บทที่ 916 เจ้าแดนต้องห้ามอันธการออกโรง

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 916 เจ้าแดนต้องห้ามอันธการออกโรง

“ไม่ทราบว่าท่านเทพมาหาข้าด้วยเรื่องใดหรือ”

หานเจวี๋ยถาม น้ำเสียงฉงนอยู่บ้าง

เทพมหาทัณฑ์เอ่ยว่า “ข้าอยากคุยกับเจ้าเรื่องแดนบรรพกาล”

เขาไม่ได้ปิดบัง เปิดเผยถึงแผนการลับของตนกับดวงจิตบรรพกาลออกมา โดยไม่กลัวจะถูกหานเจวี๋ยเปิดโปงเลย ถึงอย่างไรในฉากหน้าพวกเขาก็ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของฟ้าบุพกาลแล้ว

รอจนเทพมหาทัณฑ์เล่าจบ หานเจวี๋ยพูดไม่ออกเลย

คนผู้นี้เอาเรื่องเกี่ยวพันถึงชีวิตมาเล่าให้คนอื่นฟัง!

คิดอะไรอยู่กัน

หากหานเจวี๋ยเป็นเทพมหาทัณฑ์ ย่อมร่วมมือกับอริยะสวรรค์เกรียงไกรต่อกรกับผู้แข็งแกร่งกว่าอย่างดวงจิตบรรพกาล มิใช่ยอมศิโรราบไปตรงๆ ยินดีเป็นสุนัขรับใช้

“หากพวกเราติดตามดวงจิตบรรพกาล จะได้ครอบครองฟ้าบุพกาลอย่างแท้จริง เหนือฟ้าบุพกาลขึ้นไปยังมีตัวตนยิ่งใหญ่ลึกลับอยู่ เจ้าก็น่าจะรับรู้ได้เช่นกัน บรรพชนเต๋าก็คือหนึ่งในบรรดานั้น เจ้ายึดติดเฝ้าพิทักษ์มรรคาสวรรค์ จะกลายเป็นช่วยตัดชุดแต่งงานให้บรรพชนเต๋าได้ง่ายๆ นี่ไม่คุ้มเอาเสียเลย อีกอย่าง มิใช่ว่าเจ้าสร้างจักรวาลแห่งใหม่ขึ้นแล้วหรือ”

เทพมหาทัณฑ์จ้องมองหานเจวี๋ย เอ่ยอย่างจริงจัง

หานเจวี๋ยเงียบไป

เทพมหาทัณฑ์ถอนหายใจเอ่ยไปว่า “อีกอย่าง ดวงจิตบรรพกาลยึดติดดึงดันนัก เรื่องนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้แล้ว”

หานเจวี๋ยถาม “เหตุใดเจ้าถึงไม่ต่อต้านเขา พวกเราร่วมมือกันได้”

เทพมหาทัณฑ์ส่ายหน้าเอ่ยไปว่า “ข้าไม่ก้าวหน้ามานานมากแล้ว ส่วนดวงจิตบรรพกาลแข็งแกร่งถึงขีดสุด อยู่ต่อหน้าเขา ข้าก็ไม่ต่างไปจากสิ่งมีชีวิตสามัญ ห่างชั้นกันมากจริงๆ มากจนเจ้าจิตนาการไม่ออก เหตุผลที่ก่อนหน้านี้เขาปล่อยเจ้าไป หาใช่เพราะกริ่งเกรงเจ้าไม่ เพียงแค่ไม่อยากเสียเวลาเท่านั้น”

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว “ในฟ้าบุพกาลแห่งนี้ไม่มีคนที่สามารถต่อกรกับดวงจิตบรรพกาลได้จริงๆ น่ะหรือ เหล่าจื่อล่ะ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการล่ะ ตัวตนที่ไม่อาจกล่าวนามได้เหล่านั้นล่ะ หากรวมตัวกันขึ้นมา จะยังไม่ได้อีกหรือ”

เทพมหาทัณฑ์ส่ายหน้า

หานเจวี๋ยเงียบไปอีกครั้ง

เทพมหาทัณฑ์เอ่ยเรียบๆ ว่า “สหายเต๋าลองทบทวนดูเถิด มากสุดคือหนึ่งล้านปี ค่อยมอบคำตอบให้ข้า ข้าอยากปกป้องเจ้า และอยากปรับเปลี่ยนฟ้าบุพกาลไปพร้อมกับเจ้า”

แดนความฝันสลายไป

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น แสดงสีหน้าเย็นชา

“เทพมหาทัณฑ์ ขอบใจมากสำหรับความหวังดีของเจ้า เพียงแต่ความอ่อนแอของเจ้าไม่อาจเปลี่ยนแปลงฟ้าบุพกาลได้ ตัวเจ้าไม่ได้ต่างไปจากบรรพชนเทพปฐมกาลในกาลก่อนเลย หากปรากฏตัวตนแข็งแกร่งกว่าพวกเจ้าขึ้น พวกเจ้าจะยอมสยบหรือ”

ดวงตาหานเจวี๋ยส่องประกายวาววับ

รอจนสังหารดวงจิตบรรพกาลได้ เขาเตรียมจะผลักดันผู้นำดวงจิตมหามรรคคนใหม่!

คนที่นิสัยเหมือนเจียงเจวี๋ยซื่อ หานฮวงหรือชิงเทียนเสวียนจีก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน ไม่เคยหวั่นเกรง

น่าเสียดาย บุตรแห่งสวรรค์เหล่านี้ต้องใช้เวลานานเกินไปกว่าจะเติบโต

จากนั้นหานเจวี๋ยไปเข้าฝันพวกจอมเทพข่งเซวี่ย จิ่งเทียนกงและสือตู๋เต้าด้วยรูปลักษณ์ของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ให้พวกเขาปล่อยข่าวลือออกไป บอกว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการกวาดล้างฟ้าบุพกาล จะนำพามาซึ่งยุคสมัยแห่งอันธการ

นี่คือแผนซุ่มโจมตี ให้คนคิดไปว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะต่อกรกับดวงจิตบรรพกาล มีจิตคิดทะเยอทะยาน

ต่อมาเขาไปเข้าฝันหวงจุนเทียนด้วยรูปลักษณ์ดั้งเดิม ให้หวงจุนเทียนช่วยแพร่ข่าวเรื่องพลังคุกคามของดวงจิตบรรพกาล

เขาต้องการให้สร้างแรงกระตุ้นจากหลายๆ ทาง ทำให้ดวงจิตบรรพกาลอยู่ไม่สุข ทำให้เทพมหาทัณฑ์ขึ้นหลังเสือแล้วยากจะลงได้

ตอนนี้หานเจวี๋ยแตกต่างไปจากตัวเขาในสมัยก่อนแล้ว ตบะฐานะเหนือล้ำในฟ้าบุพกาล มีอิทธิพลกระจายอยู่ในฟ้าบุพกาล เรื่องราวมากมายไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเองอีก

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ หานเจวี๋ยก็จมจ่อมเข้าสู่สภาวะฝึกบำเพ็ญ

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การฝึกบำเพ็ญห้ามหย่อนยานลง

อำนาจเป็นเพียงส่วนเสริม พลังต่างหากที่เป็นรากฐาน!

….

มรรคาสวรรค์ ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม

ภายในตำหนักเอกภพ เหล่าอริยะมารวมตัว

อริยะเทพอวี๋เจี้ยน มหาอริยะสวีหุน หงหยวนสามอริยะมหามรรคก็มาเช่นกัน

จอมอริยะเสวียนตูเล่าเรื่องแดนบรรพกาล เหล่าอริยะพากันเสียงฮือฮา

“อะไรนะ พวกเราต้องรับกรรมจากความแค้นที่บรรพชนเต๋าก่อหรือ”

“จองหองนัก!”

“เยี่ยมมาก มรรคาสวรรค์สงบสุขมานานเกินไปแล้ว สมควรมีภัยพิบัติมาเยือนบ้าง”

“ตอนนี้มรรคาสวรรค์มีครึ่งอริยะเกินหมื่นแล้ว ต้าหลัวนับล้าน แกร่งกล้าเพียงใดแล้ว แดนบรรพกาลนับเป็นอันใดได้ แดนเทพหวนปัจฉิมในกาลก่อนก็มิใช่คู่ต่อสู้ของมรรคาสวรรค์เราเช่นกัน!”

“ถูกต้อง มรรคาสวรรค์มีอริยะมหามรรคสามท่าน อีกทั้งมีอริยะสวรรค์เกรียงไกรที่เหนือกว่าอริยะมหามรรคอยู่ด้วย”

“พวกเราต้องติดต่อกับดินแดนอื่น ร่วมมือกันต่อกรกับแดนบรรพกาล บอกว่าแดนบรรพกาลต้องการทำลายมรรคาสวรรค์ และต้องการทำลายพวกเขาเช่นกัน น้ำใจที่มรรคาสวรรค์มีต่อโลกอื่นๆ สรรพสิ่งต่างรู้แจ้งดี แดนต้องห้ามบรรพกาล ไหนเลยจะเทียบกับมรรคาสวรรค์ได้”

เหล่าอริยะพากันวิพากษ์วิจารณ์ แสดงความเห็นต่างกันไป ทั้งหมดล้วนไม่กริ่งเกรงแดนบรรพกาลเลย

หลังจากจบศึกขุนพลศักดิ์สิทธิ์ มรรคาสวรรค์ก็กลายเป็นตอแข็งอย่างสมบูรณ์ มีความเย่อหยิ่งมองหยามฟ้าบุพกาลขึ้นมาแล้ว

ผานซินสบถ “มาก็มาสิ จะได้สำแดงพลังแห่งมรรคาสวรรค์ให้เป็นที่ประจักษ์พอดี บุตรแห่งสวรรค์ของเผ่าผานกู่ก็ผงาดขึ้นมาแล้ว ถึงแม้จะไม่ใช่อริยะ แต่ก็อยู่ไม่ไกลจากระดับอริยะแล้ว”

ฉินหลิงลุกขึ้นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะเดินทางไปยังแดนบรรพกาลเอง คอยส่งข่าวให้ทางมรรคาสวรรค์ หากอีกฝ่ายคิดจะกวาดล้างมรรคาสวรรค์ จะต้องมีความเคลื่อนไหวใหญ่โตแน่นอน”

หานอวี้ลุกตาม เอ่ยว่า “อาจารย์ปู่จะไปกับเจ้าด้วย”

พอเห็นหานอวี้ลุกขึ้น จี้เซียนเสิน หยางเทียนตง หลงเฮ่า ฟางเหลียงรวมถึงอริยะส่วนหนึ่งก็ลุกขึ้นมาเช่นกัน 艾琳小說

จอมอริยะเสวียนตูกล่าวว่า “เรื่องนี้ยังต้องหารือวางแผนกันในระยะยาว ต้องจัดวางคนไว้เฝ้าแดนบรรพกาลจริงๆ”

เหล่าอริยะฟังแล้วก็จำต้องนั่งลง

ในเวลานี้เอง ตัวตนของดวงจิตบรรพกาลได้เผยแพร่ไปทั่วฟ้าบุพกาลแล้ว ข่าวแพร่ไปไวยิ่ง

เทพมหาทัณฑ์ก็ทราบเรื่องนี้แล้วเช่นกัน

เขาลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วแน่น พึมพำว่า “แปลกนัก เหตุใดข่าวถึงแพร่ออกไปได้ หรือว่าจะเป็นฝีมือของอริยะสวรรค์เกรียงไกร”

“ไม่ถูกสิ เป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ”

“หรือว่าตัวตนที่ไม่รู้จักเหล่านั้นลงมือแล้ว”

สีหน้าของเทพมหาทัณฑ์ไม่น่ามองอย่างยิ่ง

ถึงแม้เขาจะเป็นผู้นำดวงจิตมหามรรค แต่ในฟ้าบุพกาลนี้มีตัวตนมากมายเหลือเกินที่เขามองไม่ออก

ดวงจิตบรรพกาลต้องการต่อกรกับตัวตนที่ไม่รู้จักเหล่านั้น เจ้าแดนต้องห้ามอันธการเห็นได้ชัดว่าเป็นหนึ่งในตัวตนลึกลับที่ปรากฏในฉากหน้า

เทพมหาทัณฑ์ได้ยินข่าวเหล่านั้นแล้ว บอกว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการต้องการกวาดล้างฟ้าบุพกาล

หรือว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการต้องการต่อกรกับดวงจิตบรรพกาล

ช้าก่อน!

คงมิใช่ว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการมีส่วนเกี่ยวข้องกับอริยะสวรรค์เกรียงไกรกระมัง

จิตใต้สำนึกของเทพมหาทัณฑ์ต้องการเข้าฝันหานเจวี๋ย สอบถามให้กระจ่าง แต่พอคิดดูอีกที ถามแล้วอย่างไรเล่า

เรื่องเกิดขึ้นมาแล้ว!

“เยี่ยมมาก ข้าก็อยากเห็นนักว่าตัวเจ้าอริยะสวรรค์เกรียงไกรและเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะต่อกรกับข้าและดวงจิตบรรพกาลได้หรือไม่!”

เทพมหาทัณฑ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น ดวงตาเปี่ยมเจตนาสังหาร

เขายังคงเป็นเทพมหาทัณฑ์คนนั้นที่กล้าสังหารผู้นำดวงจิตมหามรรคอยู่!

อีกด้านหนึ่ง

[เทพมหาทัณฑ์เกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 3 ดาว]

แจ้งเตือนหนึ่งเด้งขึ้นมาเบื้องหน้าหานเจวี๋ยที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ เขาไม่สนใจ ฝึกบำเพ็ญต่อไป

พอถึงเวลาก็จัดการไปพร้อมกันเลยดีกว่า

เดิมทีคิดว่าจะร่วมมือกันสร้างสรรค์จัดการรูปการณ์มรรคาสวรรค์ได้ ดูเหมือนผู้เฒ่จะต้องทำคนเดียวเสียแล้ว!

ในเมื่อฟ้าบุพกาลไม่ยอมรับข้า เช่นนั้นข้าจะครอบครองฟ้าบุพกาลซะ!

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

เขาอยากฝึกบำเพ็ญอย่างสงบ แต่มักจะมีคนมาหาเรื่องเสมอ

หานเจวี๋ยนึกถึงบรรพชนเต๋าขึ้นมา

บางทีบรรพชนเต๋าอาจจะวางแผนทุกอย่างนี้อยู่ในมุมมืด ให้มรรคาสวรรค์ไม่มีวันได้สงบสุข

แน่นอนว่าเป็นเพียงการคาดเดา

ไม่แน่ว่าบรรพชนเต๋าอาจจะแบกรับภาระเพื่อมรรคาสวรรค์ไว้มากยิ่งก็เป็นได้

….

ใต้ต้นพฤกษาเก่าแก่

หานชิงเอ๋อร์และหานฮวงนั่งสมาธิอยู่ข้างกัน ทันใดนั้นทั้งสองพลันลืมตาขึ้นพร้อมกัน

“ชิงเอ๋อร์ เจ้าเก่งกาจขึ้นแล้ว”

หานฮวงกล่าวชม วาจานี้พอแว่วเข้าหูหานชิงเอ๋อร์แล้วกลับระคายหูอย่างยิ่ง

“เฮอะ!”

หานชิงเอ๋อร์แค่นเสียง ลุกขึ้นเดินหนี

หานฮวงรีบตามไป “ชิงเอ๋อร์ ข้าไม่ได้ปลอบใจเจ้านะ ข้าเพียงคุ้นชินกับการทุ่มพลังทั้งหมดออกไป นี่คือสิ่งที่ท่านพ่อสอนข้ามา ไม่ว่าศัตรูจะน่าดูแคลนแค่ไหน ไม่ว่าศัตรูจะอ่อนแอเพียงใด หากลงมือแล้ว ต้องทุ่มพลังทั้งหมด!”

………………………………………………………………