บทที่ 858 เติบโตมาอย่างดี

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

ทั้งคู่สามีภรรยาเลิ่กลั่กและลำบากใจอยู่ครู่หนึ่ง

อารัณเองก็ตกตะลึงครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเขารีบปิดปากไอริณอย่างรวดเร็ว กลัวว่าเธอจะพูดอะไรอีก และยิ้มแห้งๆ ให้วารุณีกับนัทธี “เอ่อ…ปะป๊า หม่ามี๊ ไอริณก็แค่ปากไม่มีหูรูด อย่าคิดเล็กคิดน้อยเลยนะครับฮ่าๆ”

วารุณีกุมขมับและกล่าวอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก “เอาละจ้ะ ปล่อยน้องได้แล้ว”

“ครับ” อารัณเชื่อฟังคำพูดของเธอ จึงเอามือออกจากปากของไอริณ

ไอริณกะพริบตามองไปยังนัทธีกับวารุณีปริบๆ “หม่ามี๊ เมื้อกี้ไอริณพูดอะไรผิดไปหรือ?”

วารุณีย่อตัวลง จับไหล่สาวน้อยด้วยมือทั้งสองข้างพลางกล่าวเบาๆ “ไม่ได้พูดผิดหรอกจ้ะ แต่คำพูดพวกนี้วันหลังห้ามพูดแล้ว ปะป๊าหม่ามี๊ยังพอโอเค ไมโกรธลูกหรอก แต่ถ้าไอริณเห็นคนอื่นกำลังกัดปากกันแล้วพูดออกไป คนอื่นจะโกรธ เข้าใจไหมจ๊ะ?”

ไอริณกะพริบตาดูเหมือนเข้าใจแต่จริงๆ ไม่เข้าใจ “ปะป๊า เป็นอย่างนั้นจริงหรือ?”

นัทธีตอบรับ “ใช่ลูก”

“ก็ได้ค่ะ” ไอริณพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “ไอริณรู้แล้ว วันหลังไอริณจะไม่พูดแล้ว”

“แบบนี้ถูกแล้วจ้ะ” วารุณียกมือขึ้นเกาจมูกจิ๋วๆ ของสาวน้อย แล้วยืนขึ้น

แม้ว่าไอริณจะเปิดเผยว่าเธอเพิ่งจูบกับนัทธี ทำให้เธอก็ค่อนข้างอาย

อย่างไรก็ตาม เด็กทั้งสองคนไม่เคยเห็นเรื่องแบบนี้มาก่อน ดังนั้นความเขินอายก็อยู่แค่ครู่เดียวเท่านั้น และหลังจากนั้นก็จะดีเอง

“จริงสิ พวกลูกเรียกหาปะป๊ากับหม่ามี๊มีอะไรหรือเปล่า?” นัทธีมองไปยังเด็กสองคนพลันถามทันที

คำพูดเหล่านี้ทำให้วารุณีนึกขึ้นได้

วารุณีเองก็ยังถามขึ้นอีก “จริงด้วย เมื่อกี้ตะโกนหาเหมือนรีบร้อน มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าจ๊ะ?”

“ไม่มีฮะ” อารัณสั่นศีรษะ จากนั้นสอดมือเข้าไปที่คอเสื้อของเขา และนำหยกที่แกะสลักอย่างละเอียดอ่อนออกมา “คุณป้าลีน่าให้ของขวัญเรามา ไอริณก็แค่อยากจะให้ปะป๊ากับหม่ามี๊ดู พวกเราเลยลงมาตามหา”

“ใช่ค่ะ ปะป๊าหม่ามี๊ดูไหม” ไอริณนำหยกแกะสลักของเธอออกมาพลางถามด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข

นัทธีย่อลงนั่งยองๆ หยิบหยกแกะสลักของเธอแล้วมองดู “ไม่เลวเลย ฝีมือละเอียดและงดงามมาก ลีน่าใส่ใจกับมันเลยทีเดียว”

การออกแบบดีมากอย่างไม่ต้องพูดถึง ในแง่ของการทำงานก็ไม่ด้อยกว่าผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะสลักหยกมืออาชีพ

แม้ว่าวัสดุจะไม่แพงมาก แต่ก็ไม่ใช่หยกน้ำแข็งราคาถูก สำหรับลีน่าแล้วกว่าจะได้มาคงเลือดตาแทบกระเด็น

เห็นได้ว่าลีน่าทุ่มเทสุดหัวใจที่จะมอบของขวัญให้กับลูกทั้งสามของเธอ

วารุณียังคงมองดูงานแกะสลักหยกของอารัณ

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นงานแกะสลักหยกที่ลีน่ามอบให้กับเด็กๆ

ก่อนหน้านี้ เธอเพิ่งฟังลีน่าพูดคุยเกี่ยวกับการออกแบบ แต่ไม่เห็นรายละเอียด ดังนั้นเธอจึงจินตนาการไม่ออกเลย

เพียงเดาได้รางๆ ว่ามันจะต้องสวยมากแน่ๆ

แต่ตอนนี้ได้มองดูมัน เธอกพบว่ามันสวยกว่าที่เธอจินตนาการไว้มาก

วารุณีพยักหน้า “ลีน่าใช้ความพยายามอย่างมาก งานแกะสลักหยกที่วิจิตรงดงามแบบนี้ ถ้าวางร้านขายเครื่องประดับทั่วไป ก็ถือว่าเป็นสมบัติของร้านในเมืองเชียวละ”

นัทธีตอบรับ “ของอารัณกับไอริณล้วนประณีตทั้งคู่ ของสุขใจก็คงเหมือนกัน หยกแกะสลักสามชิ้น ก็อาจจะหลายล้านเลย”

“เงินเยอะขนาดนี้เลยหรือคะ?” ไอริณตกใจ

เธอยังเด็ก แม้ว่าจะมีความคิดเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่มาก แต่หลังจากได้ยินเงินเป็นล้านแล้ว ยังรู้ว่ามีเงินมากมาย

อารัณมองดูงานแกะสลักหยก แล้วหันไปมองวารุณีกับนัทธีพลางคิดว่า “ปะป๊าหม่ามี๊ เจ้านี่มันมีค่าเกินไป เราคืนให้ป้าลีน่าดีไหม?”

“ไอริณก็จะคืน” ไอริณเองก็โพล่งขึ้นมา

วารุณีกับนัทธีมองหน้ากันและยิ้ม

จากนั้นนัทธีก็ลูบที่หน้าผากของเด็กทั้งสองและปลอบโยนพวกเขาอย่างเอาใจ “ไม่ต้องหรอก เธอเป็นคนให้เราสองคน เราสองคนก็รับไว้เถอะ”

“แต่ว่าของนี่มีค่ามากนี่ครับ” อารัณขมวดคิ้ว

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ” วารุณีนำหยกแกะสลักกลับเข้าไปในเสื้อผ้าของเขา “มีปะป๊ากับหม่ามี๊นี่ หม่ามี๊เคยรับปากป้าลีน่าไว้แล้วว่าเมื่อเธอมีลูกแม่ก็จะให้ของขวัญลูกเธอด้วยเหมือนกัน ดังนั้น พวกเราก็รับไว้เถอะจ้ะ ดูแลดีๆ อย่าทำหายละ”

“จริงเหรอคะ?” ไอริณมองไปทางนัทธีเพื่อยืนยัน

นัทธีพยักหน้าเล็กน้อย “จริงสิ ปะป๊ากับหม่ามี๊จะรับผิดชอบทุกอย่างเอง ถ้าพวกเราชอบก็เก็บไว้ ไม่ต้องกังวล ปะป๊าไม่เอาเปรียบเธอหรอก”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนพูด อารัณกับไอริณต่างก็โล่งใจ และไม่ได้กระวนกระวายอีกต่อไป พวกเขายิ้มพลางนำหยกแกะสลักยัดลงในเสื้อผ้า “ขอบคุณปะป๊าหม่ามี๊”

เมื่อพวกเขาเห็นหยกแกะสลักที่ป้าลีน่ามอบให้ พวกเขาก็ชอบมันตั้งแต่แรกเห็น และคิดว่ามันสวยงามมาก

แต่กลับไม่เคยคิดว่าหยกแกะสลักมีมูลค่าเท่าไหร่

จนกระทั่งได้ยินว่าปะป๊าหม่ามี๊กล่าวว่าหยกแกะสลักมีมูลค่านับล้าน พวกเขาถึงตื่นตระหนกและตระหนักว่าพวกเขาได้รับของขวัญราคาแพงเช่นนี้ อาจทำให้ปะป๊าหม่ามี๊ลำบากใจ

ทว่าพอตอนนี้ได้ยินปะป๊าหม่ามี๊พูดว่าไม่ต้องลำบากใจ แค่รับมันไว้อย่างสบายใจ พวกเขาจะจัดการทั้งหมดเอง

พวกเขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก โดยรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ผิดที่รับของขวัญมาหรือทำอะไรผิด

“พวกเราไม่ต้องขอบป๊ากับมี๊หรอก คนที่ควรขอบคุณคือป้าลีน่าต่างหากละจ้ะ” วารุณีกล่าวพลางลูบใบหน้าน้อยๆ ของเด็กน้อยทั้งสอง

“แล้วพวกเราได้ขอบคุณหรือยัง?” นัทธีถามพลางมองดูเด็กสองคน

ทั้งคู่พยักหน้าน้อยๆ พร้อมกัน

“แน่นอนครับ พวกเราเป็นเด็กดีนี่นา” อารัณเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างภาคภูมิใจ

ไอริณจับฝ่ามือเล็กๆ ของเธอและพยักหน้าอย่างจริงจัง “พี่พูดถูก ตอนเรารับของขวัญจากคุณป้า เราก็ขอบคุณคุณป้าแล้วค่ะ น้องขอบคุณไม่ได้ หนูกับพี่ก็ช่วยพี่ช่วยกันขอบคุณให้ด้วยแหละ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ วารุณีก็ปลื้มอกปลื้มใจเป็นอย่างมาก “ดีแล้วจ้ะ อารัณไอริณเป็นเด็กดีที่สุดของปะป๊ากับหม่ามี๊เลย”

“แล้วน้องล่ะคะ?” ไอริณเงยหน้าขึ้นถาม “น้องไม่เป็นหรือ?”

วารุณีหัวเราะเบาๆ “แน่นอนว่าก็เป็นเหมือนกันจ้ะ แต่ตอนนี้น้องยังพูดไม่เป็น หม่ามี๊ก็เลยชมพวกเราไง”

“อย่างนี้นี่เอง” อารัณตอบรับทันที

วารุณียืนขึ้น นัทธีที่อยู่ข้างๆ เธอก็ยืนขึ้นเช่นกัน

นัทธีมองดูลูกสองคนของเขาด้วยสายตาภาคภูมิใจ “ลูกๆ ของเราเติบโตขึ้นมาอย่างดีเชียวละ”

รู้จักมารยาท มีทัศนคติสามด้านเป็นปกติ และที่สำคัญก็คือพี่น้องปรองดองกัน

ดังนั้นเขาจึงภูมิใจในตัวลูกมาก

วารุณีฟังคำพูดของสามีแล้วจึงพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่ค่ะ”

“ต้องยกความดีความชอบให้คุณทั้งหมดเลยนะเนี่ย” นัทธีโอบเอวพลางกระซิบเบาๆ ที่หูของเธอ

วารุณีรู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อยเนื่องจากโดนความร้อนจากลมปากของเขา เธอจึงอดที่จะหดคอ จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมา “เอ๋? ความดีความชอบของฉันคนเดียว ไม่มีของคุณหรือ?”

นัทธีสั่นศีรษะ “ตอนนี้ยังไม่มี เพราะคุณเป็นคนเลี้ยงดูอารัณกับไอริณจนโตมาได้ขนาดนี้ ในช่วงเวลานี้ ผมในฐานะพ่อของพวกเขากลับไม่ได้มอบอะไรให้เลย เพราะงั้น…”

เขายังกล่าวไม่ทันจบ ก็ถูกวารุณียกมือขึ้นปิดปากเสียแล้ว “อย่าพูดแบบนั้นสิ”

เธอมองเขาอย่างจริงจัง “ก่อนหน้านี้ที่คุณไม่ได้มอบอะไรให้ ไม่ใช่เพราะความผิดของคุณที่เป็นพ่อหรอกนะ แต่เพราะคุณไม่รู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขา ถ้าคุณรู้ ต่อให้เราไม่ได้รักกัน คุณก็ยังมีความรับผิดชอบต่อพวกเขา เพราะพวกเขาเป็นลูกของคุณ ดังนั้นคุณไม่ต้องรู้สึกว่าที่คุณไม่เคยเลี้ยงดูพวกเขามาก่อนเป็นเพราะคุณไม่ดี ในทางกลับกัน คุณดีมาก หลังจากรู้ว่ามีพวกเขา คุณก็มาทำหน้าที่ของคนเป็นพ่อทันทีเลยไม่ใช่หรือ?”

นัยน์ตาของนัทธีสั่นเทา

วารุณีกล่าวขึ้นอีกครั้ง “แล้วใครบอกว่าการสั่งสอนพวกเขาให้ดีเป็นเพียงความดีความชอบของฉันคนเดียว? แน่นอนว่าของคุณด้วย ตั้งไม่น้อยแน่ะ”