บทที่ 712-2 ขูดรีดบิดาเต็มกำลัง (2)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 712 ขูดรีดบิดาเต็มกำลัง (2)

“ตรงนั้นมีความเคลื่อนไหว!”

ทหารที่ลาดตระเวนอยู่ไม่ไกลได้ยินเสียงของเสี่ยวจิ่ว

นกอินทรีย์อย่างเจ้าเสี่ยวจิ่วค่อนข้างมีชื่อเสียงในหมู่ทหารลาดตระเวนของสำนักบัณฑิต เคยมีโจรเข้ามาในสำนักบัณฑิตอยู่หลายครา ก็โดนมันเจอเข้าทุกคราไป พอมันร้องขึ้น เหล่าทหารจึงเดาว่าคงมีขโมยขโจรแอบเข้ามาในสำนักบัณฑิตอีกแล้ว

หันเย่โมโหจนเลือดขึ้นหน้า คิดแล้วคำนวณอีกก็คาดไม่ถึงว่าจะโดนนกอินทรีย์ตัวหนึ่งทำลายให้เสียแผนเช่นนี้

เขาจึงต้องจากไปก่อนชั่วคราว

แต่คืนนี้ยังอีกยาวไกล เขาต้องคว้าโอกาสไว้ได้แน่

หันเย่รอครานี้รอจนถึงยามจื่อเลยทีเดียว

อีกด้านหนึ่ง ฮ่องเต้ประทับรถม้าออกจากวัง

พระองค์ยังคงพามาแค่สารถีกับจางเต๋อเฉวียน

รถม้าวิ่งไม่เร็ว อย่างไรเสียซ่างกวานเยี่ยนก็ไม่มีม้า นางอาศัยสองขาเดิน เพื่อไม่ให้แหวกหญ้าให้งูตื่น รถม้าจึงตามอยู่ห่างๆ

วังหลวงมีประตูทั้งหมดห้าประตู นั่นหมายความว่าเข้ามาจากประตูใหญ่ แล้วปีนจากระแวกตำหนักเย็นออกไป เป็นระยะห่างแค่กำแพงวังกางกั้นเท่านั้น

สีพระพักตร์ของฮ่องเต้ไม่สู้ดีนัก

จางเต๋อเฉวียนไม่กล้าหายใจแรง ก่อนหน้านี้เขาก็อุตส่าห์คิดว่าอดีตองค์หญิงมารำลึกถึงเซวียนหยวนฮองเฮาที่ตำหนักเย็น แต่ที่แท้กลับแค่เพื่อจะใช้รูสุนัขมุดออกไปจากวังเท่านั้น

ซ่างกวานเยี่ยนสวมอาภรณ์สามัญชนที่เอามาจากสุสานกษัตริย์ด้วย หลายปีมานี้นางถูกกักขังอยู่ในสุสานกษัตริย์มาโดยตลอด กินดื่มใช้สอยล้วนไม่ต่างจากสามัญชน เรียกได้ว่าซอมซ่อเสียด้วยซ้ำ

ดูจากเสื้อผ้าอาภรณ์แล้ว นี่เป็นสตรีออกเรือนธรรมดาคนหนึ่ง บนศีรษะนางแม้แต่ปิ่นไข่มุกที่พอไปวัดไปวาได้หน่อยก็ไม่มี

รองเท้าของนางก็ขาด จางเต๋อเฉวียนเห็นรูตรงส้นเท้านางด้วย

จางเต๋อเฉวียนเห็นแล้วสงสาร การเปลี่ยนจากความอัตคัดไปสู่ความหรูหรานั้นเป็นเรื่องง่าย แต่การเปลี่ยนจากความหรูหราไปสู่ความอัตคัดนั้นช่างยากเย็น องค์หญิงร่วงจากพยับเมฆาลงมาภายในชั่วข้ามคืน ความทุกข์ยากและทรมานที่ได้รับจึงหาใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะคาดคิดจินตนาการได้

จางเต๋อเฉวียนแอบชำเลืองมองฮ่องเต้

ใครต่อใครก็ว่าราชวงศ์นั้นโหดเหี้ยมที่สุด เขาก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่าในพระทัยของฮ่องเต้นั้นทรงมีความรักของบิดาต่อธิดาอยู่หรือไม่ เขาเห็นเพียงแต่สีพระพักตร์ของฮ่องเต้ที่ดูไม่ได้ขึ้นเรื่อยๆ และสายพระเนตรที่เย็นชามากกว่าเดิม

เมืองชั้นในของเซิ่งตูไม่มีการจำกัดเวลาในการเข้าออก ทิวทัศน์ยามราตรีนั้นคึกคักยิ่ง ร้านรวงบนถนนหลายสายเปิดทำการตลอดทั้งคืน

ซ่างกวานเยี่ยนมายังถนนที่นับว่าพลุกพล่านสายหนึ่ง

“เหมือนจะไปร้านรถม้าพ่ะย่ะค่ะ” จางเต๋อเฉวียนทูล

“ตามไป” ฮ่องเต้ตรัสเสียงขรึม

สารถีขับรถม้าไปจอดอยู่ฝั่งตรงข้ามของร้านรถม้า

รถม้าคันนี้ไม่สะดุดตา ไม่ว่าใครก็มองไม่ออกว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในนั้นคือกษัตริย์แห่งแคว้น

ซ่างกวานเยี่ยนเข้าไปพักหนึ่งก็ออกมา ในมือจูงม้าพันธุ์ดีเอาไว้

ฮ่องเต้ขมวดคิ้วตรัส “นางรู้จักซื้อม้าด้วยรึ นางเอาเงินมาจากไหนกัน”

คราเมื่อตอนที่องค์หญิงถูกขังที่สุสานกษัตริย์ สิ่งของมีค่าต่างๆ ก็ไม่ให้นำไปด้วย แม้แต่ไข่มุกบนรองเท้าก็ยังโดนควักออก

จางเต๋อเฉวียนไปถามในร้าน

ยามกลับมาสีหน้ายากจะอธิบาย

“เกิดอะไรขึ้นรึ” ฮ่องเต้ถามเสียงขรึม

จางเต๋อเฉวียนมือสั่นเทายื่นเพชรเม็ดหนึ่งที่ไปไถ่มาให้กับฮ่องเต้

ฮ่องเต้รู้สึกว่าเพชรเม็ดนั้นคุ้นตายิ่งนัก “นี่มัน…”

จางเต๋อเฉวียนเอ่ยเสียงเจื่อน “นะ…น่าจะเป็นตามังกรที่แงะมาจากเสามังกรเลื้อยหน้าประตูตำหนักบรรทมของท่านพ่ะย่ะค่ะ….”

ฮ่องเต้โมโหจนหน้าหงาย

แงะตามังกรของกษัตริย์แห่งแคว้น ซ่างกวานเยี่ยนเจ้ารนหาที่ตายรึ!

จางเต๋อเฉวียนตัวสั่นงันงก “หะ…ให้จับซ่างกวานเยี่ยนกลับมาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ใช้เรี่ยวแรงมหาศาลทีเดียวจึงข่มความพลุ่งพล่านที่อยากจะฟาดซ่างกวานเยี่ยนให้ตายลงได้ พระองค์กัดฟันกรอดตรัส “ตามไปต่อ เราจะดูซิว่านางจะมาไม้ไหน!”

จางเต๋อเฉวียนจะไปทำอะไรได้

ก็ตามต่อไปน่ะสิ

จางเต๋อเฉวียนกำยาบำรุงหัวใจที่ออกฤทธิ์เร็วที่สุดของตำหนักกั๋วซือไว้ในมือเงียบๆ

พวกเขาสะกดรอยตามกันต่อ เพียงไม่นาน ซ่างกวานเยี่ยนก็เข้าไปที่โรงประมูลแห่งหนึ่ง

นี่เป็นหนึ่งในโรงประมูลที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงในเซิ่งตู ไม่ว่าสิ่งใดล้วนสามารถเอามาประมูลที่นี่ได้ ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาไม่กล้าซื้อขาย มีแต่สิ่งที่ลูกค้าเอาออกมาไม่ได้

ครานี้ซ่างกวานเยี่ยนเข้าไปค่อนข้างนาน ตอนออกมาข้างกายมีหน่วยกล้าตายชุดดำเพิ่มขึ้นมาอีกคน

ฮ่องเต้สีพระพักตร์ทะมึนขึ้น “นางซื้อหน่วยกล้าตายด้วยรึ!”

แคว้นเยี่ยนไม่ได้ห้ามซื้อขายหน่วยกล้าตาย หน่วยกล้าตายที่เก่งกาจของแคว้นเยี่ยนมาจากแคว้นทั้งห้า แต่ที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ที่แคว้นนี้

“นางซื้อหน่วยกล้าตายไปทำอะไร คิดจะลอบสังหารเรารึ”

จะว่าไปแล้ว หน่วยกล้าตายมีค่ากว่าม้าตัวหนึ่งมากโข

ฮ่องเต้แค่นเสียงเย็นตรัส “ไปดูซิว่าครานี้นางใช้อะไรซื้อ”

หากพระองค์ทรงรู้อีกว่านางใช้ดวงตามังกรอีกข้าง พระองค์จะฆ่านางซะ!

“พ่ะย่ะค่ะ” จางเต๋อเฉวียนกัดฟันเข้าไปในโรงประมูล

ครานี้เขาก็อยู่ข้างในนานกว่าตอนอยู่ที่ร้านขายรถม้าเช่นกัน พอออกมาสีหน้าเขายิ่งยากจะอธิบายกว่าเดิม

ฮ่องเต้มองเขาอย่างเย็นชา “ว่ามา!”

จางเต๋อเฉวียนสูดหายใจลึก เสี่ยงโดนตัดหัว หลับตาปี๋ถือเอาผ้าสีเหลืองอร่ามออกมาจากด้านหลัง พลางทูลอย่างปลงในชีวิต “กางเกง…ของท่าน!”

ฮ่องเต้ “…!!”

ถนนทอดยาวในรัตติกาลดึกสงัดมีเสียงคำรามดุจสายฟ้าฟาดมังกรคำรามดังขึ้น…

“เราจะฆ่าคนเนรคุณนี่เสีย…”

หันเย่หลบซุ่มอยู่นอกสำนักบัณฑิตสตรีชังหลันอยู่นาน เมื่อแน่ใจว่าพ้นช่วงอันตรายมาแล้ว จึงแอบเข้าไปในหอหลิงหลงอีกครั้ง

เซียวเหิงหลับไปแล้ว

ในขณะที่กึ่งหลับกึ่งตื่นนั้น กลอนประตูก็โดนคนสะเดาะจากด้านนอก

เซียวเหิงพลันตกใจตื่น ลุกขึ้นมานั่ง

เงาทมิฬสายหนึ่งเร้นเข้ามา กระบี่ยาวในมือส่องประกายเย็นเยียบ สะท้อนลงบนม่านมุ้งอย่างเย็นชา

เซียวเหิงคว้าลูกระเบิดสีดำมาจากข้างเตียง

จะว่าช้าก็ช้า จะว่าเร็วก็เร็ว ชายชุดดำพลันหมุนตัว ยกกระบี่ขึ้นต้าน ขวางการโจมตีกะทันหันจากหันเย่เอาไว้

หันเย่ตกตะลึง

ใครกัน

ชายชุดดำทุ่มกำลังบีบหันเย่ให้ถอย ก่อนดึงเซียวเหิงในม่านมุ้งออกมา โอบเอวเซียวเหิงไว้ แล้วใช้วิชาตัวเบาทะลุหน้าต่างออกไป

หันเย่ทอดมองแผ่นหลังทั้งสองที่ไกลออกไป ก่อนหรี่ตาลง “หน่วยกล้าตายรึ เฮอะ คิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะหนีไปได้รึ คืนนี้จะเป็นวันตายของพวกเจ้า!”

หันเย่ไล่ตามไป

เมื่อครู่นี้หันเย่เปิดการโจมตีใส่เซียวเหิง ไม่ได้ใช้แม้แต่กำลังสามส่วน ถูกหน่วยกล้าตายต้านกลับมาจึงไม่แปลก

ยามนี้เขาเพิ่มกำลังภายในมากขึ้นถึงเจ็ดส่วน จึงไล่ตามทั้งคู่ไปได้อย่างสบายๆ

หันเย่ทะยานลงจากนภากาศ ขวางทางไปของทั้งคู่เอาไว้ แล้วหันมาเอ่ยกับเซียวเหิงอย่างไม่แยแส “เซียวลิ่วหลัง เจ้าหนีไม่พ้นแล้ว! ยอมให้จับตัวเสียแต่โดยดี!”

เซียวเหิงมองชายชุดดำสองคนที่ปรากฏตัวอย่างน่าประหลาดด้วยความประหลาดใจ คนหนึ่งหมายเอาชีวิตเขา อีกคนหมายช่วยชีวิตเขา

แต่เห็นได้ชัดมากว่า ชายชุดดำที่จะเอาชีวิตเขามีวรยุทธ์ล้ำเลิศกว่า

หน่วยกล้าตายไม่ได้ยอมแพ้ คุ้มกันเซียวเหิงพลางสู้รบติดพันกับหันเย่ เพียงไม่นานหน่วยกล้าตายก็ได้รับบาดเจ็บ

หน่วยกล้าตายไม่มัวแต่สู้ต่อ เขาพาเซียวเหิงหนีทันที!

หันเย่เหน็บให้ “เฮอะ หนีพ้นรึ!”

หันเย่ทะยานตัวขึ้น แทงกระบี่เข้าใส่เซียวเหิง!

เมื่อเห็นว่าจะแทงโดนแล้ว จู่ๆ หน่วยกล้าตายก็ตีลังกากลางอากาศ โยนเซียวเหิงเข้าไปในรถม้าที่วิ่งมาจากด้านข้าง

หันเย่ฟันโดนอากาศก็ฟันลงอีกหน!

ครานี้กระบี่ฟันแยกหลังคาของรถม้ากระเด็นออกเป็นเสี่ยงๆ ฟันหลังคาแตกยังไม่สาแก่ใจ เขาตีลังกากลางอากาศอีกหน ฟาดฟันห้องโดยสารรถแยกเป็นสองเสี่ยง

เสียงเปรี๊ยะดังขึ้น ห้องโดยสารรถแยกร่วงออกเป็นสองฝั่ง

รถม้ากลายเป็นรถม้าหัวโล้น เผยให้เห็นจางเต๋อเฉวียนที่มีสีหน้างุนงงและฮ่องเต้ที่ถูกปราณกระบี่ของหันเย่ฟันจนหัวโล้น