บทที่ 878 ทุกคนต่างกลับบ้าน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 878 ทุกคนต่างกลับบ้าน

บทที่ 878 ทุกคนต่างกลับบ้าน

“ซิ่วเอ๋อร์หางานได้หรือยัง? ลูกวัยกำลังกินกำลังโต ถ้าไม่มีงานทำน่าจะลำบากนะ” คุณย่าเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาทันที

หม่านซิ่วตกใจนิดหน่อย ก่อนจะตอบอย่างจริงจัง

“แม่ก็รู้ว่าตอนนี้จื่ออันเขาได้เป็นผู้นำแล้ว ว่ากันตามเหตุผลคือเรื่องหางานมันง่ายสำหรับฉันนะ แต่เพราะแบบนั้นแหละค่ะ ต่อให้ฉันหาด้วยตัวเองคนก็จะพูดกันว่าฉันใช้เส้นสายสามีอยู่ดี”

เพราะงั้นเธอก็เลยไม่ได้หางานเลยสักนิด เอาแต่จดจ่อกับงานเขียนอยู่บ้านทั้งวันเลย แต่สองปีที่ผ่านมาจากผลงานล่าสุดของเธอแล้ว งานที่เขียนอยู่ ณ ปัจจุบันยังไม่เสร็จเลย

“ก็จริงอย่างที่ลูกว่า แม่ห่วงว่าเจ้าลูกเขยจะคิดว่าลูกไม่ดีพอสำหรับเขาน่ะ”

ถึงเฉินจื่ออันจะดีต่อลูกสาวมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่หัวอกคนเป็นแม่ก็ยังกังวลอยู่ดี หม่านซิ่วไม่ได้เสียเปรียบด้านอายุสักนิด ก็ดูผู้ชายสิ มีเงินมีอำนาจอยู่ในมือ ใครบ้างจะไม่ชอบล่ะ?

“จื่ออันเขาไม่ใช่คนแบบนั้นนะแม่ ฉันเชื่อใจเขานะ” หม่านซิ่วคลี่ยิ้มจาง ๆ

เธอจะไม่เข้าใจนิสัยสามีได้ยังไงกัน? เป็นไปไม่ได้สักนิดที่อีกฝ่ายจะเจ้าชู้ทำเรื่องไม่ดีลับหลังเธอ

หลายปีที่ผ่านมาใช่ว่าจะไม่เคยเกิดเหตุการณ์ที่มีคนจงใจส่งผู้หญิงสวย ๆ งาม ๆ มาล่อใจเสียหน่อย แต่ทุกคนล้วนก็ถูกเขาปฏิเสธจนหงายหลัง วันไหนไม่มีงานทำก็จะกลับบ้านมาตรงเวลาเพื่อมาอยู่กับลูกและเธอเสมอ

เสี่ยวเถียนได้ยินบทสนทนาพอดี “ย่าไม่ต้องห่วงนะ อาเขยไว้ใจได้ค่ะ”

เมื่อมีสองเสียงสนับสนุน หญิงชราก็คิดว่าตัวเองคิดมากเกินไปจริง ๆ ในตอนที่ลูกเขยตกหลุมรักลูกสาว ตอนนั้นหม่านซิ่วเครียดกว่านี้อีก ถ้าไม่ได้ชอบแต่แรก ความสัมพันธ์ของทั้งสองจะเดินทางมาถึงตอนนี้หรือ? แล้วถ้าจื่ออันปรารถนาหญิงสาวจริง ๆ ก็คงไม่เลือกหม่านซิ่วแต่แรกด้วย

“เข้าใจแล้วจ้ะ แม่พูดจาไร้สาระจริง ๆ ขอแค่ลูกยังสบายดีแม่ก็หายห่วง”

“อาใหญ่ อาเขยเป็นผู้นำแล้วหรือคะ?”

“อาไม่คิดว่าเรื่องนักเรียนคนเดียวจะสร้างปัญหาได้ขนาดนี้น่ะ” เธอถอนหายใจ

พ่อซุนเสี่ยวอวี้ไม่สามารถอยู่ในครรลองครองธรรมและควบคุมสมาชิกในครอบครัวได้ การที่เขามาถึงจุดจบเช่นนี้ก็เป็นเพราะทำตัวเองทั้งนั้น ถ้าตระกูลซุนไม่แหกกฎจนเฉินจื่ออันต้องออกมาแฉ ก็คงไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่ปี

แต่สถานการณ์ตอนนี้ดีขึ้นเยอะแล้ว อย่างน้อยก็ไม่มีคนขัดขวางการทำงานของจื่ออัน แต่มันก็ไม่ใช่หัวข้อที่ควรหยิบยกมาพูดในเวลาแบบนี้

หม่านซิ่วเอ่ยแค่นั้นและไม่ได้ว่าต่อ

“อาใหญ่ คนที่ชื่อซุนเสี่ยวอวี๋นิสัยดีนะคะ” เสี่ยวเถียนนึกถึงเพื่อนคนนั้น

ตั้งแต่ได้เข้ามาเรียนก็เรียนเก่งมาก และมักจะพูดเสมอว่าเธอคือผู้มีพระคุณของเขา จากนี้ไปจะขอติดตามด้วย สีหน้าตอนพูดก็จริงจังมาก หลังจากเรียนจบเราจะมีเส้นทางให้เลือกมากมายเลย แต่ตอนที่เขาบอกแบบนั้นเสี่ยวเถียนก็ทำได้แค่ฟังเฉย ๆ เพราะคนที่ผลการเรียนดีส่วนใหญ่จะทำงานในหน่วยงานภาครัฐ

ซึ่งเป็นอาชีพที่ดีจริง ๆ

การติดตามเธอที่ทำธุรกิจอย่างพวกโรงงานมันไม่สมศักดิ์ศรีหรอก ต่อให้ได้เงินมากก็ตาม

หม่านซิ่วที่ได้ยินก็หัวเราะ

“เสี่ยวเถียนมีคนติดตามด้วยหรือเนี่ย! เก่งจริง ๆ เก่งกว่าอาเขยอีกนะ” เธอแกล้งหยอกหลานสาว

เฉินจื่ออันบังเอิญผ่านมาได้ยินพอดี แม้จะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแต่เขาก็เข้าร่วมบทสนทนาด้วยทันที

“เก่งกว่าฉันอยู่แล้วสิ เป็นคลื่นลูกใหม่ของแม่น้ำแยงซีที่ซัดคลื่นลูกเก่า*[1]เชียวล่ะ”

น้ำเสียงที่แสนภาคภูมิใจพาให้คนอื่นคิดไปเลยว่าเสี่ยวเถียนคงเป็นลูกสาวเขาแน่นอน

หม่านซิ่วยิ้มเคือง ๆ “ยังไม่ทันเข้าใจอะไรก็เข้ามาคุยกับเขาเฉยเลย เรากำลังพูดถึงซุนเสี่ยวอวี๋ เขาบอกว่าจะเป็นผู้ติดตามเสี่ยวเถียนน่ะ”

เฉินจื่ออัน “ไม่ใช่เพราะว่าชอบที่เสี่ยวเถียนสวยหรือ? เสี่ยวเถียน อยู่ให้ห่างจากไอ้หนุ่มที่มีเจตนาแฝงนี่เลยนะ”

เสี่ยวเถียนหัวเราะ

“อาเขยเดาไปเรื่อยแล้วค่ะ”

“เหอะ ก็มันเรื่องจริงนี่ เสี่ยวเถียนสวยขนาดนี้ไม่รู้มีคนชอบตั้งกี่คน” เฉินจื่ออันยังยืนกรานความคิดตนหนักแน่น

เรื่องนี้ต้องคุยกับซื่อเลี่ยงเสียแล้ว ให้เขาจับตาดูน้องตลอดทั้งวัน อย่าให้ไอ้พวกหมาป่าที่ไหนมันคาบไป

ฝ่ายภรรยาตีสามี “หลานยังเด็กอยู่เลย พูดจาอะไรเนี่ย?”

ไม่เห็นสีหน้าแม่บ้างหรือ?

ถ้าเราคุยต่อเผลอ ๆ แกรีบบึ่งไปมหาวิทยาลัยแน่ ๆ

สมแล้วที่เป็นลูกสาวของคุณย่าซู เพราะคุณย่าซูคิดแบบนั้นจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นช่วงปีใหม่ มหาวิทยาลัยก็หยุดยาว แกคงได้ไปที่นั่นจริง ๆ ไปดูเลยว่าใครหน้าไหนมันมีใจให้หลานสาวตนเอง

เฉินจื่ออันอยากจะแก้ตัว แต่หม่านซิ่วดันเขาออกไปแล้วบอกให้ไปหาให้ลูกชายแทน

“แม่ อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของจื่ออันเลยนะ เด็กคนนั้นเป็นเด็กดี เขาคิดว่าที่ตัวเองกลับเข้ามหาวิทยาลัยได้เป็นเพราะเสี่ยวเถียนน่ะ”

พอเห็นสีหน้าแกเข้มขึ้นเรื่อย ๆ เธอก็รีบอธิบายต่อ แต่ดูเหมือนคุณแม่จะยังไม่เชื่อ

สำนึกบุญคุณ? มันจะมีสักกี่คนเชียวที่ทำได้? คนส่วนใหญ่มันก็จำได้แค่ตอนแรกเท่านั้นแหละ หลังจากนั้นก็ลืมทุกอย่างจนหมดสิ้น

“ไว้มหาวิทยาลัยเปิดแม่จะไปดู” แกยังคงโกรธอยู่

หม่านซิ่วเอามือก่ายหน้าผาก โน้มน้าวแม่ไม่ได้เลย ทำยังไงดี?

“ไม่ต้องหรอกแม่ เสี่ยวเถียนอายุเท่าไรแล้ว ที่นั่นมีเด็กสาวสวย ๆ ตั้งเยอะแยะ ใครที่ไหนจะมาสนใจเสี่ยวเถียนที่อายุเท่านี้ล่ะ?” เธอไม่อยากให้แม่ไปสร้างปัญหา

แม่เป็นนักสู้ที่เก่งกาจที่สุดในหมู่บ้านเลยนะ เรื่องนี้เธอรู้มาตั้งแต่เด็กเลย เกิดแม่ไม่ปล่อยวางบุกไปสร้างปัญหาจริง ๆ จะทำยังไง?

“ลูกคิดว่าแม่จะไปสร้างปัญหาหรือ? แม่แค่จะไปดูเฉย ๆ”

“ฉันได้ยินว่าคนบ้านนี้นิสัยยืนหยัด ขอแค่เป็นเรื่องที่มุ่งมั่นให้วัวแปดตัวลากก็เอาไม่อยู่”

เพราะเรื่องนี้แหละ หม่านซิ่วจึงตั้งใจมาสอบถามเป็นพิเศษเพื่อนำข้อมูลไปเขียนบทความ แต่ก็รู้สึกว่าเรื่องที่จะทำมันไม่ค่อยดีเท่าไรเลยยอมแพ้ไป จึงรู้สึกว่าคนบ้านนี้น่าจะเป็นคนพุ่งไปข้างหน้าจริง ๆ และเชื่อด้วยว่าซุนเสี่ยวอวี๋ก็ต้องจดจำบุญคุณไว้ด้วย

“คนแบบนี้ถือว่าเป็นคนดีนะ” คุณย่าซูดูสบายใจขึ้นมา

มันมีคนแบบนี้ในโลกนี้จริง ๆ นะ ขอแค่เขาไม่ได้ชอบหลานสาวตนเองก็พอ เรื่องอื่นเราว่ากันได้

ในตอนนั้นเองที่ทางฝั่งซูเหล่าเอ้อร์และภรรยาเดินทางมาถึง ฉีเหลียงอิงหัวเราะเมื่อรู้ว่าบ้านน้องเขยก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน “ถ้ารู้ก่อนคงจะติดต่อกันแล้วละ จะได้กลับมาพร้อมกัน”

*[1]คลื่นลูกใหม่ของแม่น้ำแยงซีที่ซัดคลื่นลูกเก่า หมายถึง คนรุ่นใหม่ที่ความสามารถมากกว่า เข้ามาแทนที่คนรุ่นเก่าที่แก่ตัวลง