บทที่ 883 หลิวจือเสี้ยนมาแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 883 หลิวจือเสี้ยนมาแล้ว

บทที่ 883 หลิวจือเสี้ยนมาแล้ว

กู้เสี่ยวหวานกล่าวต่อ “หลังจากที่ข้าได้รับหลักฐาน ข้าจึงส่งคนเหล่านี้ทั้งหมดไปที่ศาลาว่าการในเมืองรุ่ยเสียน หากท่านลุงต้องการไปหา เหตุใดถึงไม่ไปเมืองรุ่ยเสียนล่ะเจ้าคะ?”

ครั้นกู้ฉวนลู่ได้ยินกู้เสี่ยวหวานส่งพวกเขาไปที่เมืองรุ่ยเสียน

จะเป็นไปได้อย่างไร?

“เจ้าส่งเขาไปที่เมืองรุ่ยเสียนได้อย่างไร” กู้ฉวนลู่ตะโกนขึ้นด้วยความไม่เชื่อ

“ทำไมข้าจะส่งเขาไปที่เมืองรุ่ยเสียนไม่ได้? ใต้เท้าหลิวเป็นขุนนางที่ดี ข้าส่งพวกเขาไปที่นั่นเพราะข้ารู้ว่า ใต้เท้าหลิวจะจัดการกับพวกเขาอย่างยุติธรรม และให้ความยุติธรรมกับข้าได้” กู้เสี่ยวหวานกล่าวเสียงดัง

“เจ้าอย่ามาโกหก” กู้ฉวนลู่ยังคงไม่เชื่อ “เจ้าคงคิดว่าข้าจะไปเมืองรุ่ยเสียนเพื่อตามหาเขาใช่หรือไม่? ดังนั้นแค่ใช้สองคนนี้เพื่อหลอกลวงเรา”

“ข้าจะหลอกท่านด้วยเหตุอันใดกัน?” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ตนเองพูดทุกอย่างชัดเจนหมดแล้ว กู้ฉวนลู่คนนี้จะไม่เชื่อได้อย่างไร

“ทุกคนควรรู้เรื่องบาดหมางระหว่างครอบครัวข้ากับกู้เสี่ยวหวาน โดยธรรมชาติแล้วความบาดหมางนี้เกิดขึ้นที่โรงศาลของผู้พิพากษาเมืองรุ่ยเสียน” กู้ฉวนลู่มองกู้เสี่ยวหวานอย่างดุร้าย “ภรรยาของข้าถูกบังคับให้จำคุกมากกว่าสองเดือน และถูกตัดสินโดยใต้เท้าหลิว ผู้ใดจะรู้เล่าว่ามีสิ่งซับซ้อนภายใต้เรื่องนี้ จริง ๆ แล้วเจ้าควรปล่อยให้เจ้าหน้าที่เมืองหลิวเจียของพวกเราเป็นผู้จัดการไม่ใช่หรือ แต่เจ้ากลับไปที่เมืองรุ่ยเสียนเพื่อไปหาใต้เท้าหลิว เจ้าหมายความว่าอย่างไรกันแน่”

“มันไม่ได้มีสิ่งใดพิเศษ” กู้เสี่ยวหวานตะคอกอย่างเย็นชา “ใต้เท้าหลิวรักชาวเมืองราวกับลูกของเขา”

“ถุย”

กู้ฉวนลู่ตะคอกราวกับกำลังโกหก และกำลังจะพูดบางอย่าง

แต่กู้เสี่ยวหวานขัดจังหวะทันที “ทำไมท่านลุงถึงสงสัยความยุติธรรมของใต้เท้าหลิวล่ะ? หรือท่านคิดว่าใต้เท้าตัดสินภรรยาของท่านอย่างไม่ยุติธรรม และทำผิดต่อภรรยาของท่านอย่างงั้นหรือ?”

คำพูดของกู้เสี่ยวหวานยอดเยี่ยม แต่ทุกคำทุกประโยคล้วนตรงประเด็น ทุกคำกำลังชี้นำกู้ฉวนลู่ให้หลงกล

“กู้เสี่ยวหวาน อย่าบิดเบือนความหมายของข้า ข้าไม่ได้ตำหนิใต้เท้าหลิวที่ตัดสินที่ไม่ยุติธรรม ข้าแค่สงสัยว่าเจ้ามีจุดประสงค์อะไรในการส่งคนไปหาใต้เท้าหลิวกันแน่” กู้ฉวนลู่พูดอย่างดุดัน

“โอ้ แล้วเจ้าคิดว่านางมีจุดประสงค์อะไรล่ะ” ทันใดนั้น น้ำเสียงจริงจังของคนผู้หนึ่งพลันดังขึ้นด้านหลัง

เมื่อทุกคนมองไปข้างหลังกู้ฉวนลู่ก็เห็นชายคนหนึ่งที่อายุประมาณสี่สิบปี แต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดา แต่มีรูปลักษณ์ที่สง่างาม

คนอื่นไม่รู้จักเขา แต่กู้ฉวนลู่รู้จัก

เขาอยู่ในโรงศาลในเวลานั้นด้วยเช่นกัน และเขาจำรูปลักษณ์ของใต้เท้าหลิวได้อย่างชัดเจน

กู้ฉวนลู่ไม่คาดคิดว่าใต้เท้าหลิวจะยืนอยู่ข้างหลังของเขา และเขาคงจะได้ทุกสิ่งที่เขาพูดในเมื่อครู่นี้

หัวใจของกู้ฉวนลู่เต้นไม่เป็นจังหวะ

เถ้าแก่หวังที่อยู่ถัดจากเขาไม่รู้จักหลิวจือเสี้ยน ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจคนผู้นี้เท่าใด “ไม่เกี่ยวกับเจ้า”

ทันทีที่พูดจบ ก็ได้ยินกู้เสี่ยวหวานตะโกนด้วยรอยยิ้ม “ใต้เท้าหลิว ยินดีต้อนรับ ข้าต้องขออภัยที่ปล่อยให้ท่านรอนาน ข้าหวังว่าท่านจะให้อภัย”

กู้เสี่ยวหวานก้าวไปข้างหน้าและต้องการขอโทษ แต่ใต้เท้าหลิวโบกมือแล้วพูดว่า “วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อทานอาหาร ไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้น เจ้าอย่าทำเช่นนี้เลย!”

ว่าอย่างไรนะ?

ชายที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักที่อยู่ตรงหน้าคือ ใต้เท้าหลิวจือเสี้ยน

เถ้าแก่หวังตัวสั่นระริก และมองไปที่ใต้เท้าหลิวซึ่งตัวเองเพิ่งกล่าววาจาหยาบคายใส่เขา จึงกลัวว่าตนเองจะโดนจับขังคุกขึ้นมา

“ใต้เท้าหลิว เมื่อครู่ข้าน้อยพูดจาโอหัง เพราะไม่รู้ว่าท่านอยู่ที่นี่ ข้าหวังว่าใต้เท้าหลิวจะไม่ติดใจเอาความ” เมื่อกู้ฉวนลู่เห็นว่าตัวเองทำให้นายหลิวขุ่นเคืองด้วยคำพูด ขาแข้งอ่อนแรงและคุกเข่าลงทันที

ใต้เท้าหลิวเหลือบมองไปที่กู้ฉวนลู่ซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เจ้ากำลังมองหาน้องเขยของเจ้าอยู่ใช่หรือไม่? ตอนนี้น้องเขยของเจ้าถูกขังอยู่ในคุกของเมืองรุ่ยเสียน เขาขโมยของจำนวนมาก และข้าได้ตัดสินให้เขาถูกจำคุกเป็นเวลาสองปี ถ้าอยากรู้ว่าเขาเป็นอย่างไรก็ให้ไปดูด้วยตาของเจ้าเอง”

ว่าอย่างไรนะ

ดูเหมือนว่าหลิวชิงซานจะถูกใต้เท้าหลิวสั่งขังคุกจริง ๆ

หัวใจของกู้ฉวนลู่เต้นไม่เป็นจังหวะ เขาเงยหน้าขึ้นอย่างลับ ๆ และเห็นกู้เสี่ยวหวานและ คนอื่น ๆ กำลังพาใต้เท้าหลิวเดินขึ้นไปยังชั้นสอง

ไม่รู้ว่าเขาตาฝาดไปหรือไม่ แต่กู้ฉวนลู่รู้สึกว่ากู้เสี่ยวหวานมองคนเองด้วยสายตายยั่วยุก่อนจะจากไป

กู้ฉวนลู่ไม่รู้ว่าตัวเองออกจากร้านจิ่นฝูได้อย่างไร

เถ้าแก่หวังตำหนิเขาไปตลอดทาง

กู้ฉวนลู่ออกจากร้านจิ่นฝูราวกับสุนัขจรจัด*[1] และเถ้าแก่หวังตำหนิเขาต่อหน้าผู้อื่นอย่างไม่น่าฟัง

กู้ฉวนลู่ไม่คาดคิดว่าเขาจะทำงานมานาน และการคำนวณเป็นเวลานานของเขากู้เสี่ยวหวานจะแก้ไขสำเร็จได้ทันที กู้ฉวนลู่จึงทั้งโกรธและเกลียด

ใบหน้าของเขามืดราวกับก้นหม้อ เขาหันกลับมองไปที่ร้านจิ่นฝูที่เต็มไปด้วยคนพลุกพล่าน แววตาของเขาดุร้ายราวกลับงูพิษ เมื่อมองไปที่ร้านจิ่นฝูมันทำให้ผู้คนสั่นสะท้านด้วยความกลัว

เมื่อรู้ว่ากู้ฉวนลู่กำลังคิดอะไรอยู่ กู้เสี่ยวหวานจึงเชิญใต้เท้าหลิวจือเสี้ยนจากเมืองรุ่ยเสียนมาทันที

ประการแรก มันเป็นการโต้กลับที่มีประสิทธิภาพจากการใส่ร้ายของกู้ฉวนลู่

ประการที่สอง มันเป็นการพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่า ร้านจิ่นฝูหรือกู้เสี่ยวหวานก็มีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังเช่นกัน

ตามคำกล่าวที่ว่า ให้อยู่ใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ กู้เสี่ยวหวานไม่ได้โง่ขนาดนั้น มันน่าเสียดายที่จะไม่ใช้ทรัพยากรที่ดีเช่นนี้

หลิวจือเสี้ยนรู้จุดประสงค์ของคำเชิญของกู้เสี่ยวหวาน

อย่างไรก็ตาม เขาชื่นชมเด็กสาวคนนี้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากทราบสถานการณ์ของครอบครัวของนาง จึงเกิดรู้สึกสงสารครอบครัวของนางมากยิ่งขึ้น

ใจดี ขยัน และเรียบง่าย นางเป็นเด็กดี

ครั้นเห็นคนอื่นรังแกเด็กเหล่านี้ หลิวจือเสี้ยนก็ทนไม่ได้ ดังนั้นจึงคิดว่าจะช่วยอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุดโดยไม่ละเมิดกฎหมายของโรงศาล

เขาตกลงตามคำเชิญของกู้เสี่ยวหวาน และมาที่นี่ในวันนี้ ดังนั้นจึงเป็นการสนับสนุนกู้เสี่ยวหวานโดยธรรมชาติ

ภายในห้องรับรอง หลิวจือเสี้ยนกินอวี้เจิ่นที่กู้เสี่ยวหวานเตรียมไว้ให้ ความจริงแล้วนี่เป็นอาหารเลิศรสที่เขาไม่ได้ลิ้มรสมาหลายปีแล้ว

“ไม่เลว เจ้าสิ่งนี้มีรสหวาน เหนียวนุ่มและรสชาติดีจริง ๆ” หลิวจือเสี้ยนกล่าวชมโดยไม่ลังเล

*[1] คนที่ไม่มีที่จะไปและวิ่งไปมา