บทที่ 885 ไม่ใช่เรื่องตลก

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 885 ไม่ใช่เรื่องตลก

บทที่ 885 ไม่ใช่เรื่องตลก

ต้นปี 80 เทศกาลปีใหม่ยังรื่นเริงอยู่เสมอ ยกเว้นซูเหล่าต้าและหวังเซียงฮวาที่ต้องรีบกลับไปดูแลฟาร์ม ที่เหลือยังอยู่ที่บ้านกันหมด

สมาชิกทุกคนในบ้านสนทนาพาคุยสนุกสนาน พากันกินดื่มกันทั้งวัน แต่ช่วงเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว คุณย่าซูเห็นว่าตนเองอยู่ว่าง ๆ ไม่ได้ทำอะไรก็เลยชวนสามสาวมาเย็บปักถักร้อยด้วยกัน

หลี้เจี้ยนหงเขินอายเล็กน้อย แต่แกบอกมีคนทำด้วยกันเยอะ ๆ แล้วคึกคักดี บ้านเราไม่มีเครือญาติในเมืองหลวงที่ไหนอีก นอกจากไปบ้านต่งหยวนจงในเช้าวันที่สองของปีใหม่ เราก็ไม่ต้องไปอวยพรที่ไหนอีก

ส่วนวันที่สามครอบครัวเถาฮวาจะมาอวยพรปีใหม่ที่บ้าน แม้แต่ฮั่วซือเหนียนลูกเขยเธอก็ยังมาด้วย เขาสนิทกับคนบ้านซูอยู่แล้ว และไม่คิดว่าตนเป็นคนนอกแต่อย่างใด เอ่ยปากเรียกคุณตาคุณยายอย่างสนิทสนม

เสี่ยวเถียนอิจฉาเหลือเกิน เขาทำตัวเหมือนหลานเขยแท้ ๆ ก็ไม่ปาน แต่คุณย่าก็รักป้าเถาฮวาเหมือนลูกสาวแท้ ลูก ๆ ของป้าเถาฮวาก็ไม่ต่างจากลูกหลานตัวเองเหมือนกัน

ลูกสาวมาหาทั้งทีพร้อมหลานสาวหลานเขยแบบนี้ แกก็ต้องดูแลดีเป็นธรรมดา

เหล่าสะใภ้ช่วยกันเตรียมอาหารกลางวัน โดยที่เถาฮวาตั้งใจจะเข้าไปช่วยแต่คนอื่นปฏิเสธ แต่เธอไม่ใช่คนนั่งรอกินเฉย ๆ ก็ยังเข้ามาช่วยอยู่ดี

หลินหลินกับเสี่ยวเหมยว่าที่คุณแม่นั่งแบ่งปันประสบการณ์ และคุยเรื่องเด็กที่จะคลอดในอีกไม่ช้า ส่วนเสิ่นจื่อเจิน ฮั่วซือเหนียน และคนบ้านซูนั่งถกปัญหาระดับชาติ อย่างพวกปัญหาด้านการเกษตรอะไรทำนองนั้น

ในไม่ช้า เรือนหลักก็คึกคักไปด้วยผู้คน มีโต๊ะสามตัวตั้งวางไว้ หลังจากกินข้าวเสร็จ สาว ๆ เสนอตัวช่วยล้างจาน ด้วยความที่คนเยอะงานก็เสร็จเร็วขึ้นเท่านั้น

กลุ่มผู้ชายคุยเรื่องประเทศชาติ ดินฟ้าอากาศ ส่วนผู้หญิงพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ โดยเสี่ยวเถียนนั่งวาดรูปอยู่ข้าง ๆ เธอตั้งใจจะเตรียมแบบเสื้อผ้าใหม่ ๆ แล้วก็นั่งฟังบทสนทนาไปด้วย

บทสนทนาทางฝั่งนี้ไม่เหมือนของผู้ชายเลย

“ก่อนปีใหม่ สามีภรรยาข้างบ้านซื้อดอกไม้มากระถางละ 50 หยวน ซึ่งมันไม่ใช่ของที่ใช้การอะไรได้เลย พอลูกสะใภ้รู้เข้าก็โมโหมาก จนหอบลูกกลับบ้านพ่อแม่เมื่อวันที่สองเนี่ย”

เถาฮวาว่าพลางแทะเมล็ดแตงโม ส่วนคนอื่น ๆ ได้แต่อ้าปากค้าง

“เถาฮวา ได้ยินผิดหรือเปล่าน่ะ”

“ได้ยินแบบนั้นจริงๆ นะ” เถาฮวายืนยัน “ผู้อาวุโสสองท่านนั้นฐานะทางบ้านดี ปกติชอบพวกดอกไม้สวย ๆ งาม ๆ แบบนี้อยู่แล้วน่ะ”

“แต่ 50 หยวนมันแพงมากเลยนะคะ” เหลียงซิ่วส่ายหัว

ถ้าเป็นเธอคงไม่เจียดเงินจ่ายด้วยซ้ำ

“ตอนอยู่หงซินไม่เคยนึกถึงเงิน 50 หยวนด้วยซ้ำ แม้ว่าตอนนี้จะย้ายมาอยู่เมืองหลวงหาเงินได้มหาศาล ก็ยังไม่อยากใช้เงินขนาดนั้นซื้อดอกไม้กระถางเดียวหรอกนะ”

เสี่ยวเถียนเริ่มสนใจเมื่อได้ยินราคาของมัน

50 หยวนเท่ากับเงินเดือนหนึ่งเดือนของคนงานทั่วไป การเอาไปใช้ซื้อดอกไม้กระถางนั้นถือว่าใจป้ำมากเลยนะ หรือมันมีความพิเศษอะไรในดอกไม้หรือเปล่า

หากเป็นยุคหลัง ๆ ก็ไม่แปลกหรอกที่จะมีคนรวยมากมายใช้เงินมหาศาลเพื่อซื้อดอกกล้วยไม้กระถางเดียว แต่ตอนนี้เราอยู่ในยุค 80 นะ

เดี๋ยวนะ หรือว่า…

เสี่ยวเถียนนึกถึงคดีฆาตกรรมประหลาดคดีหนึ่งในชาติที่แล้ว ที่สนใจเพราะมันเกิดจากดอกไม้สองกระถางนี่แหละ ขณะที่คนร้ายบุกรุกเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง เขาได้สังหารเจ้าของดอกไม้ทิ้งเหมือนว่าจะอยากเอารถไปแลกกับดอกไม้กระถางหนึ่ง ตอนนั้นไม่ว่าใครก็เห็นว่าเป็นเรื่องตลก

แม้แต่ตอนนั้นเธอยังคิดเลย แต่ดูเหมือนในตอนนี้จะไม่เป็นเช่นนั้นแล้วนะ เพราะอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า จะเกิดเรื่องน่าอัศจรรย์ใจขึ้นเยอะแยะ

ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นช่วงสองสามปีที่จะถึงเนี่ยแหละ

เธอพยายามนึกถึงข่าวในหนังสือพิมพ์ช่วงสองปีนี้ โดยนึกย้อนจากเบาะแสที่รายงานไว้ในนั้นการอ่านหนังสือเยอะ ๆ มันดีจริง ๆ นะ แม้แต่หนังสือพิมพ์ก็ยังมีประโยชน์ในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้เลย

หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็เจอจากส่วนหนึ่งในความคิด เหมือนว่าเมื่อปีที่แล้วชุนเฉิงได้จำกัดการซื้อของต้นคลีเวีย*[1] แล้วก็มีจัดการนิทรรศการด้วย

หากเดาไม่ผิดราคาเดี่ยว ๆ ของต้นไม้ชนิดนี้เดิมทีสูงอยู่แล้วด้วย

“ป้าเถาฮวารู้ไหมคะว่าเป็นดอกอะไร?” เสี่ยวเถียนตื่นเต้น

เธอลืมเรื่องการหาเงินอย่างว่องไวในยุคนี้ไปได้ยังไงกัน?

“อะไรคลี ๆ นี่แหละ แต่ไม่เห็นเหมือนกล้วยไม้เลย” จากนั้นผู้เป็นป้าก็ขบคิดอีกครั้ง

“ตอนป้าไป ใบของมันกว้างมากเลย แต่ยังไม่ออกดอกนะ”

แกใช้สองนิ้ววัดระยะให้ดู

มันคือคลีเวียแน่นอน!

“ชื่อคลีเวียใช่ไหมคะ?”

เถาฮวาตบขาทันที “ชื่อนี้แหละ ป้าจำไม่ได้หรอก แค่ดอกไม้กระถางเดียวก็ใช้เงินเดือนทั้งเดือนจ่ายแล้ว แบบนี้ใครที่ไหนจะไม่โกรธล่ะ?”

เสี่ยวเถียนยิ้มเมื่อได้รับการยืนยัน

“เถาฮวายังไม่รู้ใช่ไหม ดอกคลีเวียมีถิ่นกำเนิดด้วยนะ” อวี่รุ่ยหยวนยิ้ม

“คุณย่าอวี่บอกหน่อยค่ะว่ามันเป็นไงมาไงหรือคะ?”

“คลีเวียเป็นดอกไม้นำเข้าน่ะ มีถิ่นกำเนิดที่ป่าไม้เขตร้อนแถบแอฟริกาใต้ ในปี 1823 เจมส์ บอสเวลล์ได้ค้นพบมันที่นั่นแล้วนำกลับมายังอังกฤษ จากนั้นมันก็ถูกปลูกไว้ในสวนของยุคไคลฟ์แห่งนอร์ทธัมเบอร์แลนด์ ทางตอนเหนือของอังกฤษน่ะ”

“แต่คลีเวียในสมัยนั้นที่บอสเวลล์เอากลับมาไม่ใช่คลีเวียที่เราเห็น ๆ ในปัจจุบันหรอกนะ ช่วงปี 1828 นักพฤกษศาสตร์อย่างจอห์น ลินด์เลอร์ก็ได้ตั้งชื่อให้มันว่า ‘คลีเวีย โนบิลิส’ ตามระเบียบสากลว่าด้วยการตั้งชื่อทางพฤกษศาสตร์”

เหล่าผู้หญิงในตระกูลตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก และยกย่องหญิงชราที่เป็นผู้รอบรู้

คุณย่าซูยิ้ม “ชื่อคลีเวีย โนบิลิสฟังดูแปลกจังเลยนะ!”

“แต่ที่ต่างประเทศเขาไม่ได้ใช้ชื่อนี้หรอกนะ มันเป็นชื่อที่ซาบุโร โอคุโบะชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งแปลมาน่ะ ด้วยความที่รูปร่างใบของมันคล้ายกับกล้วยไม้บ้านเรา ก็เลยเรียกกันว่าคลีเวีย”

รอยยิ้มบนใบหน้าคุณย่าซูจางลงเล็กน้อย “ชื่อฟังแปลกจริง ๆ คนญี่ปุ่นคิดออกมาได้ยังไงเนี่ย?”

ไม่ชอบหรือไงกัน?

หลังจากนั้นทุกคนก็เอ่ยกันว่าในเมื่อมันมาจากญี่ปุ่น ทำไมพอเข้าจีนแล้วถึงขายในราคาที่สูงอีกล่ะ?

“หนูเคยได้ยินคนบอกว่ากล้วยไม้มีราคาสูงมาก อันนี้คือสาเหุตหรือเปล่าคะ?” หลี่เจี้ยนหงได้ยินพอดีจึงเอ่ยถาม

“เดาผิดแล้วจ้ะลูกสาว คลีเวียไม่ใช่กล้วยไม้หรอกนะ มันเป็นพืชในวงศ์ Amaryllidaceae น่ะ ไม่เกี่ยวอะไรกับกล้วยไม้เราเลย”

“ไม่เกี่ยวกันหรือเนี่ย แต่เขาก็ยังเรียกด้วยชื่อนี้อยู่สินะ” หลี่เจี้ยนหงว่าแล้วกัดด้าย

[1] คลีเวีย ชื่อภาษาจีนของหรือว่านแสนสิบ (君子兰) และกล้วยไม้ (兰花) มีคำว่า 兰 เหมือนกัน เถาฮวาจึงเข้าใจไปว่า ดอกไม้ชนิดนี้มีชื่อเหมือนกล้วยไม้แต่รูปลักษณ์ไม่เหมือนกล้วยไม้