บทที่ 879 ความคิดส่วนตัว
บทที่ 879 ความคิดส่วนตัว
หม่านซิ่วยิ้ม “ก็จริงค่ะ กลุ่มฉันกับกลุ่มพี่สะใภ้มาไล่ ๆ กันเลย น่าจะห่างกันสองขบวนนะคะ”
จากนั้นฉีเหลียงอิงก็เอาข้าวของออกมาจากกระเป๋า
เราสองคนมาพร้อมกับกระเป๋าใบเล็กใหญ่รวมเจ็ดใบ และของแน่นเต็มทุกกระเป๋าเลย
“ไม่บอกกันก่อนว่าจะเอาของมาเยอะขนาดนี้ แบกกันมายังไงเนี่ย?” คุณย่าซูบ่นด้วยความเป็นห่วง
“ตอนมาถึงเราไม่ได้ขึ้นรถประจำทางค่ะ พอดีเจอสามล้อก็เลยให้เขาช่วยขน ราคาไม่แพงเลย” เธอตอบ
ที่ของมันเยอะเพราะเป็นอาหารพิเศษจากทางตะวันตกเฉียงเหนือน่ะ เลยเอามาฝากคนที่บ้าน
เธอระวังมาตลอดทางเลยกลัวว่าจะเผลอลืมไว้ระหว่างทาง
ตอนมาถึงเห็นว่ารถประจำทางคนแน่นมาก เลยหาสามล้อขนกลับมาได้ในที่สุด
“ที่บ้านเรามีของเยอะแยะ มาแต่ตัวกันก็พอแล้วล่ะ เดินทางกันไกลแบบนี้ด้วย ไม่ได้นอนกันเลยใช่ไหม?” แกเห็นท่าทางเหนื่อยล้าของลูกชายและสะใภ้
ฉีเหลียงอิงยิ้ม เธอไม่ได้โง่ มองออกอยู่แล้วว่าแม่สามีเป็นห่วงพวกเรา
เมื่อก่อนเธอคิดเสมอเลยว่าแกลำเอียง ถึงจะไม่ได้เป็นแบบแม่สามีคนอื่น ๆ แต่ก็ยังมีอยู่บ้าง
แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าแกเป็นคนดีจริง ๆ และดีต่อพวกเรามาก ๆ เลยด้วย
“เรื่องแค่นี้อีกค่ะ ยังไงเราก็ผลัดกันถืออยู่แล้ว ไม่ได้ลำบากอะไรเลย ปีนี้เพิ่งจะมาหาพ่อแม่แค่ครั้งเดียวเอง เลยอยากเอาของทางฝั่งนู้นมาฝากบ้าง”
“อีกอย่างเราก็ได้พ่อกับแม่แล้วก็ครอบครัวน้องสามคอยดูแลเด็ก ๆ ให้ ถ้าไม่มีของปีใหม่ให้กันเลยก็คงจะไม่ดี”
เสี่ยวเถียนยิ้ม “แม่รองต้องลำบากมาตลอดทางเลย ไว้ปีหน้าค่อยมาซื้อที่นี่ก็พอนะคะ”
ฉีเหลียงอิงหยิกแก้มหลานสาว “สาวน้อย ไม่เจอกันตั้งนาน คิดถึงแม่รองไหม?”
เธอชอบเสี่ยวเถียนจริง ๆ นะ แม้เมื่อก่อนจะอิจฉาสะใภ้สามนิดหน่อยแต่ก็ยังชอบหลานสาวคนนี้อยู่ดี คำพูดคำจาน่าเอ็นดูจริง ๆ
“คิดถึงค่ะ” เสี่ยวเถียนพูดจาอย่างน่ารัก “ลำบากแม่รองแล้วนะคะ”
“เป็นของกินที่ทุกคนชอบเลยนะ ทำไมจะไม่ลงทุนเอามาล่ะ” เธอยิ้มอย่างมีความสุข ไม่คิดสักนิดว่าตัวเองเหนื่อย
“ของที่ฉันเอามามีของกินที่พ่อกับแม่แล้วก็เด็ก ๆ ชอบค่ะ บางส่วนเป็นของที่ญาติ ๆ เอามาให้ด้วยนะ แล้วก็อันนนี้เป็นของอารองบ้านต่ง มีของอาตู้ แล้วก็บ้านเถาฮวาด้วย ส่วนอันนี้ของลุงฉือค่ะ”
ฉีเหลียงอิงรีบจัดแจงข้าวของอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าใส่ใจทุกอย่าง ไม่มีตกหล่นเลยสักนิด
ต้องบอกว่าเป็นข้าวของที่ลงทุนซื้อจริง ๆ
ต่างจากเมื่อก่อนที่มีนิสัยขี้เหนียวมากเลย
“เด็กคนนี้ แบกกันมาได้ตั้งไกลไม่กลัวเหนื่อยเลยนะ พวกเราเองก็แก่แล้วคงกินได้ไม่เท่าไรหรอก รอบหน้าไม่ต้องซื้อมามากมายหรอก แค่มาเยี่ยมกันบ้างก็ดีใจแล้วจ้ะ!” อวี่รุ่ยหยวนเอ่ยอย่างลำบากใจ
เมื่อก่อนก็เคยคิดว่าสะใภ้คนนี้ดูไม่ค่อยดีเท่าไร แต่เหมือนจะต่างจากที่คิดไว้เยอะ
“ก็ได้ค่ะอาสะใภ้ ปีหน้าฉันไม่เอามาเยอะแบบนี้แล้วค่ะ” ฉีเหลียงอิงยิ้ม
คุณย่าซูมีความสุขมากจนหุบยิ้มไม่ได้ เธอเคยคิดว่าสะใภ้สองขี้เหนียวนิดหน่อย แต่ตอนนี้ดีขึ้นเยอะเลย
ตอนนี้สะใภ้รองกลายเป็นคนชั่งน้ำหนักสิ่งที่จะทำเป็น และจัดการทุกอย่างได้อย่างชัดเจน แม้ว่าพวกเราจะจากไปในสักวันข้างหน้า ก็คงไม่ต้องห่วงแล้วว่าสะใภ้จะอยู่ร่วมกันไม่ได้
จากนั้นฉีเหลียงอิงก็รีบจะเข้าครัวไปช่วยงาน แต่เสี่ยวเถียนห้ามไว้
“เดี๋ยวเราก็ได้กินข้าวแล้วค่ะแม่รอง หนูรินน้ำให้นะ ดื่มน้ำหวาน ๆ ก่อนค่ะ”
เสี่ยวเถียนหมายจะไปเอาน้ำ แต่ก็ได้ยินเสียงเฉินซิ่วหย่วนพูดขึ้นเสียก่อน
“พี่สาว ผมก็อยากได้น้ำหวานเหมือนกันครับ”
“ได้เลย เดี๋ยวเอามาให้นะ!” เธอบีบจมูกน้องด้วยความเอ็นดู
เจ้าตัวไม่โกรธเลย แถมยังยิ้มแล้วตามพี่สาวไปอีก
อาหารสุดหรูถูกเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว และต้องขอบคุณที่เรือนหลักของบ้านซูใหญ่พอให้วางโต๊ะได้สามตัว จากนั้นทุกคนก็นั่งลง
ระหว่างรอ ฉีเหลียงอิงและสามีเห็นคนแปลกหน้าอยู่สองสามคนด้วย
เด็ก ๆ เลยต้องแนะนำตัวกันอีกครั้ง
แม้สามสาวจะเขินอายที่เห็นคนเยอะ ๆ แต่คนบ้านนี้ใจดีและเป็นมิตรมาก
เลยทำให้พวกเธอคลายความอึดอัดได้เยอะ
“ไอหยา มาจากอำเภอเดียวกันเลย ห่างกันนิดเดียวเอง”
ฉีเหลียงอิงยิ้มอย่างสดใสเมื่อรู้ว่าเฉียนเสี่ยวเป่ยมากจากอำเภอซางอวี๋เหมือนกัน
ไม่แปลกใจที่พวกเด็ก ๆ ไม่ได้กลับบ้านช่วงปีใหม่ หากไม่ได้ติดขัดอะไรก็ต้องใช้เวลาเดินทางถึงสี่ห้าวันแล้ว
“ถ้ามีอะไรที่อยากส่งกลับไปบ้าน ฝากป้าส่งให้ได้นะ” แกเอ่ยกับเด็กสาวอย่างกระตือรือร้น
เฉียนเสี่ยวเป่ยที่เดิมทีเป็นกังวลอยู่นั้นสบายใจขึ้นเยอะ
เธออดอิจฉาไม่ได้ คนบ้านซูใจดีมากเลย รักใครกลมเกลียวกว่าบ้านเธออีก
ตระกูลเฉียนเองก็เป็นครอบครัวที่สามัคคีในหมู่บ้านเหมือนกัน แต่พอเทียบกับบ้านนี้แล้วยังห่างกันหลายชั้นเลย
“ไม่มีเลยค่ะ ขอบคุณคุณป้ามากนะคะ” เด็กสาวได้ยินสำเนียงบ้านเกิดก็ตอบกลับไปด้วยสำเนียงบ้านเกิดเช่นกัน
“ได้จ้ะ หลังจากที่เรากลับไปก็คงได้พวกหนูดูแลเสี่ยวเถียนไม่น้อยเลยใช่ไหม”
“ไม่เลยค่ะคุณป้า เสี่ยวเถียนดูแลพวกเราเยอะเหมือนกันค่ะ” เด็ก ๆ รีบบอก
“มาบ้านเราทำตัวให้เหมือนอยู่บ้านได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
ซูหม่านซิ่วรู้สึกว่าพี่สะใภ้กำลังหวังว่าจะได้หนึ่งในเด็ก ๆ พวกนี้มาเป็นว่าที่สะใภ้แน่ ๆ เลย
แต่ไม่รู้ว่าซื่อเลี่ยงมีความคิดเห็นยังไงบ้าง
เขาไม่เด็กแล้ว ถึงเวลาต้องแต่งงานแล้ว
ตอนอยู่ลี่เฉิงเธอก็ช่วยหาให้หลานชาย แต่เด็กคนนี้ไม่เอาเลย
ส่วนสาว ๆ กลุ่มนี้ก็เป็นเด็กมหาวิทยาลัย อยู่ที่เดียวกันด้วย ต้องคุยกันได้บ้างแหละ
ซื่อเลี่ยงกำลังกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ได้รู้เลยว่าผู้ใหญ่ที่บ้านเริ่มกระตุ้นเรื่องแต่งงานแล้ว
และเขาก็เป็นคนแรกที่โดน!