัทธีที่กำลังอยู่กับไอริณอยู่เมื่อได้ยินแล้วก็เงยหน้าขึ้น ถึงห้องแข่งขันแล้วจริงๆ

ทันใดนั้น ไอริณก็จ้องมองที่อกของนัทธี นัยน์หน้าเบิกกว้าง ตะโกนเรียกเซอร์ไพรส์ “คุณพ่อค่ะน้องตื่นแล้วค่ะ”